Ad Astra (James Gray, 2019) คะแนน B+ (8.5/10)
"ตั้งคำถามต่อสิ่งมีชีวิตนอกโลกและคุณค่าในการสำรวจอวกาศ" Ad Astra เป็นหนังที่ไม่เหมาะกับคนที่คาดหวังอยากเห็นงานแอ็คชั่นไซไฟอวกาศสนุก ๆ ฉากแอ็คชั่นและฉากตื่นเต้นถูกใส่มาเล็ก ๆ น้อย ๆ เป็นความประนีประนอมตัวผู้กำกับ เพราะถ้าไม่ใส่มาคนดูคงจะหลับทั้งเรื่องได้ไม่ยากเย็นอะไร ฉากตื่นเต้นในหนังจึงเป็นเพียงสิ่งกระตุ้นให้คนดูตื่นตัวเท่านั้น ความดีของหนังเรื่องนี้จึงเกิดจากงานวิชวลเอฟเฟคและฉากหลังของอวกาลที่สวยงามมาก ๆ พร้อมทั้งคำถามเชิงปรัชญาต่อสิ่งมีชีวิตนอกโลกรวมถึงการพรรณนาของตัวละครราวบทกวี และสะท้อนสามัญสำนึกของตัวละคร รูปแบบนำเสนอผสมหนังไซไฟหลายเรื่องเข้าด้วยกันได้อย่างกลมกลืนร่วมด้วยดนตรีประกอบเคล้าคลอไปกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น ทั้งหมดช่วยให้เราเพลิดเพลินและชื่นชอบงานนี้
หนังใช้ภารกิจเป็นตัวขับเคลื่อนเรื่องราวเดินไปข้างหน้า พร้อมตั้งคำถามต่อสิ่งมีชีวิตนอกโลก ทั้งยังให้ความสัมพันธ์ระหว่างพ่อลูกขนานไปกับเส้นทางผ่านดาวแต่ละดวงในระบบสุริยะ รอย แม็คไบรด์ (แบรด พิตต์) รับภารกิจเดินทางไปยังดาวเนปจูนเพื่อตามหาพ่อตัวเองที่หายสาปสูญไปอย่างลึกลับ ซึ่งปลายทางการเดินทางครั้งนี้ได้ให้คำตอบต่อชีวิตมนุษย์โลกและคำถามต่อสิ่งมีชีวิตนอกโลกเป็นประเด็นที่ถูกโยงเข้ากลับเส้นเรื่องได้น่าสนใจ แม้ว่าไดอะล็อกจะค่อนข้างสั่งสอนคนดูหรือเทศนาโวหารคนดู เสียดสีเทคโนโลยีอวกาศในระดับหนึ่ง
แน่นอนว่าอุปสรรคของคนดูต่อภาพยนตร์เรื่องนี้คือความเนิบช้าและบรรยากาศที่ค่อนข้างอาร์ตพอตัว ผนวกด้วยภาพที่ต้องตีความว่าหมายถึงอะไร ทำให้ภาพรวมของหนังไม่ใช่งานที่ดูง่าย แต่ถ้าใครมีความชอบภาพอวกาศหรือห้วงเวลาท่องอวกาศก็คงไม่มีปัญหาอะไรกับความเนิบช้าของหนังและคงจะชอบด้วยซ้ำเพราะความเนิบช้าทำให้เราได้โฟกัสอยู่กับภาพตรงหน้าและสังเกตอวกาศอย่างใกล้ชิดเสมือนเรากำลังเดินทางทำภารกิจไปพร้อมตัวละคร อย่างไรก็ดี พลังการแสดงของ แบรด พิตต์ นั้นลุ่มลึกสะท้อนภาวะทางจิตใจออกมาผ่านสีหน้า แววตาได้ดีมาก ซึ่งทำให้เรารู้สึกตามได้ว่าปมในใจของตัวละครตัวนี้คืออะไรและกำลังตามหาคำตอบที่ติดอยู่ในใจตลอดเวลา
ท้ายสุด Ad Astra เป็นภาพยนตร์ที่ขึ้นอยู่กับความชอบส่วนบุคคล และก่อนดูต้องเตรียมตัวเปิดใจว่าหนังไม่ได้เน้นขายฉากแอ็คชั่นไซไฟแต่เน้นไปที่เนื้อหาสาระคำถามเชิงนามธรรมและมุมมองต่อการค้นหาคำตอบในห้วงอวกาศอันไกลโพ้น ความยากลำบากต่อคำถามที่มนุษย์ต้องการค้นหาและอาจไม่พบคำตอบ สะท้อนการแสวงหาคำตอบของมนุษย์จากสิ่งที่ไม่รู้โดยใช้เทคโนโลยีจนถอนตัวไม่ขึ้นซึ่งอาจนำพามาสู่ความสูญเสียจนไปถึงหายนะและโศกนาฏกรรมในภายหลัง...
