ปักกิ่ง เมืองต้อง (ห้าม)!! ตอนที่ 1 By ดช.จุ่น

ปักกิ่ง เมืองต้อง (ห้าม)!!  ตอนที่ 1  By ดช.จุ่น
            เมื่อเครื่องบินนำพวกเรามาถึงสนามบินของมหานครกรุงปักกิ่ง จำได้ว่าประมาณ ตี 5 ของประเทศจีน ในใจคิด “ทำไมต้องเดินทางตอนกลางคืนด้วยเนี่ย ง่วงนอนมากกกก!!..”  ทุกคนบนเครื่องยังเมาขี้ตากันอยู่เลย 555  แต่เมื่อเราก้าวออกจากตัวเครื่องบินเท่านั้นละ  ผมก็สะดุ้งตื่น  ทุกคนตื่นตัวกันหมด เพราะสายลมหนาวที่พัดผ่านมาปะทะกับผิวอ่อนๆ ของใบหน้าเรา  ภายในไม่กี่นาทีผิวหน้าของเราก็แห้ง และตึงอย่างไม่เคยเป็นมาก่อน และด้วยอุณหภูมิที่ติดลบ-1 ถึง -3C   แบบว่าเวลาพูดกันหน้ามันจะตึง ๆ นึกออกป่ะ  
                ทันใดนั้นเอง ผมก็ได้ยินเสียงคนตะโกนถามกันไปมาว่า “เสื้อกันหนาว เก็บอยู่ที่ไหนว่ะ?” มันเหมือนเสียงจากเบื้องบนได้ส่งสารมาหาพวกเรา  เพราะทุกคนก้มลงเปิดกระเป๋าเดินทางพร้อม ๆ กัน โดยไม่ได้นัดหมาย (คนไทยนี่สามัคคีกันจริง ๆ 555 ) ทุกคนหยิบเสื้อกันหนาวตัวโตของตัวเองขึ้นมาสวมใส่กันอย่างรวดเร็ว  หลังจากนั้นพวกเราก็ผ่านด่านตรวจคนเข้าเมือง เมื่อผ่านเรียบร้อย เราก็ออกจากสนามบิน  แล้วก็มีรถโค้ชมารับที่สนามบิน พาพวกเราไปเที่ยวตามสถานที่ต่าง ๆ 
                สถานที่แรกที่พวกเราได้ไปถึง ก็คือ จัตุรัสเทียนอันเหมิน (Tian an Men or Gate of Heavenly Peace) ภาษาจีน แปลว่า ประตูแห่งสันติภาพ  ซึ่งตั้งอยู่ใจกลางกรุงปักกิ่ง เป็นจัตุรัสที่ใหญ่ที่สุดในโลก มีเนื้อที่ 2.5 ตารางกิโลเมตร ไกด์บอกกับพวกเราว่า มันสามารถบรรจุคนได้ถึง 2 ล้านคน อืมม...นะ  จะใหญ่ไปไหน (ในใจคิด) จัตุรัสแห่งนี้ถูกสร้างขึ้นในสมัยราชวงศ์หมิง เดิมมีชื่อว่าเดิมว่า “เฉิงเทียนเหมิน” ต่อมาในปีค.ศ. 1651 ซึ่งเป็นสมัยจักรพรรดิซุ่นจื้อแห่งราชวงศ์ชิงมีการบูรณะซ่อมแซมใหม่และได้เปลี่ยนชื่อมาเป็น “เทียนอันเหมิน” มาถึงปัจจุบัน และเป็นสถานที่สำคัญแห่งหนึ่งในประวัติศาสตร์ชาติจีนเลยทีเดียว คือมีการชุมชนของนักศึกษาเรียกร้องการปฏิรูปประชาธิปไตย ในปี 2532 ครับ ก็ฟังเพลิน ๆ  แต่เมื่อผมได้เดินไปเรื่อย ๆ ภายในจัตุรัสดังกล่าว ยิ่งได้เห็นรูปของท่านประธานเหมา เจ๋อ ตุง ด้วยแล้ว ก็รู้สึกได้ถึงความขลังในสถานที่  ไม่เชื่อ..ลองนึกภาพตามนะ  คุณเดินเข้าไปในสถานที่ ๆ  หนึ่ง มองไปไกลสุดลูกหูลูกตา มีแต่ความว่างเปล่า  สายลมหนาวก็พัดผ่านตัวคุณตลอดเวลา  หุ หุ  ขนลุกนะสิ

