รีวิวชีวิตการทำงาน ที่ผ่านมาในช่วงอายุ 27 ปี
เริ่มเลยนะคะ เราเริ่มทำงานตั้งแต่ อายุ 17 ปีกว่าๆ โดยตอนนั้นยังไม่ได้ทำเป็นแบบเต็มเวลา เราเริ่มทำแบบ (Part-Time) โดยทำงานอยู่ร้านเหล้า หรือร้านคาราโอเกะนั่นเอง โดยเริ่มทำงานตั้งแต่เวลา 17.30 น. เลิกงาน 01.00 น. โดยพนักงานสวยๆ จะไปเป็นพนักงานเสริฟ และเป็นสาวนั่งดริ้งกัน ส่วนเรา ทางเจ้าของร้านบอกว่าเป็นเด็ก เลยให้เราไปขายเหล้ายาดอง หรือเหล้าแบ่งขายเป็นชอตเล็กๆ ซอต 10 บาท 15 บาท ก็ว่ากันไปตามแบรนด์ และยี่ห้อ โดยตอนนั้นค่าจ้างได้วันละ 130 บาท คือแบบตอนนั้นรู้สึกว่ามีความสุขมากที่ได้ทำงาน และหาเงินเอง ถามว่าค่าจ้างแต่ละวันพอไหม ไม่พอค่ะ ที่อยู่ได้ส่วนมากจะมาจากทิปล้วนๆค่ะ (ได้จากพวกลุงแก่ๆ ซื้อซอต 1 ราคา 10 บาท ก็ให้แบงค์ 20 มา ละไม่เอาเงินทอน) ตอนนั้นทิปคืนนึง ได้ 100 - 250 ถือว่าได้เยอะมากในตอนนั้นเลยนะ ทำอยู่ประมาณ 6 เดือนก็ออก เนื่องจากได้งานใหม่
ช่วงอายุ 18 ปี เรามีพี่ที่รู้จักแกไปสอบได้เป็นพนักงานราชการแห่งหนึ่ง แถวเขตชนบท โดยห่างจากตัวเมืองมาก ทางหัวหน้าหรือเจ้านายบอกกับพี่เราว่าเป็นผู้หญิงมาอยู่คนเดียวกลัวอันตราย เลยให้ชวนใครก็ได้มาอยู่ด้วย 1 คน โดยตอนนั้นพี่เขาเลือกที่จะเอาเราไปอยู่ด้วย โดยเป็นพนักงานจ้างเหมา โดยการทำสัญญาจ้าง ปีต่อปี โดยตอนนั้น ได้เงินเดือนเดือนละ 4500 บาท โดยเข้างาน 08.00 น. - 16.00 น. งานก็เป็นงานสำนักงานทั่วไป รับ ส่งเอกสารเวียน เอกสารภายใน และจัดทำโครงการ โดยตอนนั้นเงินเดือน 4500 บาท เราสามารถที่จะซื้อของ และผ่อนจ่ายสินค้าได้แบบสบาย ไม่ได้เดือดร้อน
- พออยู่ได้ 1 ปี เงินเดือนเพิ่มขึ้นจาก 4500 บาท เป็น 5000 บาท
- พออยู่ได้อีก 1 ปี เงินเดือนเพิ่มขึ้นจาก 5000 บาท เป็น 6200 บาท
- และปีที่ 3 เงินเดือนเพื่อมขึ้นจาก 6200 บาท เป็น 7900 บาท ตอนนั้นเราคิดว่าจะเอางานนี้เป็นอาชีพ และทำไปตลอด แต่มีเหตุการณ์ไม่คาดฝันเกิดขึ้น โดยปีนี้นั้น ทางฝ่ายงบประมาณได้ตัดงบในส่วนของการจ้างพนักงานชั่วคราว ดังนั้น เราและพี่สาวเรารวมถึงพนักงานคนอื่นๆอีก 2 คน ถูกเลิกจ้างค่ะ โดยตอนนั้นเราก็แบบเคยทำงาน และคิดว่าจะยึดจุดนี้เป็นอาชีพเกิดความไคว่เขว รู้สึกแบบล่องลอย หาจุดหมายไม่เจอ ไม่รู้จะทำยังไง
