เมื่อคืนนอนหลับสบายดีมาก เตียงนุ่น ๆ ผ้าหุ่มหนา ๆ ให้ความอบอุ่น บอกตรง ๆ ครั้งแรกที่นอนในอากาศติดลบ แต่ก็ O.K. นะ ทนหนาว แต่มีความสุข หลังจากทานอาหารเช้าเสร็จ รถโค้ชก็มารับเราเหมือนเดิม และพาเราตรงไปที่ 1 ใน 7 สิ่งมหัศจรรย์ของโลก นั่นก็คือ กำแพงเมืองจีน (Great Wall of China) เชื่อหรือเปล่าว่า เขาสร้างมา เมื่อกว่า 2,500 ปีมาแล้ว ตั้งแต่ก่อนสมัยของจิ๋นซีฮ่องเต้ จักรพรรดิองค์แรกในประวัติศาสตร์จีน โน่น... จุดประสงค์ก็เพื่อป้องกันการรุกรานจากชนเผ่าทางตอนเหนือ โดยมีการก่อสร้างเพิ่มเติมโดยฮ่องเต้องค์ต่อมาอีกหลายพระองค์ จนสำเร็จในที่สุด กำแพงเมืองจีนถือเป็นงานก่อสร้างที่มหัศจรรย์ที่สุดแห่งหนึ่งของโลกเท่าที่เคยมีมา ได้ขึ้นทะเบียนเป็นมรดกโลกเมื่อปี พ.ศ. 2530
เขาว่ากันว่า “ถ้ามาประเทศจีน แล้วไม่ได้ขึ้นกำแพงเมืองจีน คือมาไม่ถึงประเทศจีน” อันนี้เรื่องจริง!!! คือแบบว่ามันจะยาว ใหญ่ไปไหน++++ กำแพงเมืองจีน คนจีนเขาเรียกว่า กำแพงหมื่นลี้ เพราะมันยาวกว่า 20,000 กิโลเมตรครอบคลุมพื้นที่ 15 มณฑลทั่วประเทศ ผมคิดเอาเองว่า สมฉายา มังกรจีนแห่งโลกตะวันออก จริง ๆ ว่าแล้วผมก็ค่อย ๆ เดินขึ้นไปตามบันไดของกำแพงเมืองจีน เพื่อขึ้นไปชมวิวบนยอดกำแพง ถึงมันจะค่อนข้างชันไปสักหน่อย แต่ก็พอได้อยู่ เดี๋ยวนี้บางด่านเขามีกระเช้าให้ขึ้นแล้ว ไม่ต้องเมื่อยขาเดินขึ้นไปเอง
ภาพ กำแพงเมืองจีน Cr. วิกิพีเดีย
พอขึ้นไปถึงด้านบนของกำแพงเมืองจีนปุ๊บ... สิ่งที่เห็นก็คือ ทิวเขาอันกว้างใหญ่ หลายลูกเรียงซ้อนกันอยู่ พร้อมกับมองเห็นแนวกำแพงทอดยาวออกไปไกลจนสุดสายตาของเราที่จะมองเห็นได้ นี่คือกำแพงหมื่นลี้ของจริง สมคำร่ำลือ ๆ ผมเดินอยู่บนกำแพงพร้อมทอดอารมณ์ไปตามทิวทัศน์ที่เห็น มันช่างมีความสุขใจเสียจริง แต่ก็พลันฉุกคิดขึ้นมาว่า สมัยเมื่อ 2,000 กว่าปีที่แล้ว มนุษย์สร้างสิ่งยิ่งใหญ่นี้ขึ้นมาได้อย่างไร? หลายคนคงคิดเหมือนผม !!
