คำตอบที่ได้รับเลือกจากเจ้าของกระทู้
ความคิดเห็นที่ 3
เรื่องนี้ฉายแสงจริงๆ ค่ะ
เราก็ชอบความกล้าในการดีไซน์คาแรคเตอร์แบบนี้ พูดเนิบๆ เหมือนเก๊กๆ ดูทีแรกก็แปลกๆ
แต่พอเปิดใจ ไม่เผลอเอาอคติจากความเคยชินของคาแรคเตอร์พีเรียดของคนอื่นที่เคยดูมาปิดกั้น
ถึงกลายเป็นว่าเราอินกับคาแรคเตอร์พีเรียดของพี่หมอมากกว่าคนอื่นไปแทน เพิ่งจะระลึกชาติได้ว่า
มันเหมือนภาพจินตนาการของเรา สมัยอ่านนิยายพีเรียดเรื่องแรกๆ โดยที่ยังไม่มีภาพการแสดงพีเรียด
ของนักแสดงคนไหนมาเป็นภาพจำหรือปิดกั้นจินตนาการไว้
เอาจริงๆ มันก็ไม่เคยมีใครเห็นนี่นาว่าคนยุคนั้นจริงๆ เป็นยังไง อาจจะนิ่งเนิบเป็นสลอตอย่างพี่หมอจริงๆ ก็ได้
ทำให้นึกถึงโลกยุคที่สงบร่มเย็น ชีวิตไม่ต้องเร่งรีบแข่งขันไปทุกลมหายใจ มันนุ่มนวลยวนใจออกจะตายไป
แล้วเราก็ชอบความคอนทราสต์ในคาแรกเตอร์พี่หมอ ที่ไม่ใช่แค่คอนทราสต์ระหว่างพระเอกนิ่มนางเอกห้าว
แต่ในตัวพี่หมอเองก็มีเซอร์ไพรส์ ทีแรกเห็นพูดจาเนิบๆ นึกว่าเป็นหมอหลวงสายบุ๋นน่าจะติ๋มๆ ไม่เก่งบู๊
คงเอาไว้รอนางเอกสายบู๊ ข้ามภพมาปกป้องไรงี้ ที่ไหนได้ พี่หมอคือคู่หูมือปราบของหมวดโอปอล
เคียงบ่าเคียงไหล่ร่วมรบช่างเท่เสียนี่กระไร
สำหรับงานสายตา ฉากแรกที่ทึ่งคือฉากที่โอปอลดำน้ำแล้วพี่พลับร้องหา
บทพูดคุณหลวงฉากนั้นมีไม่เยอะเลย แต่บทสายตาเยอะกว่า ตั้งแต่รับรู้ เป็นห่วง ตกใจ แปลกใจ ฉงน ครุ่นคิด ขบขัน เอ็นดู
ร่วมถึงพยายามเก๊กเก็บอาการตัวเองไม่ให้หลุดต่อหน้าสาว
เพื่อนเล่นละเอียด เก็บครบมากๆ แสดงหลากอารมณ์นั่นออกมาทางสายตาได้หมดทั้งที่ตากระจึ๋งนึง
จนเราต้องวนเปิดฉากนั้น จ้องอารมณ์ในสายตาพี่หมอซ้ำตั้งหลายรอบ
แล้วหลังๆ ตอนที่โอปอลพูดเรื่องหาทางกลับบ้าน สายตาพี่หมอมันบอกความสลด อาวรณ์ ละห้อยหา แต่ไม่กล้าพูด ไม่กล้าขัด
ตั้งแต่ก่อนจะมีบทพูด “ถ้าเจ้ากลับไป ใจพี่คง...” ซะอีก เรียกว่าสายตาพูดคำนั้นมาหลายซีนก่อนปากจะพูดจริง
แถมเติมคำในช่องว่างไว้ในสายตาหมดแล้วด้วย โอปอลอาจไม่เห็น แต่คนดูเห็นหมด
จากนั้นหลังจากโดนพี่หมอตก ก็เป็นธรรมเนียมว่าต้องไปส่องนักแสดงสักหน่อย
ดูสัมภาษณ์ต่างๆ ดูงานเก่าๆ ย้อนหลัง แล้วยิ่งทึ่งที่พบว่า ตัวจริงของเพื่อน ดูเป็นคนขี้อายมากกกกก
มากจนไม่น่าเชื่อว่าจะเลือกทำงานที่ต้องอยู่หน้าแสงไฟขนาดนี้
ดูเป็นผู้ชายเรียบร้อยยยย สุภาพ พูดเพราะ พูดน้อย พูดเบา พูดเปิดปากแค่นิดๆ แต่ยิ้มกว้าง
คืออ่านแค่นี้อาจรู้สึกว่าคล้ายพี่หมอ แต่ถ้าไปดูภาพจริง เขาขี้อายเรียบร้อยคนละแบบกับพี่หมอนะ
