สวัสดีชาวพันทิปทุกคนนะครับ, วันนี้ผมจะพาทุกท่านไปชมเมืองเคปทาวน์ (Cape Town) เมืองที่บรรยากาศดีมากๆแถมสุดจะน่าอยู่ของประเทศแอฟริกาใต้กัน แล้วจะพาไปดูฝูงเพนกวินอาบแดด รวมไปถึง Wine Tasting ทื่เมือง Stellenbosch กันด้วยครับ.
กระทู้นี้จะเป็นกระทู้ที่ 4 ที่ผมเขียนเกี่ยวกับทวีปแอฟริกานะครับ ถ้าใครยังไม่ได้อ่านทางกระทู้เก่าแล้วสนใจก็คลิ้กตามลิ้งค์ข้างล่างได้เลยนะครับ.
-ดูฉลามแบบ Shark Cage Diving
https://m.ppantip.com/topic/39107144
-ตะลุยหมู่บ้านแอฟริกาที่ Zambia และ Zimbabwe
https://m.ppantip.com/topic/39122779
-น้ำตก Victoria Falls
https://m.ppantip.com/topic/39133747
ก่อนอื่นเลยขอบอกก่อนว่าประเทศแอฟริกาใต้เป็นประเทศในฝันของผมอยู่แล้วครับ, โดยเฉพาะเมือง Cape Town เมืองที่อยู่สุดทิศตะวันตกของทวีปแอฟริกาเพราะเห็นพวกฝรั่งคุยกันบ่อยว่าเป็นเมืองที่น่าอยู่มาก,ค่าครองชีพไม่แพงแถมบรรยากาศและอากาศก็ดีสุดๆ, ทีนี้คนไทยมาเที่ยวแอฟริกาใต้ วีซ่าก็ไม่ต้องใช้, แค่นี้ก็ไม่ต้องคิดเยอะแล้วครับ, แพ็คกระเป๋าละเตรียมตัวเดินทางกันเลย.
ผมมาที่เคปทาวน์นี่คือมาแบบ No plan จริงๆหรือจะเรียกว่ามาแบบมั่วๆก็ได้, คือส่วนตัวไม่ค่อยชอบเที่ยวที่แบบมีแผนว่าแต่ละวันต้องทำอะไร. เป็นคนชอบแบบอยากไปไหนก็ไปเพราะมาคนเดียวด้วยไม่ต้องแคร์ใครทั้งนั้น5555
ก่อนการมาแอฟริกาใต้นี่ก็มีคนบอกมาเยอะนะครับว่าต้องระวังพวกโจรหรือขอทานไว้ดีๆ โดยเฉพาะคนเอเชียจะถูกเป็นเป้าหลักเลย. ผมก็เตรียมตัวไปโดยที่เวลาออกไปข้างนอกก็เอาตังไปนิดหน่อยให้แค่พอกิน เผื่อไว้ถ้าโดนขโมยจะได้ไม่เสียดายมาก.
*เรื่องเงินสำคัญมากครับ. ให้แลกจากที่ไทยไปเลยครับ ตามร้าน Superrich ตอนผมไปเรตจะอยู่ที่ประมาณ 2.2 บาทต่อ 1 Rand ครับ. (แบงค์200แรนด์นี่ถ้ามีโอกาสให้รีบแตกแบงค์ไว้นะครับเพราะคนส่วนใหญ่ไม่ค่อยรับกันเลย)
โดยการมาเคปทาวน์รอบนี้ผมก็ยังคงเลือกพัก Hostel เหมือนเดิมเพราะต้องการประหยัดเงินเรื่องที่พัก,แถมได้ยินมาว่าเมืองนี้มีกิจกรรมให้ทำเยอะแยะเลยทีเดียว. ผมแนะนำโฮสเทลของผมเลยนะ ชื่อว่า 91 Loop (ราคาคืนละประมาณ 400-500บาทครับ) ตั้งอยู่บน Loop Street แถวๆ Green Market Square ตรงใจกลางเมือง. นอกจาก Location จะดีแล้วยังมีขายทัวร์หรือกิจกรรมต่างๆอีกมากมายโดยที่ราคาก็ไม่แพงเลย.(เหมาะสำหรับ Backpacker มากครับ) ทีนี้ผมอยากแนะนำหน่อยนะครับ ถ้าใครจะเลือกพักแถว Long Street นี่ต้องเลือกดูดีๆหน่อยนะ แถวนั้นตอนกลางคืนค่อนข้างน่ากลัวเลยทีเดียว.
