การที่ ธ.หลายธนาคาร (ไม่ใช่ทุกธนาคาร) หักค่าธรรมเนียมกับประชาชน โดยเรียกเก็บค่ารักษาบัญชี 50 บาท/เดือน (จากยอดเงินฝากในบัญชีที่ไม่ได้เคลื่อนไหวเกิน 1 ปี และมียอดเงินฝาก ขั้นต่ำ 500 บาท เป็น 2,000 บาท ) นั้น โดยอ้างว่าเป็นคำสั่งของ ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) นั้น ผมว่ามันค่อนข้างโหดร้าย กับประชาชนเป็นอย่างมาก รัฐบาล โดย ธนาคารแห่งประเทศไทย ควรออกมาดูแลในส่วนนี้ เพราะมันเป็นการเอาเปรียบประชาชนอย่างมากๆๆๆๆ ที่สุดในโลก เพราะธนาคารทั้งหลาย หัก 50 บาท ทุกเดือนต่อเนื่องกันไปจนเงินในบัญชีหมดเกลี้ยงเป็น 0 บาท แทนที่ จะหัก 50 บาท แล้วเว้น 1 ปี ค่อยหักใหม่ (เพราะถือว่าบัญชีมีการเคลื่อนไหวแล้ว) เพราะนอกจาก ธนาคารต่างๆ เหล่านั้น จ่ายดอกเบี้ยที่อยู่ในระดับต่ำมากๆ เมื่อเทียบอัตราดอกเบี้ยกู้ ซึ่งมีส่วนต่างกันมากพอสมควรแล้ว ยังมาหักเงินค่ารักษาบัญชีลูกค้าอีก อันนี้ผมว่ามันไม่เป็นธรรม ตามหลักมนุษยธรรม เพราะประชาชนส่วนใหญ่ ในประเทศนี้ เขาไว้วางใจ เอาเงินมาฝาก เพื่อให้ท่านทั้งหลายได้นำเงินเขาไปลงทุน จนงอกเงยเกิดดอกผล และเอากำไรส่วนนั้นมาสร้างความเจริญเติบโตในธุรกิจทางการเงินของพวกท่าน แล้วตอบแทนเขากลับเป็นเพียงเศษเงินเล็กๆน้อยๆเท่านั้น แถมยังมีทีเผลอ ใครไม่เคลื่อนไหวบัญชี มีเงินต่ำกว่า 2,000 บาท จะถูกหักค่ารักษาบัญชี เดือนละ 50 บาท ติดต่อกันจนเงินหมด ลองมาคำนวณกันเล่นๆ ถ้าใครมีเงินฝาก 1,999 บาท แล้วไม่เคลื่อนไหว 1 ปี จะถูกหักต่อเนื่องทุกเดือน ภายใน 3.3 ปี เงินจะหายไปเป็น 0 บาท
ผมว่า ธปท. ควรยกเลิกกฎเกณฑ์นี้ได้แล้ว เพราะปล่อยให้ธนาคารทั้งหลาย เก็บเกี่ยวผลประโยชน์จากประชาชนผู้เป็นเจ้าของธนาคารเหล่านั้นมานานแล้ว
จริงอยู่สมัยก่อน ตอนประมาณ ปี 2539-2540 ถ้าจำไม่ผิด ตอนฟองสบู่แตก ธนาคารเหล่านี้ได้รับผลกระทบอย่างมาก จนแทบปิดกิจการ แต่ด้วย รัฐบาล โดย ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) ได้เข้ามาช่วยโอบอุ้ม โดยเอาเงินภาษีของประชาชน มาช่วยพยุงกิจการธนาคารของบรรดานายทุนทั้งหลายเอาไว้ จึงทำให้ธนาคารทั้งหลายไม่ล้มหายตายจากไป จากประเทศไทย และออกนโยบาย เรื่องการเก็บเงินค่ารักษาบัญชี เพื่อเอามาช่วยเหลือเจือจุน เป็นรายได้ของธนาคารทั้งหลายเหล่านั้น ให้สามารถมีรายได้ และพยุงกิจการเอาไว้ได้ จนกระทั่งถึงวันนี้ ธนาคารทั้งหลาย ปีกกล้าขาแข็ง เหมือนนกที่บินได้เอง โดยไม่ต้องให้ใครอุ้มชู