เนื่องจากเป็นไฟล์ทเช้าบวกกับพวกผมมาถึงสนามบินเวลาค่อนข้างจวนตัว จึงเลือกที่จะตรงดิ่งมาที่ทางออกขึ้นเครื่องเลย โดยเที่ยวบินที่ไปโอซากาในวันนี้อยู่ที่ประตูทางออกC8 ครับ เกือบสุดทางเดินของตัวอาคารกันเลยทีเดียว โดยบริเวณ concourseC จะเป็นหลุมจอดส่วนใหญ่ของเครื่องการบินไทยนะครับ บางส่วนก็น่าจะพึ่งกลับมาจากยุโรปครับ ซึ่งกว่าผมจะเดินมาถึง gate เวลาก็ล่วงเลยไปที่ 7:37 น. แล้วครับ โดย Boarding time ที่ระบุไว้คือ 7:45 น. ถือว่ามาถึงก่อนเวลานิดเดียวจริง ๆ

       เมื่อเดินลงมาก็เจอคุณวิมลมาศสิริ ทะเบียน HS-TKO จอดรอผู้โดยสายอยู่แล้วครับ คุณวิมลมาศสิริเป็นเครื่องบิน Boeing รุ่น 777-300ER นะครับ อายุประมาณ6 ปี 1 เดือนครับ (นับจากวันที่บิน) ซึ่งถือว่าเป็นเครื่องบินรุ่นใหม่ของการบินไทยเลยครับ แต่ก็ยังไม่ใช่ใหม่ล่าสุดนะครับ เครื่องบิน Boeing รุ่น 777-300ER นี้เป็นเครื่องบินอีกหนึ่งรุ่นที่ได้รับความนิยมในอุตสาหกรรมการบินทั่วโลกเลยก็ว่าได้ครับ นอกจากนี้ยังเป็นรุ่นที่ปลอดภัยสุดๆอีกด้วย เปอร์เซ็นต์ของการเกิดอุบัติเหตุน้อยมากครับเมื่อเทียบกับเครื่องบินรุ่นอื่น ๆ

       ระหว่างรอขึ้นเครื่องก็หามุมถ่ายรูปไปพลางๆครับ เพราะกระจกที่สนามบินสุวรรณภูมิก็ขึ้นชื่อเรื่องความใสอยู่แล้ว 555 นอกจากนั้นก็สำรวจผู้โดยสารไปด้วย ส่วนใหญ่จะเป็นคนญี่ปุ่นมากกว่าคนไทยครับ ประมาณด้วยสายตาแล้วคนก็เยอะพอสมควรเลยทีเดียว พอถึงเวลา 7:54 น. ก็ประกาศเรียกขึ้นเครื่องครับ ซึ่งช้ากว่ากำหนดเวลาเล็กน้อยเท่านั้น

       ภายห้องโดยสารของเครื่องบินรุ่นนี้จะจัดเรียงที่นั่งแบบ3-3-3 ครับ โดยฝั่งซ้ายจะเป็นแถว ABC และฝั่งขวาจะเป็นแถวHJK โดยจะมีจอ Entertainment ทุกที่นั่งนะครับ

       ที่นั่งของผมในวันนี้คือ 66H ครับ อย่างที่บอกไปข้างต้นว่าทุกที่นั่งจะมีจอ Entertainment ส่วนตัวอยู่ด้านหน้าทุกที่นั่งนะครับ และในที่นั่งแถวหน้าสุดของแต่ละ Section จะเป็นแบบพับเก็บด้านข้างครับ ต้องพับเก็บระหว่างเครื่อง Takeoff และ Landing ถ้ามีโอกาสผมจะถ่ายมาให้ดูครับ

       โดยหน้าจอจะเป็นหน้าจอ Touch screen ขนาด 10.6นิ้วครับ ระบบสัมผัสนี้อาจจะแตกต่างจาก Smart phone ปัจจุบันตรงที่ต้องใช้ปลายเล็บจิกหน่อยนะครับ จะคล้าย ๆ กับการจิ้มในโทรศัพท์รุ่นที่พัฒนามาเป็นระบบสัมผัสรุ่นแรก ๆ นอกจากจะสั่งการด้วยการสัมผัสแล้วยังสามารถควบคุยโดยรีโมทที่อยู่ด้านใต้หน้าจอได้ด้วยครับ ซึ่งระบบ Entertainment ของการบินไทยมีทั้ง ภาพยนตร์ รายการทีวี เพลง เกม และข้อมูลการบินครับ ในภาพรวมภาพยนต์ค่อนข้างจะใหม่ทีเดียวครับ มีหลายประเภทให้เลือกชม ซึ่งจุดแข็งสำหรับคนไทยอย่างเรา ๆ ก็คือมีภาษาไทยให้ครับ 555