*ทางของโฮสเทลผม ตอนถึงสนามบินก็จะมีคนมารับด้วยนะครับ. (เพราะว่าผมจองรวดเดียวไป7คืนเลย)
เดี๋ยวจะพาเพื่อนทุกคนไปเดินชมเคปทาวน์กันครับ
*อันนี้เป็นแถวๆที่พัก, บรรยากาศจะออกแนวคล้ายๆยุโรปเลยครับ.
ถ้าใครอยากซื้อพวกของฝากหรือสินค้าท้องถิ่นแนะนำให้มาที่นี่ได้เลย Green Market Square แต่ตอนซื้ออย่าลืมต่อราคาด้วยนะครับ.
หลังจากเดินมั่วๆได้ซักพัก. ผมก็ลองดูในเน็ตว่าที่นี่มี Free Walking Tour มั้ย. Free Walking Tour นี่คือจะมีไกด์ชาวท้องถิ่นของแต่ละเมืองพาทางด้านนักท่องเที่ยวเดินชมเมืองแล้วก็อธิบายประวัติต่างๆ. ซึ่งการเดินแบบนี้ผมไปมาแล้วหลายเมืองมากในยุโรป ส่วนใหญ่เมืองใหญ่ๆจะมีหมดครับ. ซึ่งจะใช้เวลาประมาณ 2-3 ชม. แล้วพอหมดทัวร์เราก็สามารถจะให้เงินกับไกด์ได้ถ้าคิดว่าทัวร์นี้มันคุ้มค่าตามราคาที่คุณคิดว่าเหมาะสม , แต่ถ้าคุณคิดว่าทัวร์นี้ไม่ดีคุณก็ไม่ต้องให้เงินเค้าเลยซักบาทเดียว. ซึ่งน้อยคนมากที่จะไม่ให้ครับเพราะไกด์ที่ได้นี่คือนิสัยดีมาก , รู้ประวัติเยอะ แถมรู้ทุกอย่างในเมืองนี้เราอยากรู้ร้านอาหารหรือบาร์นั่งชิวๆตอนกลางคืนเค้าก็แนะนำให้ได้หมดครับ.
ทางไกด์ก็จะพาเดินไปเรื่อยๆ อธิบายประวัติของเมืองไปเรื่อย. แต่ผมจะให้ดูสถานที่ที่ผมคิดว่าน่าสนใจสำหรับตัวผมนะครับ.
ที่แรกเลยคือพิพิธพัณฑ์เกี่ยวกับพวกเรื่องทาสในสมัยก่อนครับ
อันนี้เป็นศาลอันโด่งดังในอดีตเกี่ยวกับเรี่องการเหยียดสีผิวครับ. ที่ท่านอดีตประธานาธิบดี Nelson Mandala เดินทางมาบ่อยครับเพื่อต่อสู้เรื่องการเหยียดสีผิวนั่นเอง.
ส่วนอันนี้เป็นเก้าอี้ในสมัยก่อนที่คนผิวสีสามารถนั่งได้ ซึ่งถ้าไม่มี Non-White เขียนนั้น, คนผิวสีจะไม่สามารถนั่งได้ครับ. คือแต่ก่อนนั้นการเหยียดผิวของที่นี้ถีอว่าเข้าขั้นรุนแรงเลย คนผิวขาวจะไม่สามารถนั่งรวมกับคนผิวสีได้ครับ. รุนแรงถึงขนาดที่ว่าคนผิวสีในสมัยก่อนถ้าไปร้านอาหารจะไม่สามารถทานอาหารในร้านได้ต้องสั่งกลับบ้านอย่างเดียว.
*อันนี้ก็เป็นภาพวาดของทางท่าน Nelson Mandela ตามท้องถนนครับ.
อีกอย่างที่เราจะสังเกตได้ชัดเมื่ออยู่ที่เมืองเคปทาวน์นั่นก็คือคนส่วนใหญ่ที่อาศัยอยู่ที่นี่จะเป็นคนแอฟริกันผิวขาวมากกว่าคนผิวสีครับ. รวมไปถึงชาวอังกฤษและชาวดัตซ์ที่อาศัยอยู่ที่เคปทาวน์เป็นจำนวนมากอีกด้วย. (คือรู้สึกเหมือนอยู่ยุโรปมากกว่าแอฟริกาอีก)
พอเดินเสร็จเค้าก็จะมีถ่ายรูปรวมกลุ่มกันนะครับ.
