หนัง Sci-fi ดราม่าที่สามารถมองลึกไปกว่าหนังอวกาศ
หนังที่แฝงปรัชญาชีวิตอย่างแยบยล บอกเล่าความโดดเดี่ยวโดยใช้อวกาศเป็นสื่อ
มองเข้าไปให้ไกล ไปให้ลึก กว่าคำว่าหนังที่มีฉากหยุด ยืดยาวจนดูน่าเบื่อ
เพราะถ้าคุณไม่รู้สึกกับมัน แสดงว่าคุณอาจมองมันได้ไม่ลึกพอ
ถ้าเรื่องนี้คือชีวิตของคนทำงานที่ต้องจากบ้านไกลเพื่อเป้าหมายกันล่ะ?
คนที่ต้องจากบ้านไปเพื่องาน เพื่อเรียน เพื่อภารกิจ ด้วยข้ออ้างร้อยแปดพันเก้า
ใช้เป็นเหตุผลในการลาจากความสัมพันธ์ที่เคยดีแสนดี
ตามเรามาค่ะ เราจะเล่าสรุปให้ฟัง
[คีย์เวิร์ดหนัง] อวกาศ, ปรัชญา, นักบินอวกาศ, พ่อ, คนที่รัก, โดดเดี่ยว, เป้าหมาย, ละทิ้ง
[ประเภท] Sci-fi, ดราม่า
[เรื่องย่อ] เกิดคลื่นพายุไฟฟ้าที่เป็นปฎิสสาร แพร่รังสีคอสมิกใกล้โลก ซึ่งจะทำปฏิกิริยาลูกโซ่อันตรายที่ทำให้โลกล่มสลายได้
โดยพระเอก (Roy McBride) ได้รับภารกิจไปส่งข้อความจากดาวอังคารเพื่อตามหาพ่อของพระเอก (Clifford McBride) นักบินอวกาศที่กล่าวเป็นฮีโร่เป็นตำนานการเยือนบนดาวคนแรกของดาวต่างๆมากมาย ที่คาดว่าตอนนี้ติดอยู่ที่ดาวเนปจูน และพระเอกมีภารกิจที่จะต้องเอานิวเคลียร์ไประเบิดหยุดคลื่นพลังงานไฟฟ้านี้ซะ แต่ห้ามบอกใครเรื่องภารกิจเพื่อกันคนแตกตื่น โดยใช้ชื่อภารกิจนี้ว่า " Lima Project " ผ่านการดูแลของ Spacecom
[ความน่าสนใจ] เป็นหนังที่ต้องปล่อยวางแล้วเสพย์เอาอารมณ์ตัวละครเป็นหลัก มันไม่สนุก แต่มันลึกซึ้ง แฝงปรัชญาชีวิตโดยใช้อวกาศแสดงความโดดเดี่ยว
ต่อจากนี้ Spoil แล้วนะจ้ะ
ขอสรุป ปรัชญาชีวิตแฝงจาก AD ASTRA ตามนี้ค่ะ
ภารกิจที่ทำให้รู้สึกไร้หัวใจ
เรากลายเป็นเหมือนหุ่นยนต์เพื่อภารกิจมากขึ้นทุกที
หัวใจเราไม่เต้นแรง เราทิ้งความรู้สึกส่วนตัวไป ความอ่อนไหวจะเป็นอุปสรรคต่อภารกิจ
เพราะงานที่เราทำเป็นงานอันตราย เราไม่รู้สึกรัก เราไม่แคร์คนรักและไม่อยากมีลูกเป็นภาระ
จะมีแต่คำว่า Focus ต้องกินยาคุมอารมณ์ ต้องคอยใช้เครื่องประเมินจิตใจตลอดเวลา
เราต้องให้เครื่องมือมาบอกเราด้วยหรอ ว่าเรารู้สึกยังไง?
