เกิดข้อผิดพลาดบางอย่าง
SR - Sponsored Review : กระทู้รีวิวนี้เป็นกระทู้ SR โดยที่เจ้าของกระทู้
ข้อมูลเพิ่มเติม
[SR] รีวิวห้องอาหาร Crave โรงแรม Aloft สุขุมวิท 11 อร่อยกับเทศกาลซีฟู๊ดเผา/อาหารนานาชนิด จ่ายเพียง 750.-!
โดยสามารถขึ้นลิฟท์จากด้านหน้าโรงแรมขึ้นมาที่ชั้น 8 เลย (หรือจะขึ้นที่ล๊อบบี้ก็มาโผล่ที่เดียวกันนะ) เมื่อมาถึงแล้วก็จะพบกับห้องอาหาร Crave บรรยากาศภายในห้องอาหารก็จะเป็นแบบไม่ได้เป็นทางการมากนัก (แบบห้องอาหารโรงแรมอื่นๆ) เหมือนกำลังนั่งอยู่ในร้านนั่งดื่มสีสันตกแต่งสวยงาม ซึ่งทาง PR บอกว่า นี่เป็น Concept ของห้องอาหารนี้อยู่แล้วที่อยากจะทำให้ลูกค้ารู้สึกสนุกเมื่อได้ทานอาหาร ได้ความสุขทางตาแล้ว ก็ต้องได้ความสุขทางลิ้นด้วย เดี๋ยวเรามาไล่ดูอาหารต่างๆเลยละกันว่าจะมีให้เลือกเยอะและน่ากินสักแค่ไหน ? สมราคาที่จ่ายไปหรือไม่ ?
เดินเข้ามาในห้องอาหารก็จะพบกับโซนแรก เป็นสลัดผัก ที่มีผักสดต่างๆให้เลือกพร้อมกับเครื่องเคียงที่หลากหลายและน้ำสลัดอีก 4 ชนิด เครื่องปรุงสลัดที่นี่ก็มีให้เลือกอยู่ไม่น้อยเลย (ถึงแม้ว่าจะใส่ภาชนะไว้อย่างเล็กๆน้อยๆก็เถอะ) แต่ส่วนใหญ่คนก็ไม่ค่อยจะสนใจโซนสลัดเป็นปกติอยู่แล้ว เข้ามาดูที่สลัดสำเร็จรูปพร้อมทานกันดีกว่า โดยวันนี้มีทั้งหมด 4 เมนูคือลาบหมู/ยำปูอัด/ยำแซลมอนใส่เมล็ดวอลนัทและยำซีฟู้ดที่ใส่กุ้งเนื้อเด้ง/ปลาหมึกให้เยอะสะใจ ที่สำคัญรสชาตินั้นแซ่บถึงเครื่องใช่ย่อย ใครที่ชื่นชอบการทานยำรสแซ่บ ที่นี่ถือว่ารสชาติใช้ได้เลยทีเดียวครับ
ตามมาด้วยโซนที่ถือว่าเป็นไฮไลท์ของที่ห้องอาหารนี้คือ Seafood on ice มีให้เลือกทานตั้งแต่หอยแมลงภู่นิวซีแลนด์/หอยนางรมแปซิฟิกและปูม้านึ่ง แต่ก็ไม่ได้มีให้ทานแค่นี้ยังมี Fresh Seafood On The Grill อันนี้สิถึงจะเรียกว่าอลังการจริงมีให้เลือกทานหลากหลายทั้งกุ้งแม่น้ำตัวโตหัวมันเยิ้ม/กุ้งขาวตัวใหญ่/กุ้งลายเสือตัวใหญ่เนื้อเด้งสู้ฟัน (อันนี้ตื่นเต้นมากเพราะว่าปกติขายกัน 1 กก.