พี่หมอดูเป็นผู้ใหญ่ที่วางท่วงท่าเก็บกิริยา ดูเป็นคนมีอำนาจมีพลังความสุขุมคัมภีรภาพจากภายใน
(ถ้าไม่ใช่เจอสาวแอ๊วตรงๆ แบบผิดยุคผิดสมัย คงไม่เก้อเขินอะไรง่ายๆ ซึ่งระยะหลังที่โดนแอ๊วก็ไม่เขินแล้ว
ดูกลายเป็นชอบใจและเอ็นดูแม่หญิงแทน เล่นได้แบบมีพัฒนาการในปฏิกิริยาของตัวละครค่อนข้างชัดเจน)
ขณะที่ตัวจริงเพื่อนดูเด็กๆ ใสๆ กว่า คุณชายนิดๆ แบบคนถูกประคบประหงมมา ไม่ใช่คุณชายแบบทรงอำนาจ
คือเขาเล่นได้แบบ ดูแล้วรู้สึกว่า นั่นคือพี่หมอ หลวงโอสถวรเวชจริงๆ
เป็นคนอีกคนหนึ่งที่มีเลือดเนื้อมีชีวิตจิตใจของตัวเอง ไม่ใช่เพื่อน คณิน แสดงเป็นพี่หมอ
แล้วไปดูบางส่วนของงานอื่นๆ ของเขา เรารู้สึกแบบนี้กับทุกงานที่ดู ในละครเขาจะเป็นอีกคนจริงๆ ไม่ใช่เพื่อน คณินแสดงเป็นคนนั้นคนนี้
.... มีนักแสดงน้อยคนนะ ที่ทำให้รู้สึกได้ขนาดนี้ ส่วนมาก ต่อให้เล่นเก่งแค่ไหน ก็อดมีความเป็นตัวเองอยู่ในนั้นนิดๆ ไม่ได้
เราว่าเด็กคนนี้มีพรสวรรค์มีฝีมือจริงๆ
จากวันนี้ บอกได้เลยค่ะว่า คงได้ติดตามไปยาวๆ อาจไม่ถึงกับตามติดดูทุกเรื่อง ขึ้นอยู่กับองค์ประกอบอื่น ความพอใจ และความสะดวกด้วย
แต่คงติดตามเส้นทางของน้อง แบบชื่นชมคนมีฝีมือ ดูความเติบโต ตามลุ้นว่าสายตาเราน่าจะดูไม่ผิด
เราก็ชอบความกล้าในการดีไซน์คาแรคเตอร์แบบนี้ พูดเนิบๆ เหมือนเก๊กๆ ดูทีแรกก็แปลกๆ
แต่พอเปิดใจ ไม่เผลอเอาอคติจากความเคยชินของคาแรคเตอร์พีเรียดของคนอื่นที่เคยดูมาปิดกั้น
ถึงกลายเป็นว่าเราอินกับคาแรคเตอร์พีเรียดของพี่หมอมากกว่าคนอื่นไปแทน เพิ่งจะระลึกชาติได้ว่า
มันเหมือนภาพจินตนาการของเรา สมัยอ่านนิยายพีเรียดเรื่องแรกๆ โดยที่ยังไม่มีภาพการแสดงพีเรียด
ของนักแสดงคนไหนมาเป็นภาพจำหรือปิดกั้นจินตนาการไว้
เอาจริงๆ มันก็ไม่เคยมีใครเห็นนี่นาว่าคนยุคนั้นจริงๆ เป็นยังไง อาจจะนิ่งเนิบเป็นสลอตอย่างพี่หมอจริงๆ ก็ได้
ทำให้นึกถึงโลกยุคที่สงบร่มเย็น ชีวิตไม่ต้องเร่งรีบแข่งขันไปทุกลมหายใจ มันนุ่มนวลยวนใจออกจะตายไป
แล้วเราก็ชอบความคอนทราสต์ในคาแรกเตอร์พี่หมอ ที่ไม่ใช่แค่คอนทราสต์ระหว่างพระเอกนิ่มนางเอกห้าว
แต่ในตัวพี่หมอเองก็มีเซอร์ไพรส์ ทีแรกเห็นพูดจาเนิบๆ นึกว่าเป็นหมอหลวงสายบุ๋นน่าจะติ๋มๆ ไม่เก่งบู๊
คงเอาไว้รอนางเอกสายบู๊ ข้ามภพมาปกป้องไรงี้ ที่ไหนได้ พี่หมอคือคู่หูมือปราบของหมวดโอปอล
เคียงบ่าเคียงไหล่ร่วมรบช่างเท่เสียนี่กระไร
สำหรับงานสายตา ฉากแรกที่ทึ่งคือฉากที่โอปอลดำน้ำแล้วพี่พลับร้องหา