กำแพงสีอิฐที่เรียงรายทอดยาวไปเป็นหมื่นลี้นี้ แท้จริงแล้วเกิดขึ้นจากการนำอิฐที่ละก้อนมายึดโยงเข้าด้วยกัน ด้วยภูมิปัญญาของคนจีนในอดีตนั้น สะท้อนให้เห็นว่าจริง ๆ แล้ว ภูมิปัญญาของชาวตะวันออก ก็โดดเด่นไม่แพ้ภูมิปัญญาของชาวตะวันตกเช่นกัน เพื่อน ๆ ว่าจริงไหม ผมจึงไม่แปลกใจเลยที่ประเทศจีนจะกลายเป็นมหาอำนาจทั้งทางเศรษฐกิจและวัฒนธรรม แต่ไม่นานก็ต้องกลับลงมาครับ เพราะข้างบนลมมันแรงมาก แถมด้วยความหนาวอีกต่างหาก.... สุด ๆ เลยจร้า
เกร็ดควรรู้
ภูมิอากาศ : ประเทศจีน มี 4 ฤดู คือ ฤดูร้อน (ราวเดือนมิถุนายน - สิงหาคม) ฤดูใบไม้ร่วง (ราวเดือนกันยายน - พฤศจิกายน) ฤดูหนาว (ราวเดือนธันวาคม - กุมภาพันธ์) และฤดูใบไม้ผลิ (ราวเดือนมีนาคม - พฤษภาคม) เลือกไปเที่ยวได้ตามใจเลยจร้า
อาหารการกิน : เออ..เกือบลืม อยู่มาตั้งหลายคืน ยังไม่เคยเล่าเรื่องอาหารการกินเลย ตั้งแต่มื้อแรก ที่ได้กินในร้านอาหารจีน สิ่งที่ประทับใจผมที่สุดคือ คือ ...ไข่เจียว..วว ไปต่างบ้านต่างเมือง เจอไข่เจียวมือแรกนี่ มันฟินสุด ๆ แต่หลังจากนั้นความฟินก็จะค่อย ๆ ลด ที่ละน้อย ๆ เพราะมันมีไข่เจียวให้กินเกือบทุกมื้อเลย 555 โค ตะระ เบื่อ !! คือแบบเดินเข้าร้านอาหาร ได้กลิ่นอาหารแบบเดิมก็เอียน..เลยครับ หุหุ
ห้องน้ำ : สำหรับห้องน้ำ ก็คงต้องทำใจนะ สมัยที่ดช.จุ่นไปตอนนั้น มันยังไม่พัฒนาเหมือนตอนนี้ กลิ่นจากห้องน้ำไม่ต้องพูดถึง เพราะถ้าพูดถึงแล้วมันจะอาเจียน .....เหม็นมากกกก อย่าลืมทิชชูเปียกไปด้วย จะดีมาก
Shopping : ส่วนเรื่องการ Shopping ก็มีให้ Shop กันตลอดครับ ร้านขายหยก, ร้านขายบัวหิมะ, ร้านขายของที่ระลึก รวมถึงร้านขายปี่เซียอันเลื่องชื่อของประเทศจีน ไกด์บอกเราว่า แต่เดิม ปี่เซียะ เป็นสัตว์มงคลที่มีอนุภาพในทางกำจัดปีศาจ และสิ่งชั่วร้ายให้ออกจากชีวิตของเรา ส่วนใหญ่เขาจะแนะนำให้ซื้อ 2 ตัว คือตัวผู้ กับตัวเมียครับ เพราะ "ปี่" คือตัวผู้ และ "เซียะ" คือตัวเมีย ถ้ารวมกัน ถือเป็นวัตถุมงคล สำหรับขจัดสิ่งชั่วร้าย
ใครอยากไปเที่ยวกรุงปักกิ่ง ก็อยากลืมไปเที่ยวสถานที่พวกนี้นะครับ สมชื่อ “ปักกิ่ง ต้องห้ามพลาด “ จริง ๆ เชื่อผม
Cr. Journey..เจอนั่น By ดช.จุ่น
ติดตาม ปักกิ่ง เมืองต้อง (ห้าม)!!! ได้ที่
https://ppantip.com/topic/39265653
ปักกิ่ง เมืองต้อง (ห้าม)!! ตอนที่ 2 (จบ) By ดช.จุ่น
เขาว่ากันว่า “ถ้ามาประเทศจีน แล้วไม่ได้ขึ้นกำแพงเมืองจีน คือมาไม่ถึงประเทศจีน” อันนี้เรื่องจริง!!! คือแบบว่ามันจะยาว ใหญ่ไปไหน++++ กำแพงเมืองจีน คนจีนเขาเรียกว่า กำแพงหมื่นลี้ เพราะมันยาวกว่า 20,000 กิโลเมตรครอบคลุมพื้นที่ 15 มณฑลทั่วประเทศ ผมคิดเอาเองว่า สมฉายา มังกรจีนแห่งโลกตะวันออก จริง ๆ ว่าแล้วผมก็ค่อย ๆ เดินขึ้นไปตามบันไดของกำแพงเมืองจีน เพื่อขึ้นไปชมวิวบนยอดกำแพง ถึงมันจะค่อนข้างชันไปสักหน่อย แต่ก็พอได้อยู่ เดี๋ยวนี้บางด่านเขามีกระเช้าให้ขึ้นแล้ว ไม่ต้องเมื่อยขาเดินขึ้นไปเอง
ภาพ กำแพงเมืองจีน Cr. วิกิพีเดีย
พอขึ้นไปถึงด้านบนของกำแพงเมืองจีนปุ๊บ... สิ่งที่เห็นก็คือ ทิวเขาอันกว้างใหญ่ หลายลูกเรียงซ้อนกันอยู่ พร้อมกับมองเห็นแนวกำแพงทอดยาวออกไปไกลจนสุดสายตาของเราที่จะมองเห็นได้ นี่คือกำแพงหมื่นลี้ของจริง สมคำร่ำลือ ๆ ผมเดินอยู่บนกำแพงพร้อมทอดอารมณ์ไปตามทิวทัศน์ที่เห็น มันช่างมีความสุขใจเสียจริง แต่ก็พลันฉุกคิดขึ้นมาว่า สมัยเมื่อ 2,000 กว่าปีที่แล้ว มนุษย์สร้างสิ่งยิ่งใหญ่นี้ขึ้นมาได้อย่างไร? หลายคนคงคิดเหมือนผม !!