สามารถดูตารางเวลาของ Free Walking Tour ได้ตามเว็ปนี้เลยครับ. เค้าจะมีหลายทัวร์เลย.
http://freewalkingtourscapetown.co.za
หลังจากนี้ผมจะพาทุกท่านไปอีกที่นึงที่โด่งดังในเคปทาวน์. นั่นก็คือย่าน Bo-Kaap นั่นเอง. Bo-Kaap นั้นเป็นหนึ่งในจุดท่องเที่ยวสำคัญของเมืองนี้ โดยจะโด่งดังทางเรื่องของบ้านหลากสี. ซึ่งตรงนี้ผู้ที่อาศัยอยู่จะเป็นชาวมุสลิมเกือบทั้งหมด.
คือแต่ละบ้านนี่ทาสีแบบไม่ยอมแพ้กันเลย. สีสันสดใสจริงๆ.
แล้วก็ยังมีคนเพ้นท์ตามผนังตามเคย
ด้านหลังที่เห็นนี่จะเป็น Table Mountain นะครับ.(จะเป็นที่ต่อไปที่พาไปชม)
จากย่าน Bo-Kaap เราก็มาต่อกันที่จุดท่องเที่ยวที่คนมาเคปทาวน์แล้วต้องมากันทุกคนนะครับ นั่นก็คือ Table Mountain หรือภูเขาโต๊ะนั่นเอง.
ซึ่งภูเขาลูกนี้จะมีรูปทรงแปลกๆนั่นก็คือเป็นภูเขาที่ตั้งตรงคล้ายรูปโต๊ะจริงๆ แบนและเรียบมาก ตั้งอยู่กลางเมืองเลยครับ เดินทางง่ายมาก.
(มาที่นี่ผมแนะนำให้โหลด Uber ไว้นะครับ, ราคาค่อนข้างถูกเลยทีเดียว)
พอมาถึงเราต้องไปซื้อตั๋วขึ้นกระเช้าไปด้านบนนะครับ. ถ้าไม่อยากรอต่อคิวนานผมแนะนำให้ซื้อตั๋วผ่านเว็ปไซต์ตามลิ้งค์นี้เลย
https://www.tablemountain.net (ซื้อตั๋วผ่านเว็ปไซต์จะอยู่ที่ 180 แรนด์นะครับ แบบ Round-trip)
ระหว่างรอกระเช้าครับ.
คือผมก็พึ่งมารู้ตอนหลังว่าสามารถเดินเท้าขึ้นไปได้ ไม่งั้นจะเดินขึ้นละ(ประหยัดตังได้หน่อยแถมได้บรรยากาศไปอีกแบบด้วย) ขึ้นกระเช้าก็ค่อนข้างเสียวพอสมควร แต่แปปเดืยวก็ถึงข้างบน.
Table Mountain ข้างบนมีลมแรงมากนะครับ. แนะนำให้เตรืยมเสื้อกันลมหรือเสื้อกันหนาวมาด้วย.
ผมชอบธงประเทศนี้มากๆ สีสันสวยดี.
*ที่นี่ถือได้ว่าเป็นหนึ่งใน 7 สิ่งมหัศจรรย์ของโลกทางด้านธรรมชาตินะครับ.
*ได้เจอนักรักบี้ทีม Sunwolves จากญี่ปุ่นด้วยครับ
ขึ้นมาละแบบมันสวยจริงๆ, มองลงไปเห็นเคปทาวน์ชัดทีเดียว(โชคดีวันที่ไปหมอกไม่เยอะมาก)
ทีนี้ผมจะพากลับมาที่ตัวเมืองอีกทีนึง. จะพาไปยังโซน V&A Waterfront. ซึ่งจะเป็นโซนที่มีผู้คนเยอะเพราะเป็นศูนย์รวมของพวกแหล่งช้อปปิ้งและร้านอาหาร. ตั้งอยู่ริมทะเลเลย. บรรยากาศดีมาก.
อันนี้เป็นข้อความที่ผมชอบมากๆ ถ้าแปลเป็นภาษาไทยก็ประมาณว่า สิ่งที่สำคัญก็คือเราสามารถสร้างแอฟริกาใต้ให้เท่าเทียมกันได้โดยที่ไม่เกี่ยวกับสีผิว แต่เป็นคุณค่าของมนุษย์.