บทพูดคุณหลวงฉากนั้นมีไม่เยอะเลย แต่บทสายตาเยอะกว่า ตั้งแต่รับรู้ เป็นห่วง ตกใจ แปลกใจ ฉงน ครุ่นคิด ขบขัน เอ็นดู
ร่วมถึงพยายามเก๊กเก็บอาการตัวเองไม่ให้หลุดต่อหน้าสาว
เพื่อนเล่นละเอียด เก็บครบมากๆ แสดงหลากอารมณ์นั่นออกมาทางสายตาได้หมดทั้งที่ตากระจึ๋งนึง
จนเราต้องวนเปิดฉากนั้น จ้องอารมณ์ในสายตาพี่หมอซ้ำตั้งหลายรอบ
แล้วหลังๆ ตอนที่โอปอลพูดเรื่องหาทางกลับบ้าน สายตาพี่หมอมันบอกความสลด อาวรณ์ ละห้อยหา แต่ไม่กล้าพูด ไม่กล้าขัด
ตั้งแต่ก่อนจะมีบทพูด “ถ้าเจ้ากลับไป ใจพี่คง...” ซะอีก เรียกว่าสายตาพูดคำนั้นมาหลายซีนก่อนปากจะพูดจริง
แถมเติมคำในช่องว่างไว้ในสายตาหมดแล้วด้วย โอปอลอาจไม่เห็น แต่คนดูเห็นหมด
จากนั้นหลังจากโดนพี่หมอตก ก็เป็นธรรมเนียมว่าต้องไปส่องนักแสดงสักหน่อย
ดูสัมภาษณ์ต่างๆ ดูงานเก่าๆ ย้อนหลัง แล้วยิ่งทึ่งที่พบว่า ตัวจริงของเพื่อน ดูเป็นคนขี้อายมากกกกก
มากจนไม่น่าเชื่อว่าจะเลือกทำงานที่ต้องอยู่หน้าแสงไฟขนาดนี้
ดูเป็นผู้ชายเรียบร้อยยยย สุภาพ พูดเพราะ พูดน้อย พูดเบา พูดเปิดปากแค่นิดๆ แต่ยิ้มกว้าง
คืออ่านแค่นี้อาจรู้สึกว่าคล้ายพี่หมอ แต่ถ้าไปดูภาพจริง เขาขี้อายเรียบร้อยคนละแบบกับพี่หมอนะ
พี่หมอดูเป็นผู้ใหญ่ที่วางท่วงท่าเก็บกิริยา ดูเป็นคนมีอำนาจมีพลังความสุขุมคัมภีรภาพจากภายใน
(ถ้าไม่ใช่เจอสาวแอ๊วตรงๆ แบบผิดยุคผิดสมัย คงไม่เก้อเขินอะไรง่ายๆ ซึ่งระยะหลังที่โดนแอ๊วก็ไม่เขินแล้ว
ดูกลายเป็นชอบใจและเอ็นดูแม่หญิงแทน เล่นได้แบบมีพัฒนาการในปฏิกิริยาของตัวละครค่อนข้างชัดเจน)
ขณะที่ตัวจริงเพื่อนดูเด็กๆ ใสๆ กว่า คุณชายนิดๆ แบบคนถูกประคบประหงมมา ไม่ใช่คุณชายแบบทรงอำนาจ
คือเขาเล่นได้แบบ ดูแล้วรู้สึกว่า นั่นคือพี่หมอ หลวงโอสถวรเวชจริงๆ
เป็นคนอีกคนหนึ่งที่มีเลือดเนื้อมีชีวิตจิตใจของตัวเอง ไม่ใช่เพื่อน คณิน แสดงเป็นพี่หมอ
แล้วไปดูบางส่วนของงานอื่นๆ ของเขา เรารู้สึกแบบนี้กับทุกงานที่ดู ในละครเขาจะเป็นอีกคนจริงๆ ไม่ใช่เพื่อน คณินแสดงเป็นคนนั้นคนนี้
.... มีนักแสดงน้อยคนนะ ที่ทำให้รู้สึกได้ขนาดนี้ ส่วนมาก ต่อให้เล่นเก่งแค่ไหน ก็อดมีความเป็นตัวเองอยู่ในนั้นนิดๆ ไม่ได้
เราว่าเด็กคนนี้มีพรสวรรค์มีฝีมือจริงๆ
จากวันนี้ บอกได้เลยค่ะว่า คงได้ติดตามไปยาวๆ อาจไม่ถึงกับตามติดดูทุกเรื่อง ขึ้นอยู่กับองค์ประกอบอื่น ความพอใจ และความสะดวกด้วย
แต่คงติดตามเส้นทางของน้อง แบบชื่นชมคนมีฝีมือ ดูความเติบโต ตามลุ้นว่าสายตาเราน่าจะดูไม่ผิด
แสดงความคิดเห็น
ขอบคุณ ลิขิตแห่งจันทร์ ที่บันดาลให้คณิน SHINE!!