โดยตอนนั้น เราที่ถูกเลิกจ้าง เราว่างงานอยู่ 3 เดือน โดยได้มีการไปสมัครที่ต่างๆ มากมาย ทั้งพนักงานต้อนรับ แม่บ้าน เสริฟ ร้านอาหาร เราไปสมัครมาทั้งหมดเลยค่ะ (โดยเรามีความรู้ในการนวดอยู่แล้ว เพราะช่วงที่ทำงานมีจัดอบรมและเข้าร่วม และได้ใบนวดมาประดับความรู้) โดยตอนนั้น ตัดสินใจว่าถ้าไม่ได้ที่ไหน ก็จะทำเกษตร เลี้ยงหมู ปลูกผัก ใช้ชีวิตแบบนี้ดีกว่า แต่แล้ว มีรีสอร์ทแห่งหนึ่ง ทักมาและให้ไปเป็น พนักงานต้อนรับและร่วมนวดให้ลูกค้า ของฝ่ายสปาของรีสอร์ทนั้นๆ
ช่วงอายุ 21 ปี เริ่มทำงาน เป็นพนักงานต้อนรับ รวมถึงร่วมนวดลูกค้า ได้เงินเดือนตายตัว เดือนละ 8500 บาท และ ได้ค่านวด ชั่วโมงละ 100 บาท โดยเข้างาน 09.00 น. - 19.00 น. โดยตอนนั้นการทำงาน ถือว่าเหนื่อยมาก ต้องตามใจเจ้านาย ต้องทำยอด ต้องทำทุกอย่างตั้งแต่รับลูกค้า ขายโปร พอถึงขั้นตอนให้บริการ ถ้าหมอนวดไม่พอเราก็ต้องลงนวดช่วยพนักงานนวด พอเสร็จแล้ว ต้องเก็บผ้า ส่งซัก และนำมาพับจัดเก็บโซนสปา และที่สำคัญที่พักกับที่ทำงานอยู่ห่างกันไปกลับ 28 โล เงินเดือนหมดไปกับค่าน้ำมันรถ แต่ยังมีใช้มีจ่ายบ้าง จนถึงตอนที่ เศรษฐกิจและกิจการของรีสอร์ทไม่เป็นไปตามเป้า เจ้าของเขาเลยเซ้งกิจการ โดยผู้ที่มาเซ้งกิจการ ตัดสินใจยกเลิกพนักเก่าทั้งหมด โดยให้เหตุผลว่าจะคัดพนักงานและจะจักอบรมใหม่ หากใครอยากทำต่อก็ให้ไปสมัครใหม่ และร่วมอบรมณ์เพื่อร่วมคัดเลือกพนักงานใหม่ เราตัดสินใจที่ไม่ทำต่อค่ะ
ช่วงอายุ 22 ปี หลังจากเราออกจากงานรีสอร์ท โดยช่วงที่อยู่รีสอร์ทเราก็ได้นวด และฝึกฝนฝีมือในการนวด และมีเจ้าของร้านนวดที่รู้จัก หรือเป็นคนบ้านเดียวกัน ชวนมาทำงานอยู่ร้านแก ประจวบกับช่วงนั้นตกงาน เลยตัดสินใจมาทำร้านแก โดยทางร้านแกจะไม่มีค่าจ้างให้ แต่ได้ค่าจ้างจากการนวดล้วนๆ โดยลูกค้าทางร้านเป็นคนเรียก และต้อนรับให้ เรามีหน้าที่นวดอย่างเดียว โดยทางร้านได้บอกว่าสามารถไปวิ่ง