**มีกระทู้ต่อด้านล่างนะครับ
[CR] แบกเป้ลุยเดี่ยว Cape Town พาดูฝูงเพนกวินอาบแดด ชิมไวน์เมือง Stellenbosch ที่แอฟริกาใต้ 🇿🇦
กระทู้นี้จะเป็นกระทู้ที่ 4 ที่ผมเขียนเกี่ยวกับทวีปแอฟริกานะครับ ถ้าใครยังไม่ได้อ่านทางกระทู้เก่าแล้วสนใจก็คลิ้กตามลิ้งค์ข้างล่างได้เลยนะครับ.
-ดูฉลามแบบ Shark Cage Diving
https://m.ppantip.com/topic/39107144
-ตะลุยหมู่บ้านแอฟริกาที่ Zambia และ Zimbabwe
https://m.ppantip.com/topic/39122779
-น้ำตก Victoria Falls
https://m.ppantip.com/topic/39133747
ก่อนอื่นเลยขอบอกก่อนว่าประเทศแอฟริกาใต้เป็นประเทศในฝันของผมอยู่แล้วครับ, โดยเฉพาะเมือง Cape Town เมืองที่อยู่สุดทิศตะวันตกของทวีปแอฟริกาเพราะเห็นพวกฝรั่งคุยกันบ่อยว่าเป็นเมืองที่น่าอยู่มาก,ค่าครองชีพไม่แพงแถมบรรยากาศและอากาศก็ดีสุดๆ, ทีนี้คนไทยมาเที่ยวแอฟริกาใต้ วีซ่าก็ไม่ต้องใช้, แค่นี้ก็ไม่ต้องคิดเยอะแล้วครับ, แพ็คกระเป๋าละเตรียมตัวเดินทางกันเลย.
ผมมาที่เคปทาวน์นี่คือมาแบบ No plan จริงๆหรือจะเรียกว่ามาแบบมั่วๆก็ได้, คือส่วนตัวไม่ค่อยชอบเที่ยวที่แบบมีแผนว่าแต่ละวันต้องทำอะไร. เป็นคนชอบแบบอยากไปไหนก็ไปเพราะมาคนเดียวด้วยไม่ต้องแคร์ใครทั้งนั้น5555
ก่อนการมาแอฟริกาใต้นี่ก็มีคนบอกมาเยอะนะครับว่าต้องระวังพวกโจรหรือขอทานไว้ดีๆ โดยเฉพาะคนเอเชียจะถูกเป็นเป้าหลักเลย. ผมก็เตรียมตัวไปโดยที่เวลาออกไปข้างนอกก็เอาตังไปนิดหน่อยให้แค่พอกิน เผื่อไว้ถ้าโดนขโมยจะได้ไม่เสียดายมาก.
*เรื่องเงินสำคัญมากครับ. ให้แลกจากที่ไทยไปเลยครับ ตามร้าน Superrich ตอนผมไปเรตจะอยู่ที่ประมาณ 2.2 บาทต่อ 1 Rand ครับ. (แบงค์200แรนด์นี่ถ้ามีโอกาสให้รีบแตกแบงค์ไว้นะครับเพราะคนส่วนใหญ่ไม่ค่อยรับกันเลย)
โดยการมาเคปทาวน์รอบนี้ผมก็ยังคงเลือกพัก Hostel เหมือนเดิมเพราะต้องการประหยัดเงินเรื่องที่พัก,แถมได้ยินมาว่าเมืองนี้มีกิจกรรมให้ทำเยอะแยะเลยทีเดียว. ผมแนะนำโฮสเทลของผมเลยนะ ชื่อว่า 91 Loop (ราคาคืนละประมาณ 400-500บาทครับ) ตั้งอยู่บน Loop Street แถวๆ Green Market Square ตรงใจกลางเมือง. นอกจาก Location จะดีแล้วยังมีขายทัวร์หรือกิจกรรมต่างๆอีกมากมายโดยที่ราคาก็ไม่แพงเลย.(เหมาะสำหรับ Backpacker มากครับ) ทีนี้ผมอยากแนะนำหน่อยนะครับ ถ้าใครจะเลือกพักแถว Long Street นี่ต้องเลือกดูดีๆหน่อยนะ แถวนั้นตอนกลางคืนค่อนข้างน่ากลัวเลยทีเดียว.
