สวัสดีค่ะ วันนี้น้อยมีสกินแคร์จากลาแมร์มารีวิวค่ะ น้องเค้ามีชื่อว่า "LAMER The Treatment Lotion" เป็นสกินแคร์ที่ติด 1 ใน 3 สกินแคร์ยอดนิยมของลาแมร์ในประเทศไทยเลยนะคะ
ถ้าพูดถึงสกินแคร์ตัวท็อป เรื่องความหรูหราและคุ้มค่ากับการลงทุนคงหนีไม่พ้น “ลาแมร์” ค่ะ
ต้องขอเกริ่นก่อนว่าน้อยได้รับผลิตภัณฑ์ LAMER The Treatment Lotion ขนาดทดลอง 5ml จากกิจกรรมของพันทิป ร่วมกับ ลาแมร์ น้อยเลือกไปรับผลิตภัณฑ์ที่พารากอนค่ะ มีน้องบีเอน่ารัก ๆ คอยแนะนำขั้นตอนการใช้อย่างละเอียดเลยค่ะ แถมยังช่วยถ่ายภาพให้ด้วยค่ะ ประทับใจมากก
LAMER The Treatment Lotion ขวดที่ 3 นับจากซ้ายมือค่ะ
"มาพูดถึงสภาพผิวของน้อยกันก่อนค่ะ" >> สภาพผิวค่อนข้างแห้ง จากที่น้อยเป็นคนที่ดื่มน้ำน้อย โดยเฉพาะน้ำเปล่า วันๆ ดื่มแต่น้ำอัดลม บวกกับความเครียดจากงาน และอยู่ในห้องแอร์แทบทั้งวัน สาเหตุเหล่านี้มีส่วนทำให้น้อยมักมีปัญหาผิวแห้งลอก มีผดขึ้นบริเวณกรอบหน้า แต่งหน้าไม่ค่อยติด
LAMER The Treatment Lotion โลชั่นบำรุงผิวสูตรน้ำ มอบความชุ่มชื้นและเตรียมผิวเพื่อการบำรุงขั้นตอนต่อไป
Miracle Broth’ ของดี ในขวดนี้มีไหมเอ่ย ?
หากใครที่หลงรัก Crème de La Mer เหลือเกิน เพราะมีส่วนผสมเลอค่าอย่าง ‘Miracle Broth’ น้ำหมักสกัดจากสาหร่าย Sea Kelp ในตำนานที่มีใน Crème de La Mer นั้น ส่วนผสม ‘Miracle Broth’ ก็ถือได้ว่าเป็นส่วนประกอบหลักของโลชั่นตัวนี้เช่นกัน
ถามว่าคุณสมบัติของเขาคืออะไร ‘Miracle Broth’ คือส่วนผสมที่ให้ผลกับกระบวนการเสริมสร้างผิวใหม่ หรือช่วยการผลัดเซลล์ผิวเก่าอย่างอ่อนโยนขั้นสุด ช่วยเติมเต็มความชุ่มชื่น ปลอบประโลมผิวจากอาการไม่เสถียรต่างๆ ให้สงบลง และแน่นอนคุณสมบัติทั้งหมดนี้จะทำให้ผิวดูเรียบเนียนเปล่งประกายสวยงามอย่างที่ฝัน
ส่วนผสมอีก 2 ตัวที่แท็คทีมมากับ ‘Miracle Broth’ ก็คือ
1. ‘Softening Waters’ เป็นส่วนผสมระหว่างไมโครเจลจากสาหร่าย และไฮยาลูรอนิคช่วยให้ผิวนุ่มเด้งน่าสัมผัส ทันทีที่ใช้
2. ‘Revitalizing Ferment’ น้ำหมักอีกสูตรหนึ่งจากสาหร่ายอีกชนิดซึ่งมีถิ่นกำเนิดอยู่ในทะเลทรายซาเฮล ทวีปแอฟริกา ซึ่งขึ้นชื่อหนักหนาเรื่องความทนถึกขั้นเทพ สามารถปรับตัวตามสภาพแวดล้อมได้เป็นอย่างดี ไม่ว่าสภาพแวดล้อมจะแย่ขนาดไหนก็ไม่ตาย นางจะแค่หลับแล้วรอตื่นขึ้นมาเมื่อพร้อมอีกครั้ง คุณสมบัติของน้ำหมักสาหร่ายตัวนี้จะช่วยเสริมสร้างกระบวนการผลัดเซลล์ผิวตามธรรมชาติ และช่วยให้ผิวนุ่มชุ่มชื้นขึ้น
LAMER The Treatment Lotion มีไซส์ไหนให้เราได้เลือกใช้บ้าง?