หรือออกไปนวดที่ร้านอื่นก็ได้ไม่ได้จำกัดว่าต้องอยู่ที่ร้านอย่างเดียว เราจึงเอาเบอร์ของเราไปวางไว้ให้ร้านนวดต่างๆ 10 กว่าร้าน โดยถ้าร้านไหนมีลูกค้า ร้านนั้นๆก็จะโทรเรียก โดยเราก็ไปตลอดถ้าว่าง โดยค่าแรงก็ได้ตามความขยัน จะได้ชั่วโมง 100 ชั่วโมง 150, 200, 350, สูงสุด 450 ตามแต่ละประเภทการนวดค่ะ (โดยร้านที่เราไปแต่ละร้านเป็นร้านที่ขออนุญาติและเปิดแบบถูกต้องตามกฏหมายนะคะ ไม่มีเรื่องอย่างว่าหรือเรื่อง 18+ ค่ะ) ลูกค้าส่วนใหญ่เป็นชาวต่างชาติ หรือนักท่องเที่ยวนั่นเอง โดยตอนนั้นช่วงที่พีคสุดๆเราเคยได้ เดือนละ 21000 บาทเลย (รวมทิปด้วย) จนตอนนั้นเพื่อนเปิดออฟฟิตใหม่ ขอให้ไปช่วยเพราะเปิดใหม่ ยังไม่มีพนักงาน เราก็เลยออกไปช่วย
ช่วงไปช่วยเพื่อนที่ออฟฟิต เราไปช่วยอยู่ประมาณ 9 - 10 เดือน โดยตอนนั้นเพื่อนเปิดออฟฟิตแนวประมาณ รับออกแบบ เขียนเว็บไซต์ และดูแลเว็บไซต์ โดยตอนนั้นที่เราไปช่วย ได้เงินเดือน 5500 บาท และได้ค่าพิเศษบ้างประปราย โดยไม่มากนัก เดือนนึงไม่เกิน 2000 บาท พอครบแล้วเราก็กลับไปนวดเหมือนเดิม
ช่วงอายุ 25 ปลายๆ จนถึง ปัจจุบัน เราได้ไปรู้จักพี่ที่รู้จักคนหนึ่ง ชวนมาทำงานต่างประเทศ โดย ทำงาน 09.00 - 21.00 น. เงินเดือน หมื่นแปด - สองหมื่น นิดๆ ขึ้นอยู่กับผลประกอบการณ์ของบริษัท ซึ่งชีวิตในการทำงานที่นี่คือ ตื่น - อาบน้ำ - ทำงาน - กลับบ้าน - อาบน้ำ - นอน วนลูปอยู่แบบนี้
สรุปนะคะ
- งานร้านเหล้า เรานิยามว่า เสียสุขภาพ และไม่ค่อยมีเงิน
- งานพนักงานราชการ เรานิยามว่า เงินพอใช้ มีเวลา ไม่ค่อยกดดัน การเลิกจ้างส่วนมากมักมีเหตุผล
- งานรีสอร์ท เรานิยามว่า มีเงิน มีเวลา แต่กดดัน และเสี่ยงต่อการเลิกจ้างง่าย
- งานนวด เรานิยามว่า มีเงิน มีเวลา (เราจะทำเวลาไหนก็ได้แล้วแต่เรา) แต่ต้องอดทน รายได้ไม่มั่นคง บางวันได้เยอะ บางวันได้น้อย บางวันไม่ได้เลย
- งานต่างประเทศที่ทำปัจจุบัน เรานิยามว่า มีเงิน แต่ไม่ค่อยมีเวลา และคิดถึงบ้านมากๆ
และนี่คือชีวิตการทำงาน และอาชีพที่เราเคยทำ ชอบไม่ชอบ หรือใครเคยทำอาชีพอะไรมาแบ่งปันกันได้ค่ะ