ก็แค่คนบ้างานที่ไม่สนใจ ความรู้สึกของลูกเมีย
" ฉันรู้สึกเหมือนอยู่คนเดียวมาตลอด ไม่ได้คบกัน ตัวอยู่ แต่ไม่รู้ใจอยู่ไหน I have my own life. I cannot wait for you. " ภรรยาของพระเอกกล่าว
ภรรยาพระเอกเลือกที่จะเลิกถ้าพระเอกยังเป็นแบบนี้ต่อไป
เหมือนไม่รู้สึก แต่ไม่ได้แปลว่าไม่รู้สึก
รู้สึกโดดเดี่ยว ทรมาน ไม่สุงสิงกับใคร และจะเปิดให้คนที่อาทรตัวเองจริงๆเข้ามา ซึ่งหนึ่งในนั้นคือภรรยาของพระเอก
พระเอกอยากแก้ไขตัวเอง อยากจะฟังให้มากขึ้น เลิกเฉยชา อยากจะจริงใจแต่ไม่ทำ
ไม่กล้าแม้แต่จะส่งข้อความไปหาภรรยาว่า " ไม่อยากให้คุณไป "
เพราะจะเป็นการรั้งและเห็นแก่ตัว ถ้าให้เธอต้องรอ
ระบบทุนนิยม ความเห็นแก่ตัวของมนุษย์ ความโลภ ที่แพร่ลามไปถึงบนดาวอื่น
พ่อของพระเอกอุทิศชีวิตสำรวจเพื่อการค้นหามนุษย์ต่างดาว มีนักอวกาศหลายคนเสี่ยงตายไปเพื่อการสำรวจ
แต่ในขณะที่คนรวยบนโลก ใช้ความรู้จากผู้ที่เสียสละ นำดวงจันทร์มาใช้หาเงิน สร้างการท่องเที่ยวผ่านอาณานิคมบนดวงจันทร์
Space Tourism and Moon Tourism เป็นการท่องเที่ยวเชิงพาณิชย์สำหรับคนรวย ที่มีอยู่จริงๆ
เริ่มจากการขึ้นยานเหมือนนั่งเครื่องบินชั้น First Class
ที่ต้องจ่ายค่าหมอนและผ้าห่มราคาแพงสูงลิบ แต่พระเอกก็จ่ายได้อย่างชิวๆ (ถึงเป็นนักบินอวกาศก็ต้องจ่ายนะจ้ะ เพราะมาแบบลูกค้า)
พอถึงท่าบนดวงจันทร์ มีร้านอาหารแบรนด์ทั่วไป เช่น Subway (อาหาร) และ DHL (บริษัทขนส่ง) ไม่ต่างกับบนโลก
และแสดงให้เห็นด้านมืดบนดวงจันทร์ที่แม้จะดูสวยงาม แต่ก็มีโจรสลัดที่มาคอยช่วงชิงทรัพยากรจนยอมฆ่ากันให้ตาย
ฉากที่หันกลับมามองโลก โลกก็มีมุมมืดอยู่เช่นกัน
เปรียบเทียบได้ถึง ประเทศต่างๆที่ไปรุกล้ำพื้นที่ประเทศเขา เพื่อล่าอาณานิคม
อย่างที่ไทยก็เจอคนจีนมาลงทุน ครอบครองพื้นที่ทำธุรกิจมากมาย
ฮีโร่ที่ไม่ใช่คนดี แต่เป็นฮีโร่เพื่อปกปิดความผิดพลาดขององค์กร
ความลับขององค์กร ที่แม้แต่โลกจะแตกสลายก็ห้ามบอก คนรอบข้าง
โครงการลิม่าอ้างว่าพ่อของพระเอกเป็นผู้เสียสละ ไปยับยั้งสาเหตุของคลื่นช็อคแต่พลาด
แท้จริงเป็นคนเห็นแก่ตัวที่หนีไปหายไป ทำให้ครอบครัวคนอื่นๆต้องสูญเสีย ทำให้ลูกเรือกลับโลกมาไม่ได้และเสียชีวิต เพราะแค่อยากเจอเอเลี่ยน
เปรียบเทียบเหมือนคนที่ทำงานให้องค์กร พอมีเรื่องร้ายๆก็พยายามปกปิดกัน ให้มันเงียบๆไปเอง
และตอนที่พระเอกคุมยานฉุกเฉินแทนกัปตัน " กัปตันคุณคงเข้าใจ ผมจะไม่บอก Spacecom"
พนักงานที่ไม่สามารถปฏิบัติหน้าที่จริงๆได้ ยอมให้คนอื่นมาคุมเครื่อง