ราคาค่อนข้างสูงอยู่เหมือนกันแต่ที่นี่นำมาจัดบุฟเฟ่ต์) กั้งกระดานสดๆเนื้อสีขาวเห็นมันที่หัวสีเหลืองทอง/ปลาซาบะหนังสีเงินมันวาว/หอยหวาน/ปลากระพงเนื้อสีชมพูและปลาแซลมอนชิ้นใหญ่ จะทานอะไรก็หยิบใส่จานพร้อมกับนำคลิปหนีบที่โต๊ะยื่นให้กับเชฟ เพื่อย่างสดๆให้เราได้เลย ส่วนน้ำจิ้มที่นี่ มีให้เลือกทั้งน้ำจิ้มซีฟู้ด (แนะนำว่าน้ำจิ้มซีฟู้ดสีแดงอร่อยกว่าน้ำจิ้มซีฟู้ดสีเขียว) น้ำจิ้มแจ่ว/น้ำจิ้มบาร์บีคิว มัสตาร์ด/ซอสมะเขือเทศ/น้ำพริกเผา/หอมเจียว/เลมอนและน้ำส้มสายชูผสมกับหอมแดงสไตล์ฝรั่ง อยากทานแบบไหนก็เลือกหยิบได้เลยครับ โดยไม่ต้องกลัวว่าจะเชฟจะย่างไม่ทันใจ เพราะมีเตาย่างและเตาอบแยกกันไว้ต่างหาก ส่วนเนื้อปลารับรองว่าจะได้ทานแบบหนังกรอบอร่อย เพราะเขามีกระทะสำหรับย่างปลาโดยเฉพาะ ดีงามมากครับ
เดินถัดมาอีกหน่อยจะเป็นโซนพิซซ่าอบร้อน ซึ่งเชฟจะขอยืนอยู่ตรงนี้และคอยทำให้ใหม่เรื่อยๆสดๆถาดต่อถาด โดยหน้าพื้นฐานสำคัญที่ห้องอาหารจัดเสิร์ฟในไลน์บุฟเฟ่ต์นี้คือพิซซ่ามาการิต้า (แป้งพิซซ่าบางกรอบ ราดด้วยซอสมะเขือเทศปรงรสแบบอิตาเลียน ราดด้วยชีส แต่งหน้าด้วยมะเขือเทศสดชิ้นใหญ่) ใส่ชีสให้เยอะแน่นสะใจ อบในเตาเดียวกับที่อบซีฟู้ดเมื่อกี้ ออกมาเป็นพิซซ่ามาการิต้าแป้งบางกรอบ ชีสเยิ้ม ที่เมื่อหมดแล้วก็จะทำการอบให้ใหม่อยู่เรื่อยๆ และบางทีอาจจะมีพิซซ่าเมนูพิเศษเวียนออกมา โดยแต่ละวันจะมีพิซซ่ามาเสริฟไม่เหมือนกันนะครับ แต่หน้ามาการิต้านี้ถือว่าเป็น Standard ของที่นี่ ของในไลน์หมดเมื่อไหร่ก็ได้ทานถาดใหม่อบร้อนๆจากเตาอย่างแน่นอน
ส่วนต่อมาเป็นโซนอาหารร้อน โดยมีให้เลือกผ่านตั้งแต่หอยลายผัดน้ำพริกเผา แกงเขียวหวานลูกชิ้นกุ้ง/เนื้อปลานึ่งมะนาว (ที่สีสันดูไม่ค่อยแซ่บสักเท่าไหร่) ต้มยำกุ้งใส่กุ้งเด้งให้เยอะ (แต่รสชาติความเผ็ดเปรี้ยวแซ่บกลางๆ) ซุปล็อบสเตอร์(ที่นำเปลือกล็อบสเตอร์มาทำเป็นซุปรสชาติเข้มข้นหอมมัน) และกุ้งอบวุ้นเส้นถือว่าเป็น Signature ของที่นี่นอกจากที่จะใส่กุ้งเด้งให้ค่อนข้างเยอะแล้ว การปรุงรสของกุ้งอบวุ้นเส้นที่นี่รสชาติเข้มข้น หอมกลิ่นสมุนไพรมีความหวานนำเล็กน้อย ส่วนตัวแล้วค่อนข้างชอบกุ้งอบวุ้นเส้นของที่นี่มากเลย เดินไปตักมาทาน 2-3 รอบแหนะ