ขนาดทดลอง 5ml (ไซส์ที่น้อยใช้สำหรับรีวิว)
ขนาดปกติ มี 3 ไซส์ ค่ะ
ขนาด 100 ml / 3,400 บาท
ขนาด 150 ml / 5,100 บาท
ขนาด 200 ml / 6,300 บาท
ขนาดทดลอง 5ml หลังเปิดใช้ระบุไว้ข้างขวดว่า หมดอายุภายใน 24 เดือน หรือ 2 ปี ค่ะ
สำหรับเพื่อน ๆ ที่อยากตรวจสอบวันหมดอายุของผลิตภัณฑ์ LAMER The Treatment Lotion ว่าที่ใช้อยู่เป็นของแท้หรือเปล่า และผลิตเมื่อไร สามารถตรวจสอบได้จาก รหัส Code ที่ระบุที่กล่องผลิตภัณฑ์ ผ่านเว็บไซต์
http://checkcosmetic.net/ ค่ะ แต่ถ้าให้ชัวร์มั่นใจว่าได้ใช้ของแท้แน่นอน น้อยแนะนำว่าซื้อที่เคาน์เตอร์ลาแมร์เลยค่ะ มีน้องบีเอน่ารัก ๆ คอยแนะนำผลิตภัณฑ์ รวมถึงให้ทดลองใช้ จะได้ทราบว่า ตัวเราชอบเนื้อสัมผัสของผลิตภัณฑ์ LAMER แบบไหน ชอบกลิ่นแบบไหน ถูกใจจะได้ซื้อเลยค่ะ
ตรวจสอบ ผลิต เดือน 3/19 มีอายุ 36 เดือน หรือ 3 ปี ปัจจุบันจากที่ตรวจสอบใช้ได้อีก 31 เดือน หรือ 2 ปี 7 เดือน ค่ะ แต่ทั้งนี้เมื่อเราเปิดขวดใช้แล้วก็จะใช้ได้หลังเปิดขวด 2 ปี นะคะ
รายละเอียดผลิตภัณฑ์
โลชั่นบำรุงผิวสูตรน้ำ มอบความรู้สึกมีชีวิตชีวาให้แก่ผิวด้วย Liquid Energy ที่ช่วยให้ผลิตภัณฑ์ซึมลงสู่ผิวอย่างรวดเร็ว ให้ผิวชุ่มชื้นในทันทีที่ใช้ มอบผิวแลดูนุ่ม เรียบเนียนและช่วยให้สีผิวดูสม่ำเสมอ
โลชั่นนี้เหมาะกับใครบ้างน๊าาา ?