*ทางของโฮสเทลผม ตอนถึงสนามบินก็จะมีคนมารับด้วยนะครับ. (เพราะว่าผมจองรวดเดียวไป7คืนเลย)
เดี๋ยวจะพาเพื่อนทุกคนไปเดินชมเคปทาวน์กันครับ
*อันนี้เป็นแถวๆที่พัก, บรรยากาศจะออกแนวคล้ายๆยุโรปเลยครับ.
ถ้าใครอยากซื้อพวกของฝากหรือสินค้าท้องถิ่นแนะนำให้มาที่นี่ได้เลย Green Market Square แต่ตอนซื้ออย่าลืมต่อราคาด้วยนะครับ.
หลังจากเดินมั่วๆได้ซักพัก. ผมก็ลองดูในเน็ตว่าที่นี่มี Free Walking Tour มั้ย. Free Walking Tour นี่คือจะมีไกด์ชาวท้องถิ่นของแต่ละเมืองพาทางด้านนักท่องเที่ยวเดินชมเมืองแล้วก็อธิบายประวัติต่างๆ. ซึ่งการเดินแบบนี้ผมไปมาแล้วหลายเมืองมากในยุโรป ส่วนใหญ่เมืองใหญ่ๆจะมีหมดครับ. ซึ่งจะใช้เวลาประมาณ 2-3 ชม. แล้วพอหมดทัวร์เราก็สามารถจะให้เงินกับไกด์ได้ถ้าคิดว่าทัวร์นี้มันคุ้มค่าตามราคาที่คุณคิดว่าเหมาะสม , แต่ถ้าคุณคิดว่าทัวร์นี้ไม่ดีคุณก็ไม่ต้องให้เงินเค้าเลยซักบาทเดียว. ซึ่งน้อยคนมากที่จะไม่ให้ครับเพราะไกด์ที่ได้นี่คือนิสัยดีมาก , รู้ประวัติเยอะ แถมรู้ทุกอย่างในเมืองนี้เราอยากรู้ร้านอาหารหรือบาร์นั่งชิวๆตอนกลางคืนเค้าก็แนะนำให้ได้หมดครับ.
ทางไกด์ก็จะพาเดินไปเรื่อยๆ อธิบายประวัติของเมืองไปเรื่อย. แต่ผมจะให้ดูสถานที่ที่ผมคิดว่าน่าสนใจสำหรับตัวผมนะครับ.
ที่แรกเลยคือพิพิธพัณฑ์เกี่ยวกับพวกเรื่องทาสในสมัยก่อนครับ
อันนี้เป็นศาลอันโด่งดังในอดีตเกี่ยวกับเรี่องการเหยียดสีผิวครับ. ที่ท่านอดีตประธานาธิบดี Nelson Mandala เดินทางมาบ่อยครับเพื่อต่อสู้เรื่องการเหยียดสีผิวนั่นเอง.
ส่วนอันนี้เป็นเก้าอี้ในสมัยก่อนที่คนผิวสีสามารถนั่งได้ ซึ่งถ้าไม่มี Non-White เขียนนั้น, คนผิวสีจะไม่สามารถนั่งได้ครับ. คือแต่ก่อนนั้นการเหยียดผิวของที่นี้ถีอว่าเข้าขั้นรุนแรงเลย คนผิวขาวจะไม่สามารถนั่งรวมกับคนผิวสีได้ครับ. รุนแรงถึงขนาดที่ว่าคนผิวสีในสมัยก่อนถ้าไปร้านอาหารจะไม่สามารถทานอาหารในร้านได้ต้องสั่งกลับบ้านอย่างเดียว.
*อันนี้ก็เป็นภาพวาดของทางท่าน Nelson Mandela ตามท้องถนนครับ.
อีกอย่างที่เราจะสังเกตได้ชัดเมื่ออยู่ที่เมืองเคปทาวน์นั่นก็คือคนส่วนใหญ่ที่อาศัยอยู่ที่นี่จะเป็นคนแอฟริกันผิวขาวมากกว่าคนผิวสีครับ. รวมไปถึงชาวอังกฤษและชาวดัตซ์ที่อาศัยอยู่ที่เคปทาวน์เป็นจำนวนมากอีกด้วย. (คือรู้สึกเหมือนอยู่ยุโรปมากกว่าแอฟริกาอีก)
พอเดินเสร็จเค้าก็จะมีถ่ายรูปรวมกลุ่มกันนะครับ.