ถือเป็นความผิดพลาดร้ายแรง แต่ก็ไม่อยากรายงานให้ตัวเองเจอลงโทษ
แม้แต่คนที่ดูไร้หัวใจที่สุด ไร้จุดอ่อน ก็มีสิ่งที่สำคัญจริงๆ
คนที่ดูเพอร์เฟ็คทุกด้าน หรือกระทั่งคนที่ดูด้านชาทางความรู้สึก ก็ย่อมมีจุดอ่อนในจิตใจ
เหมือนจะไม่มีอะไรสั่นคลอนจิตใจได้แม้แต่ความตาย สำหรับพระเอกที่เก่งทุกด้านการบินอวกาศ
แต่สิ่งที่สั่นคลอนพระเอกได้ คือเมื่อคิดถึงพ่อ หัวใจเต้นรัวจนทำภารกิจต่อไม่ได้
จึงทำให้รู้ว่าพ่อสำคัญกับพระเอกขนาดไหน พ่อคือจุดอ่อนของพระเอกนั่นเอง
" พ่อ ผมอยากเจอพ่ออีก"
วิ่งตามความสำเร็จพ่อ อยากให้พ่อยอมรับ แต่พ่อกลับไม่เคยเหลียวแล
พระเอกเป็นนักบินอวกาศเพราะพ่อชอบ มองพ่อเป็นฮีโร่ เป็นเป้าหมาย อยากให้พ่อหันมามองบ้าง
แต่พ่อของรอยอุทิศชีวิตให้การค้นหามนุษย์ต่างดาว โดยไม่สนใจและคิดกลับไปหาลูกเมียเขาเลย
" I never think about you even once."
เราคงเคยมีความรู้สึกที่แบบอยากไปประสพความสำเร็จที่เมืองนอกให้ได้รับการยอมรับ
หรืออยากวิ่งไล่ตามคนที่เราอยากไขว่คว้า
แต่ยิ่งพยายามคว้าเท่าไหร่ ก็ยิ่งดูว่างเปล่ามากเท่านั้น
เพราะแม้เขามองกลับมา มีเพียงเราที่วิ่งไล่ตามเขา สุดท้ายเขาก็จากไปไกลขึ้นเรื่อยๆ
ก้าวมาไกลเกินกว่าจะถอยกลับ เพื่อบรรลุเป้าหมายต้องพร้อมยอมทิ้งทุกสิ่ง
งานของพ่อทำให้เมียเป็นม่าย ลูกเป็นกำพร้า
การทิ้งครอบครัว คนรัก การฆาตกรรมที่ดูเป็นเรื่องเฉยๆ
" 30 ปีที่หายใจ กินผ่านสาย ไม่มีซักครั้งที่คิดถึงบ้าน"
" จะไม่กลับจนกว่าจะเจอ... "
พ่อพระเอกฆ่าลูกเรือเพื่อเป้าหมายในการหามนุษย์ต่างดาว ไม่ยอมให้ยานกลับไปที่โลก
ทั้งๆที่พวกเขาเครียดเรื่องห่างไกลบ้านจนทำภารกิจต่อไม่ไหวแล้ว
" ผมไม่อยากเป็นเหมือนพ่อ ที่ถูกดึงสู่หลุมดำมืดเหมือนกัน "
แต่พระเอกก็ทำแบบเดียวกัน คือทำคนตายตอนยึดยานไปหาพ่อ เพื่อความเชื่อเดียวที่ว่า พ่อยังมีชีวิตอยู่
เปรียบเทียบว่า เราต้องแลกอะไรบางอย่าง เพื่อสิ่งที่เราต้องการกว่า
บางคนยอมแต่งงานกับคนต่างชาติ ย้ายไปอยู่ต่างประเทศ แล้วทิ้งครอบครัวไว้เบื้องหลัง แม้จะรู้ว่าจากนี้จะติดต่อครอบครัวยากก็ตาม
หรือเราต้องยอมไปทำงานไกลๆเพื่อแลกเงินที่คุ้มค่ากว่าความใกล้ชิดครอบครัว โดยอ้างว่าเพื่ออนาคต
อุทิศชีวิตให้กับความเชื่อที่ไม่มีจริง
ทั้งการตามหาเอเลี่ยนแต่ในศูนย์ค้นหาสิ่งมีชีวิตบนอวกาศดันมีลิงที่เป็นสัตว์ทดลอง ? จะเกิดอะไรขึ้นถ้าลิงตัวนั้นยังอยู่บนยานต่อไป
จะเกิดอะไรขึ้นถ้ามันกลายพันธุ์และมันไม่ตาย? มันจะเป็นเอเลี่ยนไปเองไหม?