โลชั่นนี้เหมาะกับทุกสภาพผิว โดยเฉพาะผิวมันและไม่ได้มีปัญหาผิวมากนัก อาจไม่ต้องใช้มอยส์เจอร์ไรเซอร์อื่นใดเพิ่ม แต่สำหรับคนที่มีผิวแห้งแบบเรา โลชั่นตัวนี้จะทำหน้าที่เป็นขั้นตอนการเตรียมผิวที่ดีมากตัวนึงเลยค่ะ ช่วยเสริมประสิทธิภาพครีมบำรุงที่จะทาต่อ คนที่ผิวแห้งถ้าทาครีมบำรุงเลย มันจะไม่ซึมเข้าไปบำรุงผิวนะคะ จะเคลือบอยู่แค่ผิวด้านบน ต้องมีโลชั่นช่วยเตรียมผิวก่อนค่ะ เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพครีมบำรุงให้ทำงานได้อย่างเต็มประสิทธิภาพค่ะ
วิธีการใช้ผลิตภัณฑ์
หลังจากล้างหน้า หยดโลชั่นเล็กน้อยลงบนปลายนิ้ว หรือบนสำลี กดแตะลงบนผิวเบาๆ แล้วตามด้วยการบำรุงผิวด้วยเซรั่มและมอยส์เจอไรเซอร์ในขั้นตอนต่อไป
หยาดหยดแสนละมุนสไตล์ลาแมร์
เนื้อสัมผัสของ ‘The Treatment Lotion’ เป็นเนื้อกึ่งเจลเกือบใสแต่ไม่ถึงกับไหลแบบน้ำจะยังมีความหนืดอยู่นิดๆ เมื่อทาลงบนผิวจะรู้สึกได้ถึงความเย็นๆ ฉ่ำๆ นุ่มลื่น พร้อมกับกลิ่นหอมสดชื่นแบบหรู ๆ ที่แฟนๆ ลาแมร์ จะรับรู้ได้ตรงกันว่านี่คือกลิ่นแบบลาแมร์ ซึ่งจะมีความสดชื่นให้ฟิลลิ่งที่เชิญชวนให้เอนกายพักผ่อน
ตัวโลชั่นหรือน้ำตบ มีขั้นตอนการใช้ที่แล้วแต่ความชอบแต่ละคน คือสามารถใช้เป็นขั้นตอนที่ 1 หรือ 2 ของลำดับสกินแคร์หลังจากล้างหน้า บีเอแนะนำว่าหากปกติใช้โทนเนอร์อยู่ ก็สามารถเช็ดโทนเนอร์เสียก่อน ส่วนถ้าไม่ใช้โทนเนอร์ ก็ให้ใช้ ‘The Treatment Lotion’ เอาไว้เป็นขั้นตอนแรกแทนโทนเนอร์ก่อนลง มอยเจอร์ไรเซอร์เลยค่ะ
หรือหากเพื่อน ๆ มีเวลาลองอีกเทคนิค กับการใช้ Lamer the Treatment Lotion อย่างการนำมาหยดลงบนชีทมาส์ก แล้วมาส์กหน้าก็เป็นอีกทางเลือกที่น่าสนใจ ที่จะช่วยบำรุงผิวได้อย่างล้ำลึกค่ะ
หลังใช้ Lamer the Treatment Lotion จะเห็นว่าผิวดูชุ่มชื้น อิ่มน้ำ ผิวดูเรียบเนียน น่าสัมผัส
The Treatment Lotion ขนาดทดลองขวดนี้ น้อยใช้ได้เป็นเวลา 10 วัน เพื่อน ๆ อาจใช้ได้มาก หรือน้อยกว่า ขึ้นกับปริมาณในการใช้กับผิวหน้าแต่ละครั้งค่ะ (น้อยทดลองใช้เป็นประจำ เช้า- เย็น ก่อนลงครีมบำรุงในขั้นตอนต่อไปค่ะ)
ผลลัพธ์หลังใช้ 10 วัน
• ผิวที่มันๆ แห้งๆ ขุย ๆ บริเวณ จมูก ข้างแก้ม เริ่มกลับมาคืนความสมดุลเป็นปกติทั่วทั้งใบหน้า
• รอยแดงและอาการคันบริเวณหน้าผาก รวมถึงผดเล็กๆ ตามกรอบหน้าก็หายไป
• รู้สึกผิวชุ่มชื่นขึ้น ผิวดูเด้งๆน่าจับ
• ผิวเรียบเนียน แต่งหน้าแล้วติดทนนาน ทำให้การแต่งหน้าตอนเช้าเป็นเรื่องง่ายขึ้นมาก