       นอกจากนี้ยังที่ช่องเสียบ USB ที่อยู่ด้านข้างให้ชาร์ตอุปกรณ์ต่าง ๆ ได้ และใต้ที่นั่งก็จะมีปลั๊กแบบ Universal port ให้ด้วยครับ สำหรับใครที่นั่งเครื่องบินรุ่นนี้ก็ลองก้มลงไปใต้เบาะดูได้นะครับ เผื่อจะได้ชาร์จอุปกรณ์ที่เราต้องการใช้

       มาดูอาหารกันบ้างดีกว่าครับ อาหารร้อนบนเที่ยวบินนี้มีให้เลือก 2 แบบ คือ ข้าวไก่คาราเกะ กับ Omelet ครับ ซึ่งเมนูที่ผมเลือกคือข้าวไก่คาราเกะนะครับ ตัวไก่ค่อนข้างแข็งและเหนียวไปหน่อย รสชาติโดยรวมถือว่าค่อนข้างดีเลยครับ อาหารร้อนการบินไทยจะเสิร์ฟพร้อมกับขนมปัง โยเกิร์ต ผลไม้สด และน้ำผลไม้รวมครับ มาเริ่มที่ครัวซองก่อนครับ ผมว่าอาหารพวกเบเกอรี่ของครัวการบินไทยทำได้ค่อนข้างดีทีเดียว ปกติผมเป็นคนไม่ชอบกินอาหารพวกขนมปัง แต่พอได้ลองชิมถือว่าอร่อย หอมเนย มีความเหนียวนุ่มดีครับ ส่วนโยเกิร์ตผมเข้าใจว่าน่าจะสลับกับพวกเค้กนะครับ เท่าที่สังเกตมื้อเช้าจะเป็นโยเกิร์ต แต่ถ้าเป็นเที่ยวบินบ่ายหรือดึกจะเสิร์ฟเป็นเค้ก รสชาติก็โยเกิร์ตรสธรรมชาติทั่วไปครับ ต่อมาเป็นผลไม้สด ก็จะมีมะละกอ แอปเปิ้ล แคนตาลูป และแก้วมังกรครับ ผลไม้ถือว่าสดมากสุดท้ายน่าจะเป็น Signature ของการบินไทยก็ว่าได้ครับ คือน้ำผลไม้รวมตราเอื้องหลวง เที่ยวบินการบินไทยในประเทศหรือไทยสมายด์ก็ไม่มีเสิร์ฟนะครับ เมื่อหลายปีก่อนอาจมีเสิร์ฟบนเที่ยวบินในประเทศของการบินไทย ทั้งบรรจุภัณฑ์และรสชาติถือว่ายังไม่เปลี่ยนแปลงอย่างเห็นได้ชัดเท่าไหร่ครับ และก็เป็นอาหารเพียงชนิดเดียวในถาดที่ผมเลือกจะไม่ชิม 555 เคยมีความหลังที่ไม่ดีเท่าไหร่กับน้ำผลไม้รวมนี้ครับ

       นอกจากจะมีอาหารที่เสิร์ฟมาในถาดแล้ว อีกจุดเด่นของการบินไทยคือเครื่องดื่มที่พนักงานต้อนรับจะเข็น Trolley มาครับ มีให้เลือกสรรหลากหลายทั้งน้ำผลไม้ น้ำอัดลม หรือจะเป็นเครื่องดื่มที่มีแอลกอฮอล์ครับ โดยเท่าที่สังเกตมาเที่ยวบินขาออกจะบริการเครื่องดื่มไม่จัดเต็มเท่าเที่ยวบินขากลับมาประเทศไทยครับ คาดว่าน่าจะเป็นข้อกำหนดหรือหลักปฏิบัติของสายการบินเค้าครับ