เดินถัดมาจะเป็นโซนขนมปังซึ่งจะทาเนยทานเปล่าๆ หรือทานกับซุปล็อบสเตอร์เมื่อกี้ก็ได้ครับ แล้วก็มาถึงโซนพิเศษ Pasta Station โดยที่นี่จะมีซอสให้เลือกผัดทั้งหมด 3 แบบคือซอสคาโบนาร่า/Olio Sauce (หรือผัดน้ำมันมะกอกใส่พริกสไตล์ไทยนั่นแหละ) และTomato Basil sauce มีเส้นให้เลือก 2 แบบคือสปาเก็ตตี้ปกติกับแพนเน่ อยากทานเมนูไหนเส้นอะไรก็เขียนได้ในใบสั่งที่อยู่ตรงหน้า Station ได้วันนี้ผมสั่งเป็น สปาเก็ตตี้ผัด Olil Sauce เมื่อสั่งปุ๊บเชฟก็จะผัดสดๆเห็นกันทันที ระหว่างนี้ใครอยากทานใส่กุ้งสด/ใส่เนื้อปู/เนื้อปลาก็สามารถไปหยิบจากไลน์อาหาร แกะเปลือกเอาแต่เนื้อมาให้เรียบร้อย แล้วสามารถนำมาผสมในสปาเก็ตตี้ได้เช่นเดียวกันครับ ส่วนรสชาตินั้นเรียกได้ว่าค่อนข้างครบรส เค็มกำลังดี/เผ็ดมีความหวานมะเขือเทศเล็กน้อย หอมกลิ่นน้ำมันมะกอก ดีงามเลยครับ
โซนอาหาร Hot Dish ยังไม่หมดยังมีให้เลือกทานกันอีก 4 เมนูคือ หมูอบซอสเห็ด (เป็นหมูส่วนสันคอชิ้นใหญ่อบมาสุกกำลังดี ราดด้วยซอสเห็ดรสเค็มกลมกล่อม) ไก่อบซอสไวน์แดง/หมูผัดกระเทียม (อันนี้ถือว่าจะเป็นเมนูที่แสนจะธรรมดา แต่รสชาติเข้มข้นหวานเค็มหอมกลิ่นกระเทียมและกระเทียมเจียวแบบเต็มๆทุกๆคำ) นี่ถ้าไม่ติดว่าอยู่ในไลน์บุฟเฟ่ต์ก็อยากจะทานให้เยอะอยู่แต่ต้องเผื่อท้องไว้กินอย่างอื่นด้วย เมนูสุดท้ายคือผักโขมอบชีส ผักโขมผัดกับวิปปิ้งครีม ปรุงรสมาเค็มเล็กน้อย ราดด้วยชีส อบจนเกรียมกรอบด้านบน คงไม่ต้องสงสัยในความอร่อยนะครับ
ต่อกันด้วยโซนอาหารเสิร์ฟเย็นเริ่มต้นด้วยซูชิหน้าต่างๆ (ไข่หวาน/แซลมอน/ยำสาหร่าย/ปูอัด/แคลิฟอร์เนียโรล)ที่ดูค่อนข้างมาตรฐานไม่ได้หวือหวาอะไร มาพร้อมกับโชยุวาซาบิกินดองและผักเคียงสไตล์ญี่ปุ่น และซาซิมิปลาแซลมอน ที่ตัดเรียงมาให้อย่างสวยงาม ตอบโจทย์สาวกปลาสีส้มอย่างแน่นอน อยากตักกันเข้าไปให้สาแก่ใจได้เลย
ตามมาด้วยโซนชีสและ Cold Cut ชีสของที่นี่มีให้เลือกทาน 2 แบบคือ Emmental Cheese และ Bire Cheese เลือกทานได้กับเครื่องเคียงถึง 6 แบบคือ มะม่วงอบแห้ง กีวี่อบแห้ง มะละกออบแห้ง ถั่ววอลนัทอบ เม็ดมะม่วงหิมพานต์ และเมล็ดฟักทอง (ส่วนตัวผมชอบ Bire Cheese ทานกับผลไม้แห้งอยู่แล้ว ที่นี่ตอบโจทย์มาก) และนอกจากนี้ยังสามารถทานกับสโมคแซลมอน (ปลาแซลมอนรมควัน) แฮมหมู และแฮมไก่ก็ได้เช่นเดียวกัน หรือจะทานเปล่าๆก็อร่อยครับผม (แต่ส่วนตัวว่าค่อนข้างมันเลี่ยนไปหน่อย โดยเฉพาะแซลมอนเลยไม่ได้ตักมาชิมครับ)
SR - Sponsored Review : กระทู้รีวิวนี้เป็นกระทู้ SR โดยที่เจ้าของกระทู้
ข้อมูลเพิ่มเติม
ดูแผนที่ขนาดใหญ่ขึ้น