สุดท้ายขอขอบคุณพันทิปและแบรนด์ลาแมร์ ที่เปิดโอกาสให้น้อยได้ร่วมกิจกรรม และ ทดลองใช้ ผลิตภัณฑ์ LAMER The Treatment Lotion ค่ะ
[SR] รีวิว LAMER The Treatment Lotion สกินแคร์ที่ติด 1 ใน 3 สกินแคร์ยอดนิยมของลาแมร์ในประเทศไทย
ถ้าพูดถึงสกินแคร์ตัวท็อป เรื่องความหรูหราและคุ้มค่ากับการลงทุนคงหนีไม่พ้น “ลาแมร์” ค่ะ
ต้องขอเกริ่นก่อนว่าน้อยได้รับผลิตภัณฑ์ LAMER The Treatment Lotion ขนาดทดลอง 5ml จากกิจกรรมของพันทิป ร่วมกับ ลาแมร์ น้อยเลือกไปรับผลิตภัณฑ์ที่พารากอนค่ะ มีน้องบีเอน่ารัก ๆ คอยแนะนำขั้นตอนการใช้อย่างละเอียดเลยค่ะ แถมยังช่วยถ่ายภาพให้ด้วยค่ะ ประทับใจมากก
LAMER The Treatment Lotion ขวดที่ 3 นับจากซ้ายมือค่ะ
"มาพูดถึงสภาพผิวของน้อยกันก่อนค่ะ" >> สภาพผิวค่อนข้างแห้ง จากที่น้อยเป็นคนที่ดื่มน้ำน้อย โดยเฉพาะน้ำเปล่า วันๆ ดื่มแต่น้ำอัดลม บวกกับความเครียดจากงาน และอยู่ในห้องแอร์แทบทั้งวัน สาเหตุเหล่านี้มีส่วนทำให้น้อยมักมีปัญหาผิวแห้งลอก มีผดขึ้นบริเวณกรอบหน้า แต่งหน้าไม่ค่อยติด
LAMER The Treatment Lotion โลชั่นบำรุงผิวสูตรน้ำ มอบความชุ่มชื้นและเตรียมผิวเพื่อการบำรุงขั้นตอนต่อไป
Miracle Broth’ ของดี ในขวดนี้มีไหมเอ่ย ?
หากใครที่หลงรัก Crème de La Mer เหลือเกิน เพราะมีส่วนผสมเลอค่าอย่าง ‘Miracle Broth’ น้ำหมักสกัดจากสาหร่าย Sea Kelp ในตำนานที่มีใน Crème de La Mer นั้น ส่วนผสม ‘Miracle Broth’ ก็ถือได้ว่าเป็นส่วนประกอบหลักของโลชั่นตัวนี้เช่นกัน
ถามว่าคุณสมบัติของเขาคืออะไร ‘Miracle Broth’ คือส่วนผสมที่ให้ผลกับกระบวนการเสริมสร้างผิวใหม่ หรือช่วยการผลัดเซลล์ผิวเก่าอย่างอ่อนโยนขั้นสุด ช่วยเติมเต็มความชุ่มชื่น ปลอบประโลมผิวจากอาการไม่เสถียรต่างๆ ให้สงบลง และแน่นอนคุณสมบัติทั้งหมดนี้จะทำให้ผิวดูเรียบเนียนเปล่งประกายสวยงามอย่างที่ฝัน
ส่วนผสมอีก 2 ตัวที่แท็คทีมมากับ ‘Miracle Broth’ ก็คือ
1. ‘Softening Waters’ เป็นส่วนผสมระหว่างไมโครเจลจากสาหร่าย และไฮยาลูรอนิคช่วยให้ผิวนุ่มเด้งน่าสัมผัส ทันทีที่ใช้
2. ‘Revitalizing Ferment’ น้ำหมักอีกสูตรหนึ่งจากสาหร่ายอีกชนิดซึ่งมีถิ่นกำเนิดอยู่ในทะเลทรายซาเฮล ทวีปแอฟริกา ซึ่งขึ้นชื่อหนักหนาเรื่องความทนถึกขั้นเทพ สามารถปรับตัวตามสภาพแวดล้อมได้เป็นอย่างดี ไม่ว่าสภาพแวดล้อมจะแย่ขนาดไหนก็ไม่ตาย นางจะแค่หลับแล้วรอตื่นขึ้นมาเมื่อพร้อมอีกครั้ง คุณสมบัติของน้ำหมักสาหร่ายตัวนี้จะช่วยเสริมสร้างกระบวนการผลัดเซลล์ผิวตามธรรมชาติ และช่วยให้ผิวนุ่มชุ่มชื้นขึ้น
LAMER The Treatment Lotion มีไซส์ไหนให้เราได้เลือกใช้บ้าง?