ประสบการณ์การทำงาน ของคนอายุ 27 ปี (กับการทำงาน 9 ปี 6 อาชีพ)
เริ่มเลยนะคะ เราเริ่มทำงานตั้งแต่ อายุ 17 ปีกว่าๆ โดยตอนนั้นยังไม่ได้ทำเป็นแบบเต็มเวลา เราเริ่มทำแบบ (Part-Time) โดยทำงานอยู่ร้านเหล้า หรือร้านคาราโอเกะนั่นเอง โดยเริ่มทำงานตั้งแต่เวลา 17.30 น. เลิกงาน 01.00 น. โดยพนักงานสวยๆ จะไปเป็นพนักงานเสริฟ และเป็นสาวนั่งดริ้งกัน ส่วนเรา ทางเจ้าของร้านบอกว่าเป็นเด็ก เลยให้เราไปขายเหล้ายาดอง หรือเหล้าแบ่งขายเป็นชอตเล็กๆ ซอต 10 บาท 15 บาท ก็ว่ากันไปตามแบรนด์ และยี่ห้อ โดยตอนนั้นค่าจ้างได้วันละ 130 บาท คือแบบตอนนั้นรู้สึกว่ามีความสุขมากที่ได้ทำงาน และหาเงินเอง ถามว่าค่าจ้างแต่ละวันพอไหม ไม่พอค่ะ ที่อยู่ได้ส่วนมากจะมาจากทิปล้วนๆค่ะ (ได้จากพวกลุงแก่ๆ ซื้อซอต 1 ราคา 10 บาท ก็ให้แบงค์ 20 มา ละไม่เอาเงินทอน) ตอนนั้นทิปคืนนึง ได้ 100 - 250 ถือว่าได้เยอะมากในตอนนั้นเลยนะ ทำอยู่ประมาณ 6 เดือนก็ออก เนื่องจากได้งานใหม่
ช่วงอายุ 18 ปี เรามีพี่ที่รู้จักแกไปสอบได้เป็นพนักงานราชการแห่งหนึ่ง แถวเขตชนบท โดยห่างจากตัวเมืองมาก ทางหัวหน้าหรือเจ้านายบอกกับพี่เราว่าเป็นผู้หญิงมาอยู่คนเดียวกลัวอันตราย เลยให้ชวนใครก็ได้มาอยู่ด้วย 1 คน โดยตอนนั้นพี่เขาเลือกที่จะเอาเราไปอยู่ด้วย โดยเป็นพนักงานจ้างเหมา โดยการทำสัญญาจ้าง ปีต่อปี โดยตอนนั้น ได้เงินเดือนเดือนละ 4500 บาท โดยเข้างาน 08.00 น. - 16.00 น. งานก็เป็นงานสำนักงานทั่วไป รับ ส่งเอกสารเวียน เอกสารภายใน และจัดทำโครงการ โดยตอนนั้นเงินเดือน 4500 บาท เราสามารถที่จะซื้อของ และผ่อนจ่ายสินค้าได้แบบสบาย ไม่ได้เดือดร้อน
- พออยู่ได้ 1 ปี เงินเดือนเพิ่มขึ้นจาก 4500 บาท เป็น 5000 บาท
- พออยู่ได้อีก 1 ปี เงินเดือนเพิ่มขึ้นจาก 5000 บาท เป็น 6200 บาท
- และปีที่ 3 เงินเดือนเพื่อมขึ้นจาก 6200 บาท เป็น 7900 บาท ตอนนั้นเราคิดว่าจะเอางานนี้เป็นอาชีพ และทำไปตลอด แต่มีเหตุการณ์ไม่คาดฝันเกิดขึ้น โดยปีนี้นั้น ทางฝ่ายงบประมาณได้ตัดงบในส่วนของการจ้างพนักงานชั่วคราว ดังนั้น เราและพี่สาวเรารวมถึงพนักงานคนอื่นๆอีก 2 คน ถูกเลิกจ้างค่ะ โดยตอนนั้นเราก็แบบเคยทำงาน และคิดว่าจะยึดจุดนี้เป็นอาชีพเกิดความไคว่เขว รู้สึกแบบล่องลอย หาจุดหมายไม่เจอ ไม่รู้จะทำยังไง