ถึง Lima Project จะมีข้อสรุปที่ออกมาแล้วว่าในจักรวาลเราไม่มีมนุษย์ต่างดาวอยู่
พ่อบอก "เราต้องก้าวข้ามไป เพื่อค้นพบสิ่งที่ไม่มีให้มันมีให้ได้"
รอย: "แต่ผมอยากให้พ่อหันมามองสิ่งที่มี ไม่ใช่สิ่งที่ยังไม่เห็น"
" ถ้ามีคนอย่างลูกตอนนั้น เราน่าจะทำภารกิจด้วยกันต่อได้ "
พ่อของรอยบอกว่ารอยเหมือนเขามากแค่ไหน แม้รอยจะไม่อยากเป็นอย่างพ่อก็ตาม
พ่ออยากให้รอยมาทำภารกิจกันต่อ แต่รอยไม่ยอม และไม่มีทรัพยากรที่มากพอจะไปต่อ มันจบแล้ว
ยอมตายถ้าต้องกลับไปเผชิญความผิดพลาด กัปตันต้องล่มไปพร้อมเรือ
" มนุษย์ต้องการสิ่งที่เป็นไปไม่ได้ อย่าให้พ่อล้มเหลวรอย "
ให้ตายไปดีกว่า ให้เป็นตำนาน ดีเลวให้ประวัติศาสตร์เป็นคนตัดสิน ว่าเป็นผู้เสียสละ หรือเป็นคนที่เห็นแก่ตัว
บางครั้งเราจะเห็นคนที่เก่งมาก ประสพความสำเร็จในหน้าที่การงานฆ่าตัวตาย เพราะก้าวข้ามจิตใจ ความคาดหวังของตัวเองไปไม่ได้
แต่สิ่งที่เขาทิ้งไว้คือ สิ่งมากมายที่ไม่มีคนได้ทำ เจอดาวลึกลับที่ไม่มีคนเคยพบ เขาได้เป็นตำนาน
พ่อเป็นภาระของคุณ?
พ่อพระเอกเหมือนจะตัวปัญหาที่ต้องให้ลูกมาคอยปัดเช็ด วุ่นวายกันไปหมดทั้งโลก แม้จะทิ้งครอบครัวไปแล้ว
เปรียบเหมือนพ่อแม่บางคนที่ทิ้งลูกไป แต่ยังสร้างปัญหามาให้ ทิ้งหนี้มาให้ ทั้งๆที่ยังมีนามสกุลเดียวกันในทะเบียนบ้าน
แต่พ่อก็ยังเป็นพ่อ ที่พระเอกพร้อมจะให้อภัยเสมอ
"ผมรักพ่อ ผมจะพาพ่อกลับบ้าน พ่อไม่ได้ล้มเหลว เรามีกันและกัน "
ตอนที่พ่อพระเอกจะฆ่าตัวตาย ปล่อยตัวลอยออกไปนอกอวกาศ พระเอกก็พยายามไปดึงกลับมาแต่ก็ไม่ไหว
" ทำไมยังยื้อ ทำไมยังไม่ถอดใจ " พ่อคือเป้าหมายของพระเอก จะให้ปล่อยไปง่ายๆได้ยังไง!
แต่สุดท้ายถ้ามันเป็นไปไม่ได้จริงๆ.... ก็ต้องปล่อยไป....