สามารถดูตารางเวลาของ Free Walking Tour ได้ตามเว็ปนี้เลยครับ. เค้าจะมีหลายทัวร์เลย. http://freewalkingtourscapetown.co.za
หลังจากนี้ผมจะพาทุกท่านไปอีกที่นึงที่โด่งดังในเคปทาวน์. นั่นก็คือย่าน Bo-Kaap นั่นเอง. Bo-Kaap นั้นเป็นหนึ่งในจุดท่องเที่ยวสำคัญของเมืองนี้ โดยจะโด่งดังทางเรื่องของบ้านหลากสี. ซึ่งตรงนี้ผู้ที่อาศัยอยู่จะเป็นชาวมุสลิมเกือบทั้งหมด.
คือแต่ละบ้านนี่ทาสีแบบไม่ยอมแพ้กันเลย. สีสันสดใสจริงๆ.
แล้วก็ยังมีคนเพ้นท์ตามผนังตามเคย
ด้านหลังที่เห็นนี่จะเป็น Table Mountain นะครับ.(จะเป็นที่ต่อไปที่พาไปชม)
จากย่าน Bo-Kaap เราก็มาต่อกันที่จุดท่องเที่ยวที่คนมาเคปทาวน์แล้วต้องมากันทุกคนนะครับ นั่นก็คือ Table Mountain หรือภูเขาโต๊ะนั่นเอง.
ซึ่งภูเขาลูกนี้จะมีรูปทรงแปลกๆนั่นก็คือเป็นภูเขาที่ตั้งตรงคล้ายรูปโต๊ะจริงๆ แบนและเรียบมาก ตั้งอยู่กลางเมืองเลยครับ เดินทางง่ายมาก.
(มาที่นี่ผมแนะนำให้โหลด Uber ไว้นะครับ, ราคาค่อนข้างถูกเลยทีเดียว)
พอมาถึงเราต้องไปซื้อตั๋วขึ้นกระเช้าไปด้านบนนะครับ. ถ้าไม่อยากรอต่อคิวนานผมแนะนำให้ซื้อตั๋วผ่านเว็ปไซต์ตามลิ้งค์นี้เลย https://www.tablemountain.net (ซื้อตั๋วผ่านเว็ปไซต์จะอยู่ที่ 180 แรนด์นะครับ แบบ Round-trip)
ระหว่างรอกระเช้าครับ.
คือผมก็พึ่งมารู้ตอนหลังว่าสามารถเดินเท้าขึ้นไปได้ ไม่งั้นจะเดินขึ้นละ(ประหยัดตังได้หน่อยแถมได้บรรยากาศไปอีกแบบด้วย) ขึ้นกระเช้าก็ค่อนข้างเสียวพอสมควร แต่แปปเดืยวก็ถึงข้างบน.
Table Mountain ข้างบนมีลมแรงมากนะครับ. แนะนำให้เตรืยมเสื้อกันลมหรือเสื้อกันหนาวมาด้วย.
ผมชอบธงประเทศนี้มากๆ สีสันสวยดี.
*ที่นี่ถือได้ว่าเป็นหนึ่งใน 7 สิ่งมหัศจรรย์ของโลกทางด้านธรรมชาตินะครับ.
*ได้เจอนักรักบี้ทีม Sunwolves จากญี่ปุ่นด้วยครับ
ขึ้นมาละแบบมันสวยจริงๆ, มองลงไปเห็นเคปทาวน์ชัดทีเดียว(โชคดีวันที่ไปหมอกไม่เยอะมาก)
ทีนี้ผมจะพากลับมาที่ตัวเมืองอีกทีนึง. จะพาไปยังโซน V&A Waterfront. ซึ่งจะเป็นโซนที่มีผู้คนเยอะเพราะเป็นศูนย์รวมของพวกแหล่งช้อปปิ้งและร้านอาหาร. ตั้งอยู่ริมทะเลเลย. บรรยากาศดีมาก.
อันนี้เป็นข้อความที่ผมชอบมากๆ ถ้าแปลเป็นภาษาไทยก็ประมาณว่า สิ่งที่สำคัญก็คือเราสามารถสร้างแอฟริกาใต้ให้เท่าเทียมกันได้โดยที่ไม่เกี่ยวกับสีผิว แต่เป็นคุณค่าของมนุษย์.
**มีกระทู้ต่อด้านล่างนะครับ
CR - Consumer Review : กระทู้รีวิวนี้เป็นกระทู้ CR โดยที่เจ้าของกระทู้