โดยตอนนั้น เราที่ถูกเลิกจ้าง เราว่างงานอยู่ 3 เดือน โดยได้มีการไปสมัครที่ต่างๆ มากมาย ทั้งพนักงานต้อนรับ แม่บ้าน เสริฟ ร้านอาหาร เราไปสมัครมาทั้งหมดเลยค่ะ (โดยเรามีความรู้ในการนวดอยู่แล้ว เพราะช่วงที่ทำงานมีจัดอบรมและเข้าร่วม และได้ใบนวดมาประดับความรู้) โดยตอนนั้น ตัดสินใจว่าถ้าไม่ได้ที่ไหน ก็จะทำเกษตร เลี้ยงหมู ปลูกผัก ใช้ชีวิตแบบนี้ดีกว่า แต่แล้ว มีรีสอร์ทแห่งหนึ่ง ทักมาและให้ไปเป็น พนักงานต้อนรับและร่วมนวดให้ลูกค้า ของฝ่ายสปาของรีสอร์ทนั้นๆ
ช่วงอายุ 21 ปี เริ่มทำงาน เป็นพนักงานต้อนรับ รวมถึงร่วมนวดลูกค้า ได้เงินเดือนตายตัว เดือนละ 8500 บาท และ ได้ค่านวด ชั่วโมงละ 100 บาท โดยเข้างาน 09.00 น. - 19.00 น. โดยตอนนั้นการทำงาน ถือว่าเหนื่อยมาก ต้องตามใจเจ้านาย ต้องทำยอด ต้องทำทุกอย่างตั้งแต่รับลูกค้า ขายโปร พอถึงขั้นตอนให้บริการ ถ้าหมอนวดไม่พอเราก็ต้องลงนวดช่วยพนักงานนวด พอเสร็จแล้ว ต้องเก็บผ้า ส่งซัก และนำมาพับจัดเก็บโซนสปา และที่สำคัญที่พักกับที่ทำงานอยู่ห่างกันไปกลับ 28 โล เงินเดือนหมดไปกับค่าน้ำมันรถ แต่ยังมีใช้มีจ่ายบ้าง จนถึงตอนที่ เศรษฐกิจและกิจการของรีสอร์ทไม่เป็นไปตามเป้า เจ้าของเขาเลยเซ้งกิจการ โดยผู้ที่มาเซ้งกิจการ ตัดสินใจยกเลิกพนักเก่าทั้งหมด โดยให้เหตุผลว่าจะคัดพนักงานและจะจักอบรมใหม่ หากใครอยากทำต่อก็ให้ไปสมัครใหม่ และร่วมอบรมณ์เพื่อร่วมคัดเลือกพนักงานใหม่ เราตัดสินใจที่ไม่ทำต่อค่ะ
ช่วงอายุ 22 ปี หลังจากเราออกจากงานรีสอร์ท โดยช่วงที่อยู่รีสอร์ทเราก็ได้นวด และฝึกฝนฝีมือในการนวด และมีเจ้าของร้านนวดที่รู้จัก หรือเป็นคนบ้านเดียวกัน ชวนมาทำงานอยู่ร้านแก ประจวบกับช่วงนั้นตกงาน เลยตัดสินใจมาทำร้านแก โดยทางร้านแกจะไม่มีค่าจ้างให้ แต่ได้ค่าจ้างจากการนวดล้วนๆ โดยลูกค้าทางร้านเป็นคนเรียก และต้อนรับให้ เรามีหน้าที่นวดอย่างเดียว โดยทางร้านได้บอกว่าสามารถไปวิ่ง