ความขัดแย้งระหว่างญี่ปุ่นและเกาหลีใต้ยังคุกรุ่น คณะกรรมการโอลิมปิกของเกาหลีใต้อ้างว่า อาหารในมหกรรมโตเกียว โอลิมปิก 2020 อาจปนเปื้อนกัมมันตภาพรังสี พร้อมจะพิจารณาให้นักกีฬาเกาหลีใต้นำอาหารไปเอง
สื่อมวลชนญี่ปุ่นเปิดเผยว่า ในที่ประชุมหัวหน้านักกีฬาโตเกียว โอลิมปิก เมื่อเดือนสิงหาคม ผู้แทนคณะกรรมการโอลิมปิกของเกาหลีใต้ได้ตั้งคำถามถึงความปลอดภัยของอาหารที่ฝ่ายญี่ปุ่นจัดให้กับบรดานักกีฬา ว่ามาจากพื้นที่ปนเปื้อนกัมมันตภาพรังสี เช่น จังหวัดฟูกูชิมะหรือไม่ รวมทั้งไม้ที่ใช้ก่อสร้างในหมู่บ้านนักกีฬามีความเสี่ยงปนเปื้อนรังสีหรือไม่
ญี่ปุ่นตั้งใจให้มหกรรมโตเกียว โอลิมปิก แสดงถึงความพยายามในการฟื้นฟูพื้นที่ภัยพิบัติจากแผ่นดินไหวและคลื่นสึนามิถล่ม การวิ่งคบเพลิงโอลิมปิกจึงเริ่มต้นจากจังหวัดฟูกูชิมะ และฟูกูชิมะยังเป็นสนามแข่งขันเบสบอล และกีฬาอีกหลายประเภท แต่คาดไม่ถึงว่าเกาหลีใต้จะหยิบยกเรื่องความเสี่ยงจากกัมมันตภาพรังสี มา “ฉีกหน้า” กลางที่ประชุม
เกาหลีใต้ยังเพิ่มมาตรการตรวจสอบอาหารนำเข้าจากญี่ปุ่นให้เข้มงวดขึ้นเป็นเท่าตัว ผลไม้ ชา กาแฟสำเร็จรูป และผลิตภัณฑ์ต่าง ๆ ของญี่ปุ่นถูกตรวจสอบกัมมันตรังสีซ้ำซ้อน ส่วนอาหารทะเลจากฟูกูชิมะ, มิยางิ และพื้นที่อื่น 8 จังหวัด ห้ามนำเข้าอย่างสิ้นเชิง
เกาหลีเมาหมัด งัดทุกกลยุทธ์โต้ญี่ปุ่น
มองกันว่า เกาหลีใต้ “จงใจ” เพื่อตอบโต้ญี่ปุ่น ที่ควบคุมการส่งออกวัสดุสำคัญทางเทคโนโลยีให้กับเกาหลีใต้ ซึ่งฝ่ายญี่ปุ่นก็ใช้มาตรการนี้เพื่อ “เอาคืน” ที่ศาลเกาหลีใต้มีคำพิพากษาให้บริษัทของญี่ปุ่นจ่ายค่าชดใช้ให้กับอดีตคนงานเกาหลี ที่ถูกบังคับใช้แรงงานในโรงงานของญี่ปุ่นในช่วงสงครามโลก
ผู้สื่อข่าวชาวญี่ปุ่นที่ประจำในเกาหลีใต้ระบุว่า ศึกชำระแค้นระหว่าง 2 ชาติลุกลามหนัก จากเรื่องการเมืองสู่การค้า จนถึงการประท้วงของชาวเกาหลีใต้เพื่อคว่ำบาตรญี่ปุ่น รัฐบาลเกาหลีใต้ได้สั่งให้หน่วยราชการทุกกรมกองสรรหาทุกวิธีที่จะตอบโต้ญี่ปุ่น
การเปิดประเด็นเรื่องการปนเปื้อนรังสีในอาหารของนักกีฬาโอลิมปิก ก็เป็นอีกไอเดียหนึ่งที่ตอบสนองต่อทำเนียบประธานาธิบดีแดนโสม โดยสื่อเกาหลีก็นำเรื่องนี้ไปขยายผลอีกต่อหนึ่ง แม้แต่สื่อที่วิพากษ์วิจารณ์นายมุน แจอึน ก็ยังร่วมขบวนต้านญี่ปุ่นเช่นกัน
ผู้สื่อข่าวชาวญี่ปุ่นในแดนโสมยังเล่าว่า เขาใช้โทรศัพท์มือถือของเกาหลีใต้ เมื่อเขาเดินทางเข้าประเทศญี่ปุ่น และจีพีเอสของโทรศัพท์ตรวจสอบได้ ก็มีข้อความจากกระทรวงต่างประเทศเกาหลีใต้ส่งมายังโทรศัพท์ของเขาโดยอัตโนมัติว่า “โปรดอย่าเข้าใกล้พื้นที่ฟูกูชิมะ!”