สู่ความเวิ้งว้างอันไกลโพ้น
กลับบ้านกันเถอะ
โลกคือบ้าน ที่หันกลับไปมองเมื่อไหร่ก็เจอ
ตอนมีไม่เห็นค่า เมื่อจากไปไกลกลับต้องการสิ่งที่เคยมี
อยากได้ยินเสียงของคนรัก แต่มีแต่บันทึกเสียงภาพเก่าๆ
ต้องมาเสียบให้อาหารผ่านสาย แทนที่จะได้นั่งกินอาหารอร่อยๆกับคนที่รัก
ต้องมาเปิดเสียงนกร้อง เปิดดูดอกไม้ ในห้อง Comfort Room ทั้งๆที่มีให้ฟังได้ทุกวันบนโลก ตลกดี
อยู่กับสิ่งที่มี ไม่ใช่สิ่งที่ฝัน
คำตอบคุณค่าของชีวิตที่เราตามหา จริงๆอาจอยู่ใกล้แค่นิดเดียว
คิดว่าตัวเองเก่ง สามารถอยู่คนเดียวได้ แต่ยิ่งอยู่เพียงลำพังมากเท่าไหร่กลับคิดถึงบ้านมากเท่านั้น
กลับเถอะ กลับบ้านของเรา กลับไปใช้ชีวิต ทำอะไรที่ควรทำ อยู่กับคนที่ควรอยู่ และเลิกมองหาสิ่งที่ไม่มี
แทนที่จะไขว่คว้าชื่อเสียง เงินทอง ที่เป็นเพียงความว่างเปล่า
กลับไปเยี่ยมคนรักของเรา ครอบครัวของเรากันบ้างนะ
- END -
จบแล้วน้า เรื่องนี้ส่วนตัวให้ 6.5/10 ค่ะ
หักคะแนนความไม่สนุกออกนิละ
ขอบคุณที่เข้ามาอ่านจ้า
[CR] -WingTip- วิเคราะห์ AD ASTRA (2019): หนังอวกาศปรัชญาชีวิตสำหรับคนไกลบ้าน [Spoiled Alert]
เรากลายเป็นเหมือนหุ่นยนต์เพื่อภารกิจมากขึ้นทุกที
หัวใจเราไม่เต้นแรง เราทิ้งความรู้สึกส่วนตัวไป ความอ่อนไหวจะเป็นอุปสรรคต่อภารกิจ
เพราะงานที่เราทำเป็นงานอันตราย เราไม่รู้สึกรัก เราไม่แคร์คนรักและไม่อยากมีลูกเป็นภาระ
จะมีแต่คำว่า Focus ต้องกินยาคุมอารมณ์ ต้องคอยใช้เครื่องประเมินจิตใจตลอดเวลา
เราต้องให้เครื่องมือมาบอกเราด้วยหรอ ว่าเรารู้สึกยังไง?
ก็แค่คนบ้างานที่ไม่สนใจ ความรู้สึกของลูกเมีย
" ฉันรู้สึกเหมือนอยู่คนเดียวมาตลอด ไม่ได้คบกัน ตัวอยู่ แต่ไม่รู้ใจอยู่ไหน I have my own life. I cannot wait for you. " ภรรยาของพระเอกกล่าว
ภรรยาพระเอกเลือกที่จะเลิกถ้าพระเอกยังเป็นแบบนี้ต่อไป
เหมือนไม่รู้สึก แต่ไม่ได้แปลว่าไม่รู้สึก
รู้สึกโดดเดี่ยว ทรมาน ไม่สุงสิงกับใคร และจะเปิดให้คนที่อาทรตัวเองจริงๆเข้ามา ซึ่งหนึ่งในนั้นคือภรรยาของพระเอก
พระเอกอยากแก้ไขตัวเอง อยากจะฟังให้มากขึ้น เลิกเฉยชา อยากจะจริงใจแต่ไม่ทำ
ไม่กล้าแม้แต่จะส่งข้อความไปหาภรรยาว่า " ไม่อยากให้คุณไป "
เพราะจะเป็นการรั้งและเห็นแก่ตัว ถ้าให้เธอต้องรอ
ระบบทุนนิยม ความเห็นแก่ตัวของมนุษย์ ความโลภ ที่แพร่ลามไปถึงบนดาวอื่น
พ่อของพระเอกอุทิศชีวิตสำรวจเพื่อการค้นหามนุษย์ต่างดาว มีนักอวกาศหลายคนเสี่ยงตายไปเพื่อการสำรวจ
แต่ในขณะที่คนรวยบนโลก ใช้ความรู้จากผู้ที่เสียสละ นำดวงจันทร์มาใช้หาเงิน สร้างการท่องเที่ยวผ่านอาณานิคมบนดวงจันทร์