ขนาดทดลอง 5ml (ไซส์ที่น้อยใช้สำหรับรีวิว)
ขนาดปกติ มี 3 ไซส์ ค่ะ
ขนาด 100 ml / 3,400 บาท
ขนาด 150 ml / 5,100 บาท
ขนาด 200 ml / 6,300 บาท
ขนาดทดลอง 5ml หลังเปิดใช้ระบุไว้ข้างขวดว่า หมดอายุภายใน 24 เดือน หรือ 2 ปี ค่ะ
สำหรับเพื่อน ๆ ที่อยากตรวจสอบวันหมดอายุของผลิตภัณฑ์ LAMER The Treatment Lotion ว่าที่ใช้อยู่เป็นของแท้หรือเปล่า และผลิตเมื่อไร สามารถตรวจสอบได้จาก รหัส Code ที่ระบุที่กล่องผลิตภัณฑ์ ผ่านเว็บไซต์ http://checkcosmetic.net/ ค่ะ แต่ถ้าให้ชัวร์มั่นใจว่าได้ใช้ของแท้แน่นอน น้อยแนะนำว่าซื้อที่เคาน์เตอร์ลาแมร์เลยค่ะ มีน้องบีเอน่ารัก ๆ คอยแนะนำผลิตภัณฑ์ รวมถึงให้ทดลองใช้ จะได้ทราบว่า ตัวเราชอบเนื้อสัมผัสของผลิตภัณฑ์ LAMER แบบไหน ชอบกลิ่นแบบไหน ถูกใจจะได้ซื้อเลยค่ะ
ตรวจสอบ ผลิต เดือน 3/19 มีอายุ 36 เดือน หรือ 3 ปี ปัจจุบันจากที่ตรวจสอบใช้ได้อีก 31 เดือน หรือ 2 ปี 7 เดือน ค่ะ แต่ทั้งนี้เมื่อเราเปิดขวดใช้แล้วก็จะใช้ได้หลังเปิดขวด 2 ปี นะคะ
รายละเอียดผลิตภัณฑ์
โลชั่นบำรุงผิวสูตรน้ำ มอบความรู้สึกมีชีวิตชีวาให้แก่ผิวด้วย Liquid Energy ที่ช่วยให้ผลิตภัณฑ์ซึมลงสู่ผิวอย่างรวดเร็ว ให้ผิวชุ่มชื้นในทันทีที่ใช้ มอบผิวแลดูนุ่ม เรียบเนียนและช่วยให้สีผิวดูสม่ำเสมอ
โลชั่นนี้เหมาะกับใครบ้างน๊าาา ?