กำแพงสีอิฐที่เรียงรายทอดยาวไปเป็นหมื่นลี้นี้ แท้จริงแล้วเกิดขึ้นจากการนำอิฐที่ละก้อนมายึดโยงเข้าด้วยกัน ด้วยภูมิปัญญาของคนจีนในอดีตนั้น สะท้อนให้เห็นว่าจริง ๆ แล้ว ภูมิปัญญาของชาวตะวันออก ก็โดดเด่นไม่แพ้ภูมิปัญญาของชาวตะวันตกเช่นกัน เพื่อน ๆ ว่าจริงไหม ผมจึงไม่แปลกใจเลยที่ประเทศจีนจะกลายเป็นมหาอำนาจทั้งทางเศรษฐกิจและวัฒนธรรม แต่ไม่นานก็ต้องกลับลงมาครับ เพราะข้างบนลมมันแรงมาก แถมด้วยความหนาวอีกต่างหาก.... สุด ๆ เลยจร้า
เกร็ดควรรู้
ภูมิอากาศ : ประเทศจีน มี 4 ฤดู คือ ฤดูร้อน (ราวเดือนมิถุนายน - สิงหาคม) ฤดูใบไม้ร่วง (ราวเดือนกันยายน - พฤศจิกายน) ฤดูหนาว (ราวเดือนธันวาคม - กุมภาพันธ์) และฤดูใบไม้ผลิ (ราวเดือนมีนาคม - พฤษภาคม) เลือกไปเที่ยวได้ตามใจเลยจร้า
อาหารการกิน : เออ..เกือบลืม อยู่มาตั้งหลายคืน ยังไม่เคยเล่าเรื่องอาหารการกินเลย ตั้งแต่มื้อแรก ที่ได้กินในร้านอาหารจีน สิ่งที่ประทับใจผมที่สุดคือ คือ ...ไข่เจียว..วว ไปต่างบ้านต่างเมือง เจอไข่เจียวมือแรกนี่ มันฟินสุด ๆ แต่หลังจากนั้นความฟินก็จะค่อย ๆ ลด ที่ละน้อย ๆ เพราะมันมีไข่เจียวให้กินเกือบทุกมื้อเลย 555 โค ตะระ เบื่อ !! คือแบบเดินเข้าร้านอาหาร ได้กลิ่นอาหารแบบเดิมก็เอียน..เลยครับ หุหุ
ห้องน้ำ : สำหรับห้องน้ำ ก็คงต้องทำใจนะ สมัยที่ดช.จุ่นไปตอนนั้น มันยังไม่พัฒนาเหมือนตอนนี้ กลิ่นจากห้องน้ำไม่ต้องพูดถึง เพราะถ้าพูดถึงแล้วมันจะอาเจียน .....เหม็นมากกกก อย่าลืมทิชชูเปียกไปด้วย จะดีมาก
Shopping : ส่วนเรื่องการ Shopping ก็มีให้ Shop กันตลอดครับ ร้านขายหยก, ร้านขายบัวหิมะ, ร้านขายของที่ระลึก รวมถึงร้านขายปี่เซียอันเลื่องชื่อของประเทศจีน ไกด์บอกเราว่า แต่เดิม ปี่เซียะ เป็นสัตว์มงคลที่มีอนุภาพในทางกำจัดปีศาจ และสิ่งชั่วร้ายให้ออกจากชีวิตของเรา ส่วนใหญ่เขาจะแนะนำให้ซื้อ 2 ตัว คือตัวผู้ กับตัวเมียครับ เพราะ "ปี่" คือตัวผู้ และ "เซียะ" คือตัวเมีย ถ้ารวมกัน ถือเป็นวัตถุมงคล สำหรับขจัดสิ่งชั่วร้าย
ใครอยากไปเที่ยวกรุงปักกิ่ง ก็อยากลืมไปเที่ยวสถานที่พวกนี้นะครับ สมชื่อ “ปักกิ่ง ต้องห้ามพลาด “ จริง ๆ เชื่อผม
Cr. Journey..เจอนั่น By ดช.จุ่น
ติดตาม ปักกิ่ง เมืองต้อง (ห้าม)!!! ได้ที่ https://ppantip.com/topic/39265653