Space Tourism and Moon Tourism เป็นการท่องเที่ยวเชิงพาณิชย์สำหรับคนรวย ที่มีอยู่จริงๆ
เริ่มจากการขึ้นยานเหมือนนั่งเครื่องบินชั้น First Class
ที่ต้องจ่ายค่าหมอนและผ้าห่มราคาแพงสูงลิบ แต่พระเอกก็จ่ายได้อย่างชิวๆ (ถึงเป็นนักบินอวกาศก็ต้องจ่ายนะจ้ะ เพราะมาแบบลูกค้า)
พอถึงท่าบนดวงจันทร์ มีร้านอาหารแบรนด์ทั่วไป เช่น Subway (อาหาร) และ DHL (บริษัทขนส่ง) ไม่ต่างกับบนโลก
และแสดงให้เห็นด้านมืดบนดวงจันทร์ที่แม้จะดูสวยงาม แต่ก็มีโจรสลัดที่มาคอยช่วงชิงทรัพยากรจนยอมฆ่ากันให้ตาย
ฉากที่หันกลับมามองโลก โลกก็มีมุมมืดอยู่เช่นกัน
เปรียบเทียบได้ถึง ประเทศต่างๆที่ไปรุกล้ำพื้นที่ประเทศเขา เพื่อล่าอาณานิคม
อย่างที่ไทยก็เจอคนจีนมาลงทุน ครอบครองพื้นที่ทำธุรกิจมากมาย
ฮีโร่ที่ไม่ใช่คนดี แต่เป็นฮีโร่เพื่อปกปิดความผิดพลาดขององค์กร
ความลับขององค์กร ที่แม้แต่โลกจะแตกสลายก็ห้ามบอก คนรอบข้าง
โครงการลิม่าอ้างว่าพ่อของพระเอกเป็นผู้เสียสละ ไปยับยั้งสาเหตุของคลื่นช็อคแต่พลาด
แท้จริงเป็นคนเห็นแก่ตัวที่หนีไปหายไป ทำให้ครอบครัวคนอื่นๆต้องสูญเสีย ทำให้ลูกเรือกลับโลกมาไม่ได้และเสียชีวิต เพราะแค่อยากเจอเอเลี่ยน
เปรียบเทียบเหมือนคนที่ทำงานให้องค์กร พอมีเรื่องร้ายๆก็พยายามปกปิดกัน ให้มันเงียบๆไปเอง
และตอนที่พระเอกคุมยานฉุกเฉินแทนกัปตัน " กัปตันคุณคงเข้าใจ ผมจะไม่บอก Spacecom"
พนักงานที่ไม่สามารถปฏิบัติหน้าที่จริงๆได้ ยอมให้คนอื่นมาคุมเครื่อง
ถือเป็นความผิดพลาดร้ายแรง แต่ก็ไม่อยากรายงานให้ตัวเองเจอลงโทษ
ทั้งๆที่พวกเขาเครียดเรื่องห่างไกลบ้านจนทำภารกิจต่อไม่ไหวแล้ว
" ผมไม่อยากเป็นเหมือนพ่อ ที่ถูกดึงสู่หลุมดำมืดเหมือนกัน "
แต่พระเอกก็ทำแบบเดียวกัน คือทำคนตายตอนยึดยานไปหาพ่อ เพื่อความเชื่อเดียวที่ว่า พ่อยังมีชีวิตอยู่
จะเกิดอะไรขึ้นถ้ามันกลายพันธุ์และมันไม่ตาย? มันจะเป็นเอเลี่ยนไปเองไหม?
พ่อพระเอกเหมือนจะตัวปัญหาที่ต้องให้ลูกมาคอยปัดเช็ด วุ่นวายกันไปหมดทั้งโลก แม้จะทิ้งครอบครัวไปแล้ว
เปรียบเหมือนพ่อแม่บางคนที่ทิ้งลูกไป แต่ยังสร้างปัญหามาให้ ทิ้งหนี้มาให้ ทั้งๆที่ยังมีนามสกุลเดียวกันในทะเบียนบ้าน
แต่พ่อก็ยังเป็นพ่อ ที่พระเอกพร้อมจะให้อภัยเสมอ
"ผมรักพ่อ ผมจะพาพ่อกลับบ้าน พ่อไม่ได้ล้มเหลว เรามีกันและกัน "
ตอนที่พ่อพระเอกจะฆ่าตัวตาย ปล่อยตัวลอยออกไปนอกอวกาศ พระเอกก็พยายามไปดึงกลับมาแต่ก็ไม่ไหว
" ทำไมยังยื้อ ทำไมยังไม่ถอดใจ " พ่อคือเป้าหมายของพระเอก จะให้ปล่อยไปง่ายๆได้ยังไง!
แต่สุดท้ายถ้ามันเป็นไปไม่ได้จริงๆ.... ก็ต้องปล่อยไป....
สู่ความเวิ้งว้างอันไกลโพ้น
CR - Consumer Review : กระทู้รีวิวนี้เป็นกระทู้ CR โดยที่เจ้าของกระทู้