ขอให้มีความสุขกับการรับชมภาพยนตร์ครับ
ตัวอย่าง
ติดตามรีวิวภาพยนตร์ได้ที่
Page:
https://www.facebook.com/MoviesDelightClub/
Blog:
http://moviesdelightclub.blogspot.com/ 
Review: Ad Astra (James Gray, 2019) รีวิวโดย MDC
"ตั้งคำถามต่อสิ่งมีชีวิตนอกโลกและคุณค่าในการสำรวจอวกาศ" Ad Astra เป็นหนังที่ไม่เหมาะกับคนที่คาดหวังอยากเห็นงานแอ็คชั่นไซไฟอวกาศสนุก ๆ ฉากแอ็คชั่นและฉากตื่นเต้นถูกใส่มาเล็ก ๆ น้อย ๆ เป็นความประนีประนอมตัวผู้กำกับ เพราะถ้าไม่ใส่มาคนดูคงจะหลับทั้งเรื่องได้ไม่ยากเย็นอะไร ฉากตื่นเต้นในหนังจึงเป็นเพียงสิ่งกระตุ้นให้คนดูตื่นตัวเท่านั้น ความดีของหนังเรื่องนี้จึงเกิดจากงานวิชวลเอฟเฟคและฉากหลังของอวกาลที่สวยงามมาก ๆ พร้อมทั้งคำถามเชิงปรัชญาต่อสิ่งมีชีวิตนอกโลกรวมถึงการพรรณนาของตัวละครราวบทกวี และสะท้อนสามัญสำนึกของตัวละคร รูปแบบนำเสนอผสมหนังไซไฟหลายเรื่องเข้าด้วยกันได้อย่างกลมกลืนร่วมด้วยดนตรีประกอบเคล้าคลอไปกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น ทั้งหมดช่วยให้เราเพลิดเพลินและชื่นชอบงานนี้
หนังใช้ภารกิจเป็นตัวขับเคลื่อนเรื่องราวเดินไปข้างหน้า พร้อมตั้งคำถามต่อสิ่งมีชีวิตนอกโลก ทั้งยังให้ความสัมพันธ์ระหว่างพ่อลูกขนานไปกับเส้นทางผ่านดาวแต่ละดวงในระบบสุริยะ รอย แม็คไบรด์ (แบรด พิตต์) รับภารกิจเดินทางไปยังดาวเนปจูนเพื่อตามหาพ่อตัวเองที่หายสาปสูญไปอย่างลึกลับ ซึ่งปลายทางการเดินทางครั้งนี้ได้ให้คำตอบต่อชีวิตมนุษย์โลกและคำถามต่อสิ่งมีชีวิตนอกโลกเป็นประเด็นที่ถูกโยงเข้ากลับเส้นเรื่องได้น่าสนใจ แม้ว่าไดอะล็อกจะค่อนข้างสั่งสอนคนดูหรือเทศนาโวหารคนดู เสียดสีเทคโนโลยีอวกาศในระดับหนึ่ง
แน่นอนว่าอุปสรรคของคนดูต่อภาพยนตร์เรื่องนี้คือความเนิบช้าและบรรยากาศที่ค่อนข้างอาร์ตพอตัว ผนวกด้วยภาพที่ต้องตีความว่าหมายถึงอะไร ทำให้ภาพรวมของหนังไม่ใช่งานที่ดูง่าย แต่ถ้าใครมีความชอบภาพอวกาศหรือห้วงเวลาท่องอวกาศก็คงไม่มีปัญหาอะไรกับความเนิบช้าของหนังและคงจะชอบด้วยซ้ำเพราะความเนิบช้าทำให้เราได้โฟกัสอยู่กับภาพตรงหน้าและสังเกตอวกาศอย่างใกล้ชิดเสมือนเรากำลังเดินทางทำภารกิจไปพร้อมตัวละคร อย่างไรก็ดี พลังการแสดงของ แบรด พิตต์ นั้นลุ่มลึกสะท้อนภาวะทางจิตใจออกมาผ่านสีหน้า แววตาได้ดีมาก ซึ่งทำให้เรารู้สึกตามได้ว่าปมในใจของตัวละครตัวนี้คืออะไรและกำลังตามหาคำตอบที่ติดอยู่ในใจตลอดเวลา
ท้ายสุด Ad Astra เป็นภาพยนตร์ที่ขึ้นอยู่กับความชอบส่วนบุคคล และก่อนดูต้องเตรียมตัวเปิดใจว่าหนังไม่ได้เน้นขายฉากแอ็คชั่นไซไฟแต่เน้นไปที่เนื้อหาสาระคำถามเชิงนามธรรมและมุมมองต่อการค้นหาคำตอบในห้วงอวกาศอันไกลโพ้น ความยากลำบากต่อคำถามที่มนุษย์ต้องการค้นหาและอาจไม่พบคำตอบ สะท้อนการแสวงหาคำตอบของมนุษย์จากสิ่งที่ไม่รู้โดยใช้เทคโนโลยีจนถอนตัวไม่ขึ้นซึ่งอาจนำพามาสู่ความสูญเสียจนไปถึงหายนะและโศกนาฏกรรมในภายหลัง...
ขอให้มีความสุขกับการรับชมภาพยนตร์ครับ
ตัวอย่าง
ติดตามรีวิวภาพยนตร์ได้ที่
Page: https://www.facebook.com/MoviesDelightClub/
Blog: http://moviesdelightclub.blogspot.com/