น้องเพื่อนทำออกมาได้อย่างน่ารักน่าเอ็นดู หล่อ ฉลาด อยุธยา เป็นที่ติดตาต้องใจ ได้รับเสียงชื่นชมจากหมู่แม่หญิงกรุงรัตนโกสินทร์อย่างล้นหลาม
ทำให้เราผู้ชมรู้สึกได้ว่า “การแสดงที่ดีที่สุดคือการแสดงน้อยท่ีสุด” คือความ “พอเหมาะพอเจาะ” จนกระทั่งเหมือนไม่ใช่การแสดงเลย เหมือนเป็นพี่หมอตัวเป็นเป็น
ภาษากาย (Body language) ที่คุณเพื่อน คณิน ใช้ในการแสดง แม้ไม่พูดสักคำ การเอียงศรีษะ วางมือ ขยับร่างกาย การแสดงอารมณ์ทางใบหน้าชัดเจน สายตาที่พูดได้ สามารถถ่ายทอดความเย็นชา, ความรังเกียจ, ความงุนงง, ความประหลาดใจ, ความโกรธ, ความเศร้าอย่างสุดซึ้ง, หรือความปลื้มปริ่มยินดี อินเนอร์ชัดมาก...เล่นละครมีเสน่ห์ทำให้เชื่อว่าเป็นละครตัวนั้น ยิ่งบทกุ๊กกิ๊กมุ้งมิ้ง ยิ่งดูน่ารักน่าลุ้นสื่อสารถึงผู้ชมได้โดยไม่ต้องเดาความ
ชื่นชม ความกล้าในการออกแบบและนำเสนอตัวละครพี่หมอ ให้พูดช้าาาาาา มาก จนหลายคนบ่นว่าแข็ง เป็นโรบอทอโยธยา... ในตอนแรกๆ
แต่กลับทำให้เรารู้สึกว่าเป็นตัวละครที่น่าติดตาม บทละครที่ออกมาจากปาก แม้จะแปร่งหู แต่ไม่ขัดเขิน ไม่รู้สึกว่าพยายามแสดง ให้ความรู้สึกเป็นธรรมชาติของหมอผู้คงแก่เรียน คิดมากกว่าพูด น่าเอาใจช่วย เวลาหวาน..ก็ทำใจแม่หญิงสะท้านไปทั้งพระนคร
ส่งให้ตัวละครตัวนี้มีความแตกต่าง ไม่ต้อง perfect แต่เป็น limited edition.... เมื่อมาประกอบกับแม่หญิงโอปอล ยุค 4.0 จึงเป็นความละมุนละไมที่ลงตัว กลมกล่อมอย่างปฏิเสธไม่ได้ น่าจดจำ เพิ่มความฟินให้คนดูหน้าจอแบบจัดเต็ม
คณิน ในความเป็นหลวงโอสถสายบู๊ ก็นำเสนอได้มีเสน่ห์สุดกร้าวใจ ท่าทาง ใบหน้า สายตา ไปด้วยกันหมด เล่นเอง บู๊หนัก จัดเต็ม ไม่ใช้สแตนอิน คืนกำไรให้คนดูแบบสุดสุด เท่ทุกท่าพูดเลย!!
ความตั้งใจ ฝึกฝนอย่างไม่หยุดนิ่งของคุณเพื่อน คณิน ทำให้วันนี้ได้ถ่ายทอดบทบาทตัวแสดงที่น่าประทับใจ ได้ใจทุกคนอย่างแท้จริง ❤️
ขอบคุณช่อง 3 🙏 ที่ให้โอกาสนักแสดงที่ไม่หยุดพัฒนาฝีมือ และทุ่มเทในงานแสดงที่ได้รับมอบหมายทุกบทบาทอย่างคุณเพื่อน ทำให้เราได้รู้จักและจะติดตามเป็นกำลังใจในการสร้างสรรค์ผลงานคุณภาพที่ทำให้คนดูมีความสุข..ตลอดไป
ขอชื่นชมคุณคณิน และทีมงานละครลิขิตแห่งจันทร์ ที่สร้างสรรค์ละคร master piece ที่ควรค่าแก่การจดจำ จะเก็บไว้ขึ้นหิ้งเป็นละครน้ำดี ในดวงใจอีกหนึ่งเรื่อง 👍
💎 Bright like a Diamond, คณิน shine!!