หรือออกไปนวดที่ร้านอื่นก็ได้ไม่ได้จำกัดว่าต้องอยู่ที่ร้านอย่างเดียว เราจึงเอาเบอร์ของเราไปวางไว้ให้ร้านนวดต่างๆ 10 กว่าร้าน โดยถ้าร้านไหนมีลูกค้า ร้านนั้นๆก็จะโทรเรียก โดยเราก็ไปตลอดถ้าว่าง โดยค่าแรงก็ได้ตามความขยัน จะได้ชั่วโมง 100 ชั่วโมง 150, 200, 350, สูงสุด 450 ตามแต่ละประเภทการนวดค่ะ (โดยร้านที่เราไปแต่ละร้านเป็นร้านที่ขออนุญาติและเปิดแบบถูกต้องตามกฏหมายนะคะ ไม่มีเรื่องอย่างว่าหรือเรื่อง 18+ ค่ะ) ลูกค้าส่วนใหญ่เป็นชาวต่างชาติ หรือนักท่องเที่ยวนั่นเอง โดยตอนนั้นช่วงที่พีคสุดๆเราเคยได้ เดือนละ 21000 บาทเลย (รวมทิปด้วย) จนตอนนั้นเพื่อนเปิดออฟฟิตใหม่ ขอให้ไปช่วยเพราะเปิดใหม่ ยังไม่มีพนักงาน เราก็เลยออกไปช่วย
ช่วงไปช่วยเพื่อนที่ออฟฟิต เราไปช่วยอยู่ประมาณ 9 - 10 เดือน โดยตอนนั้นเพื่อนเปิดออฟฟิตแนวประมาณ รับออกแบบ เขียนเว็บไซต์ และดูแลเว็บไซต์ โดยตอนนั้นที่เราไปช่วย ได้เงินเดือน 5500 บาท และได้ค่าพิเศษบ้างประปราย โดยไม่มากนัก เดือนนึงไม่เกิน 2000 บาท พอครบแล้วเราก็กลับไปนวดเหมือนเดิม
ช่วงอายุ 25 ปลายๆ จนถึง ปัจจุบัน เราได้ไปรู้จักพี่ที่รู้จักคนหนึ่ง ชวนมาทำงานต่างประเทศ โดย ทำงาน 09.00 - 21.00 น. เงินเดือน หมื่นแปด - สองหมื่น นิดๆ ขึ้นอยู่กับผลประกอบการณ์ของบริษัท ซึ่งชีวิตในการทำงานที่นี่คือ ตื่น - อาบน้ำ - ทำงาน - กลับบ้าน - อาบน้ำ - นอน วนลูปอยู่แบบนี้
สรุปนะคะ
- งานร้านเหล้า เรานิยามว่า เสียสุขภาพ และไม่ค่อยมีเงิน
- งานพนักงานราชการ เรานิยามว่า เงินพอใช้ มีเวลา ไม่ค่อยกดดัน การเลิกจ้างส่วนมากมักมีเหตุผล
- งานรีสอร์ท เรานิยามว่า มีเงิน มีเวลา แต่กดดัน และเสี่ยงต่อการเลิกจ้างง่าย
- งานนวด เรานิยามว่า มีเงิน มีเวลา (เราจะทำเวลาไหนก็ได้แล้วแต่เรา) แต่ต้องอดทน รายได้ไม่มั่นคง บางวันได้เยอะ บางวันได้น้อย บางวันไม่ได้เลย
- งานต่างประเทศที่ทำปัจจุบัน เรานิยามว่า มีเงิน แต่ไม่ค่อยมีเวลา และคิดถึงบ้านมากๆ
และนี่คือชีวิตการทำงาน และอาชีพที่เราเคยทำ ชอบไม่ชอบ หรือใครเคยทำอาชีพอะไรมาแบ่งปันกันได้ค่ะ