คอยประคบประหงมแล้ว ธปท. ในฐานะที่เป็นหน่วยงานของรัฐ ภายใต้การกำกับของกระทรวงการคลัง และรัฐบาล ก็ควรหันมาช่วยประชาชนบ้าง เพราะในยามนี้เศรษฐกิจของประเทศไม่สู้ดีเอาอย่างมาก บรรดา นายทุน นายธนาคารต่างๆ อยู่กันอย่างสบาย แต่ประชาชนตาดำๆ ลำบากทุกเข็ญกันถ้วนหน้า เรียกว่าหญ้าแพรกแหลกรานเป็นอันมาก อันเนื่องมาจากพิษพวงของเศรษฐกิจ ที่มีปัญหากันทั่วโลก ประชาชนชาวไทยที่เป็นรากหญ้าของประเทศเริ่มย่ำแย่กันมาก รัฐก็ควรเข้ามาช่วยเหลือดูแล ไม่ใช่หวังอุ้มชูแต่นายทุนทั้งหลายอยู่เหมือนเดิม ผมจึงอยากขอให้ทาง ธปท. ยกเลิกมาตราการเก็บค่ารักษาบัญชีนี้ได้แล้วครับ เพื่อประโยชน์สุข แก่มหาชนชาวสยาม ต่อไป...
ช่วยชาวบ้านด้วย!!! ขอให้ ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) ยกเลิกการเรียกเก็บค่ารักษาบัญชี 50 บาท/เดือน ด้วยนะครับ !!
ผมว่า ธปท. ควรยกเลิกกฎเกณฑ์นี้ได้แล้ว เพราะปล่อยให้ธนาคารทั้งหลาย เก็บเกี่ยวผลประโยชน์จากประชาชนผู้เป็นเจ้าของธนาคารเหล่านั้นมานานแล้ว
จริงอยู่สมัยก่อน ตอนประมาณ ปี 2539-2540 ถ้าจำไม่ผิด ตอนฟองสบู่แตก ธนาคารเหล่านี้ได้รับผลกระทบอย่างมาก จนแทบปิดกิจการ แต่ด้วย รัฐบาล โดย ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) ได้เข้ามาช่วยโอบอุ้ม โดยเอาเงินภาษีของประชาชน มาช่วยพยุงกิจการธนาคารของบรรดานายทุนทั้งหลายเอาไว้ จึงทำให้ธนาคารทั้งหลายไม่ล้มหายตายจากไป จากประเทศไทย และออกนโยบาย เรื่องการเก็บเงินค่ารักษาบัญชี เพื่อเอามาช่วยเหลือเจือจุน เป็นรายได้ของธนาคารทั้งหลายเหล่านั้น ให้สามารถมีรายได้ และพยุงกิจการเอาไว้ได้ จนกระทั่งถึงวันนี้ ธนาคารทั้งหลาย ปีกกล้าขาแข็ง เหมือนนกที่บินได้เอง โดยไม่ต้องให้ใครอุ้มชู คอยประคบประหงมแล้ว ธปท. ในฐานะที่เป็นหน่วยงานของรัฐ ภายใต้การกำกับของกระทรวงการคลัง และรัฐบาล ก็ควรหันมาช่วยประชาชนบ้าง เพราะในยามนี้เศรษฐกิจของประเทศไม่สู้ดีเอาอย่างมาก บรรดา นายทุน นายธนาคารต่างๆ อยู่กันอย่างสบาย แต่ประชาชนตาดำๆ ลำบากทุกเข็ญกันถ้วนหน้า เรียกว่าหญ้าแพรกแหลกรานเป็นอันมาก อันเนื่องมาจากพิษพวงของเศรษฐกิจ ที่มีปัญหากันทั่วโลก ประชาชนชาวไทยที่เป็นรากหญ้าของประเทศเริ่มย่ำแย่กันมาก รัฐก็ควรเข้ามาช่วยเหลือดูแล ไม่ใช่หวังอุ้มชูแต่นายทุนทั้งหลายอยู่เหมือนเดิม ผมจึงอยากขอให้ทาง ธปท. ยกเลิกมาตราการเก็บค่ารักษาบัญชีนี้ได้แล้วครับ เพื่อประโยชน์สุข แก่มหาชนชาวสยาม ต่อไป...