-1-
“I went to the woods
because I wished to live deliberately,
to front only the essential facts of life”*
ประโยคจากหนังสือที่จำชื่อไม่ได้
แปะติดอยู่หน้ากระจก
เพื่อจะได้เห็นมันทุกครั้ง
ยามสบตากับตัวเอง
-2-
เมามายในความเหงา มนุษย์ถ้ำฉาบปูนเสริมคอนกรีต
เริงระบำ ดื่มด่ำรสราตรี ร่ายกวีลึกลับในคลับบาร์
ในแสงเงา วูบไหวเรือนร่างมังสา
โยกย้ายส่ายโอน วับวับแวมแวม
เดี๋ยวใกล้ เดี๋ยวไกล เข้านอก ออกใน
ปล่อยใจล่องไปในสายน้ำจัณท์
มนต์ขลังแห่งคืนค่ำล้ำลึก
-3-
แสบร้อนในแสงแผดแดดยามเช้า
ค้างคาวสาวแห่งผืนป่ามหานคร
ค้างคืนกับชายไม่เคยคุ้น
คืนค้างในร่างเปล่าเปลือย
ถอดปีกพับเก็บใส่กระเป๋า
ลนลานอาบน้ำแต่งหน้า
ชายปริศนางัวเงียงุนงง
ไม่ทันได้ถามชื่อเธอ
-4-
ค้างคาวน้อยในขบวนหนอนยักษ์
เบียดเสียดแออัด เยียดยัดมิตรภาพ
ด้วยภาษากาย
นุ่มนิ่ม ทิ่มแทง แข็งขัน
ดุจแมลงตาบอดเชยชมเกสรงามในยามเช้า
ละอองเรณูกระจัดกระจายตามรายทาง
ไม่มีใครใส่ใจเอาความ
ออกล่าหาอาหาร สัตว์ป่าในโลกสมัยใหม่
ราชสีห์กดขี่อย่างถูกกฎหมาย
หมาป่าล่อลวงและลอบแทง
แกะน้อยอ่อนแอ แต่พร้อมเหยียบซ้ำหากล้ม
เจ้าขุนทองจับกลุ่มเฝ้าคอยนินทา
ไม่มีเพื่อน ไม่มีใคร ให้พึ่งพิง
คือกฎป่าสมัยใหม่เข้าใจกัน
-5-
แดดร่มลมตก สนธยามหานคร
ปล่อยเวลาล่วงผ่าน นั่งมองเหม่อ
ค้างคาวไร้ปีกนึกสงสัย
ชีวิตที่ดีเป็นอย่างไรไม่เคยคิด
ที่ปรากฏก็หาใช่อย่างที่ฝัน
รอให้งานหมดไปกับแสงตะวัน
เมื่อจันทร์ฉายสยายปีกออกโผบิน
อีกราตรี หลงใหลเมามายในความเหงา
ดื่มให้ลืมหมดสิ้นทุกสงสัย
ดื่มให้ลืมความเศร้าในดวงหทัย
ดื่มย้อมใจให้ชีวิตที่สูญสลาย
จะร่ายรำเข้าจังหวะกับชายใหม่
จะหลับใหลในอ้อมกอดคนแปลกหน้า
จะตื่นมาในคราบของผีเสื้อ
เพื่อกลบเกลื่อนอัปลักษณ์แห่งตัวตน
-6-
เปล่าเปลี่ยวกับฝนเช้า นครเหว่ว้าในม่านฝน
สะลึมสะลือปรือตา เรียกหาคืนค่ำที่ย่ำจาก
คลื่นเหงาเข้าจู่โจมขมใจ
สะอื้นไห้เสียน้ำตาตามลำพัง
มองไปรอบกาย
หมอนใบเก่า โลกใบเดิมที่เคยคุ้น
เหมือนม้าหมุน หมุนไปไม่สิ้นสุด
วงจรชีวิตค้างคาวสาวในเมืองใหญ่
เปล่าดาย ไร้ความหมาย
ในโถงถ้ำคอนโดมิเนียม
“ฉันมุ่งเข้าป่าเพื่อเสาะแสวงหาความจริงแห่งชีวิต”
ประโยคเก่าบนกระจกเงา
คู่เคียงใบหน้าเศร้าสะท้อนมา
ข่าวการตายแว่วมาจากโทรทัศน์
ทั้งหนุ่มสาวแก่เฒ่า ค้างคาวมหานคร
ถูกพบหลังล่วงลับหลายสัปดาห์
ทุกร่างล้วนจากไปอย่างดายเดียว
เก็บเสื้อผ้า โยนปีกใส่ลิ้นชัก
กระเป๋าหนึ่งใบกับใจเหงา
ออกเดินทางท่องไปไร้จุดหมาย
ไม่อยากอยู่อย่างเดิมจนวันตาย
สุดท้ายคงสิ้นใจเพียงลำพัง
-7-
ในป่า ไม่มีที่ให้ใครเหงา
วางกระเป๋าสูดกลิ่นดินหมาดฝน
เปาะแปะร่วงโปรยไพรแสนชื่นใจ
ยลหมู่นกสยายปีกร่อนเวหา
หยอกล้อสายลมคลุ้งกลิ่นกระอายฝน
นั่น กระรอกน้อยตัวจ้อย
เล่นกายกรรมห้อยกิ่งเขียว
อีกประเดี๋ยวคงกระโจนโผนถลา
จากกิ่งสู่กิ่ง ไม่ต้องปีนป่ายสายไฟอันตราย
ไม่มีภัยมาทำให้หวั่นกลัว
ไม่ต้องกลัวใครมาทำให้หวั่นใจ
ไม่มีความเหงาในป่าเขาลำเนาไพร
มีแต่ใจที่ชอกช้ำรอเยียวยา
*Henry David Thoreau จาก Walden หนังสือเลื่องชื่อของเขา
ไม่มีความเหงาในป่าเขาลำเนาไพร
แดดร่มลมตก สนธยามหานคร