โลชั่นนี้เหมาะกับทุกสภาพผิว โดยเฉพาะผิวมันและไม่ได้มีปัญหาผิวมากนัก อาจไม่ต้องใช้มอยส์เจอร์ไรเซอร์อื่นใดเพิ่ม แต่สำหรับคนที่มีผิวแห้งแบบเรา โลชั่นตัวนี้จะทำหน้าที่เป็นขั้นตอนการเตรียมผิวที่ดีมากตัวนึงเลยค่ะ ช่วยเสริมประสิทธิภาพครีมบำรุงที่จะทาต่อ คนที่ผิวแห้งถ้าทาครีมบำรุงเลย มันจะไม่ซึมเข้าไปบำรุงผิวนะคะ จะเคลือบอยู่แค่ผิวด้านบน ต้องมีโลชั่นช่วยเตรียมผิวก่อนค่ะ เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพครีมบำรุงให้ทำงานได้อย่างเต็มประสิทธิภาพค่ะ
วิธีการใช้ผลิตภัณฑ์
หลังจากล้างหน้า หยดโลชั่นเล็กน้อยลงบนปลายนิ้ว หรือบนสำลี กดแตะลงบนผิวเบาๆ แล้วตามด้วยการบำรุงผิวด้วยเซรั่มและมอยส์เจอไรเซอร์ในขั้นตอนต่อไป
หยาดหยดแสนละมุนสไตล์ลาแมร์
เนื้อสัมผัสของ ‘The Treatment Lotion’ เป็นเนื้อกึ่งเจลเกือบใสแต่ไม่ถึงกับไหลแบบน้ำจะยังมีความหนืดอยู่นิดๆ เมื่อทาลงบนผิวจะรู้สึกได้ถึงความเย็นๆ ฉ่ำๆ นุ่มลื่น พร้อมกับกลิ่นหอมสดชื่นแบบหรู ๆ ที่แฟนๆ ลาแมร์ จะรับรู้ได้ตรงกันว่านี่คือกลิ่นแบบลาแมร์ ซึ่งจะมีความสดชื่นให้ฟิลลิ่งที่เชิญชวนให้เอนกายพักผ่อน
ตัวโลชั่นหรือน้ำตบ มีขั้นตอนการใช้ที่แล้วแต่ความชอบแต่ละคน คือสามารถใช้เป็นขั้นตอนที่ 1 หรือ 2 ของลำดับสกินแคร์หลังจากล้างหน้า บีเอแนะนำว่าหากปกติใช้โทนเนอร์อยู่ ก็สามารถเช็ดโทนเนอร์เสียก่อน ส่วนถ้าไม่ใช้โทนเนอร์ ก็ให้ใช้ ‘The Treatment Lotion’ เอาไว้เป็นขั้นตอนแรกแทนโทนเนอร์ก่อนลง มอยเจอร์ไรเซอร์เลยค่ะ
หรือหากเพื่อน ๆ มีเวลาลองอีกเทคนิค กับการใช้ Lamer the Treatment Lotion อย่างการนำมาหยดลงบนชีทมาส์ก แล้วมาส์กหน้าก็เป็นอีกทางเลือกที่น่าสนใจ ที่จะช่วยบำรุงผิวได้อย่างล้ำลึกค่ะ
หลังใช้ Lamer the Treatment Lotion จะเห็นว่าผิวดูชุ่มชื้น อิ่มน้ำ ผิวดูเรียบเนียน น่าสัมผัส
The Treatment Lotion ขนาดทดลองขวดนี้ น้อยใช้ได้เป็นเวลา 10 วัน เพื่อน ๆ อาจใช้ได้มาก หรือน้อยกว่า ขึ้นกับปริมาณในการใช้กับผิวหน้าแต่ละครั้งค่ะ (น้อยทดลองใช้เป็นประจำ เช้า- เย็น ก่อนลงครีมบำรุงในขั้นตอนต่อไปค่ะ)
ผลลัพธ์หลังใช้ 10 วัน
• ผิวที่มันๆ แห้งๆ ขุย ๆ บริเวณ จมูก ข้างแก้ม เริ่มกลับมาคืนความสมดุลเป็นปกติทั่วทั้งใบหน้า
• รอยแดงและอาการคันบริเวณหน้าผาก รวมถึงผดเล็กๆ ตามกรอบหน้าก็หายไป
• รู้สึกผิวชุ่มชื่นขึ้น ผิวดูเด้งๆน่าจับ
• ผิวเรียบเนียน แต่งหน้าแล้วติดทนนาน ทำให้การแต่งหน้าตอนเช้าเป็นเรื่องง่ายขึ้นมาก
SR - Sponsored Review : กระทู้รีวิวนี้เป็นกระทู้ SR โดยที่เจ้าของกระทู้