ภาพ จัตุรัสเทียนอันเหมิน Cr. วิกิพีเดีย
                ผมเดินชมสถานที่ไปสักพักหนึ่ง  เราก็เดินผ่านประตูเทียนอันเหมิน เข้าสู่สถานที่อีกแห่งหนึ่ง ซึ่งก็ยิ่งใหญ่ไม่แพ้กันเลย  นั่นคือ พระราชวังต้องห้ามกู้กง (Imperial Palace or Forbidden City) ตั้งอยู่ด้านหลังจัตุรัสเทียนอันเหมิน นี่เอง ไกด์เล่าให้เราฟัง พระราชวังแห่งนี้ มีพื้นที่ทั้งหมดกว่า 700,000 ตารางเมตร  มีตำหนักน้อยใหญ่ถึง 9,999 ห้อง สร้างในสมัยพระเจ้าหย่งเล่อแห่งราชวงศ์หมิง เมื่อปี ค.ศ. 1406 คิดเอาเองสร้างมากี่ปีแล้วนี่  ปีนี้ก็ ค.ศ. 2005   และยังเป็นที่ประทับของกษัตริย์แห่งราชวงศ์หมิงและชิง รวมทั้งสิ้น 24 พระองค์ มีประวัติที่ยาวนานที่สุดในโลกอีกด้วย  ดูแล้วก็ยิ่งใหญ่ จริงๆ นะครับ  แต่ขอบอกเลย.... เดินไกลม๊าก!! (เสียงสูง++)  ใครไม่ฟิตมีสิทธิขาลากได้ อีกอย่างหนึ่งขอเตือนว่าต้องนำติดตัวไปด้วยเวลาไปเดินในที่อากาศหนาว ๆ นั้นก็คือ ผ้าเช็คหน้า  แบบว่า เคยมั๊ย? ที่เราไม่สามารถควบคุมการไหลของสารคัดหลั่งภายในจมูกของเราเองได้ งง... ก็ขี้มูกมันไหลออกมาแบบว่าเป็นสายน้ำเลย  ใครเคยไปที่หนาว ๆ คงรู้ดี    555

ภาพ พระราชวังต้องห้าม Cr. วิกิพีเดีย
            ยังมีอีกสถานที่หนึ่งที่น่าสนใจ เมื่อคุณเข้าไปในพระราชวังต้องห้ามแล้ว  คุณจะเจอกับมรดกโลกทางวัฒนธรรมอีกแห่งหนึ่ง ก็คือ หอสักการะฟ้า หรือแท่นบวงสรวงของจักรพรรดิในกรุงปักกิ่ง  ปัจจุบันนักท่องเที่ยวก็ยกมือไหว้กันทุกคนเวลาไปชมสถานที่นี้  ขอพรให้เป็นสิริมงคลแก่ตัวเอง และครอบครัว อะไรประมาณนี้  เฉพาะเราที่เดินเที่ยวในนี้ ก็ปาเข้าไปหลายชม.อยู่  พอได้เวลากลับก็มีรถมารับกลับไปทานข้าว แล้วก็เข้าโรงแรมพักผ่อนกันครับ   
คืนแรกในโรงแรมห้องพักมันช่างสบายเสียจริง นั่งเครื่องบิน ไม่ใช่ซิ.... นอนบนเครื่องบินมาไม่สบายเหมือนนอนเตียงนอน จริงป่ะ  คืนนี้เราก็หลับสบาย ไปตามระเบียบ  พรุ่งนี้เช้าค่อยไปเที่ยวกันต่อครับ
 
 
Cr.  Journey..เจอนั่น  By ดช.จุ่น
 
แก้ไขข้อความเมื่อ

แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่