ข่าวจาก : MGR Online
เกาหลีตั้งแง่ “อาหารญี่ปุ่นเปื้อนรังสี” ให้นักกีฬาโอลิมปิกเอาอาหารไปเอง
สื่อมวลชนญี่ปุ่นเปิดเผยว่า ในที่ประชุมหัวหน้านักกีฬาโตเกียว โอลิมปิก เมื่อเดือนสิงหาคม ผู้แทนคณะกรรมการโอลิมปิกของเกาหลีใต้ได้ตั้งคำถามถึงความปลอดภัยของอาหารที่ฝ่ายญี่ปุ่นจัดให้กับบรดานักกีฬา ว่ามาจากพื้นที่ปนเปื้อนกัมมันตภาพรังสี เช่น จังหวัดฟูกูชิมะหรือไม่ รวมทั้งไม้ที่ใช้ก่อสร้างในหมู่บ้านนักกีฬามีความเสี่ยงปนเปื้อนรังสีหรือไม่
ญี่ปุ่นตั้งใจให้มหกรรมโตเกียว โอลิมปิก แสดงถึงความพยายามในการฟื้นฟูพื้นที่ภัยพิบัติจากแผ่นดินไหวและคลื่นสึนามิถล่ม การวิ่งคบเพลิงโอลิมปิกจึงเริ่มต้นจากจังหวัดฟูกูชิมะ และฟูกูชิมะยังเป็นสนามแข่งขันเบสบอล และกีฬาอีกหลายประเภท แต่คาดไม่ถึงว่าเกาหลีใต้จะหยิบยกเรื่องความเสี่ยงจากกัมมันตภาพรังสี มา “ฉีกหน้า” กลางที่ประชุม
เกาหลีใต้ยังเพิ่มมาตรการตรวจสอบอาหารนำเข้าจากญี่ปุ่นให้เข้มงวดขึ้นเป็นเท่าตัว ผลไม้ ชา กาแฟสำเร็จรูป และผลิตภัณฑ์ต่าง ๆ ของญี่ปุ่นถูกตรวจสอบกัมมันตรังสีซ้ำซ้อน ส่วนอาหารทะเลจากฟูกูชิมะ, มิยางิ และพื้นที่อื่น 8 จังหวัด ห้ามนำเข้าอย่างสิ้นเชิง
เกาหลีเมาหมัด งัดทุกกลยุทธ์โต้ญี่ปุ่น
มองกันว่า เกาหลีใต้ “จงใจ” เพื่อตอบโต้ญี่ปุ่น ที่ควบคุมการส่งออกวัสดุสำคัญทางเทคโนโลยีให้กับเกาหลีใต้ ซึ่งฝ่ายญี่ปุ่นก็ใช้มาตรการนี้เพื่อ “เอาคืน” ที่ศาลเกาหลีใต้มีคำพิพากษาให้บริษัทของญี่ปุ่นจ่ายค่าชดใช้ให้กับอดีตคนงานเกาหลี ที่ถูกบังคับใช้แรงงานในโรงงานของญี่ปุ่นในช่วงสงครามโลก
ผู้สื่อข่าวชาวญี่ปุ่นที่ประจำในเกาหลีใต้ระบุว่า ศึกชำระแค้นระหว่าง 2 ชาติลุกลามหนัก จากเรื่องการเมืองสู่การค้า จนถึงการประท้วงของชาวเกาหลีใต้เพื่อคว่ำบาตรญี่ปุ่น รัฐบาลเกาหลีใต้ได้สั่งให้หน่วยราชการทุกกรมกองสรรหาทุกวิธีที่จะตอบโต้ญี่ปุ่น
การเปิดประเด็นเรื่องการปนเปื้อนรังสีในอาหารของนักกีฬาโอลิมปิก ก็เป็นอีกไอเดียหนึ่งที่ตอบสนองต่อทำเนียบประธานาธิบดีแดนโสม โดยสื่อเกาหลีก็นำเรื่องนี้ไปขยายผลอีกต่อหนึ่ง แม้แต่สื่อที่วิพากษ์วิจารณ์นายมุน แจอึน ก็ยังร่วมขบวนต้านญี่ปุ่นเช่นกัน
ผู้สื่อข่าวชาวญี่ปุ่นในแดนโสมยังเล่าว่า เขาใช้โทรศัพท์มือถือของเกาหลีใต้ เมื่อเขาเดินทางเข้าประเทศญี่ปุ่น และจีพีเอสของโทรศัพท์ตรวจสอบได้ ก็มีข้อความจากกระทรวงต่างประเทศเกาหลีใต้ส่งมายังโทรศัพท์ของเขาโดยอัตโนมัติว่า “โปรดอย่าเข้าใกล้พื้นที่ฟูกูชิมะ!”