หลายคนอาจจะไม่คุ้นเคยกับคำๆนี้ Victim mentality คือภาวะหรืออุปนิสัยที่มักคิดว่าตนเอง หรือกลุ่มของตนเองเป็นเหยื่อของเหตุการณ์ต่างๆ อย่างมากเกินไปจนเกินเลยเหตุผล โดย victim mentality จะต่างจากการตกเป็นเหยื่อเคราะห์ร้าย (victim) จริงๆ ตรงที่ว่า ผู้คิดจะรู้สึกว่าตนเองเป็นเหยื่อจากสิ่งกระตุ้นที่คนธรรมดาไม่ได้มองว่าเป็นการโจมตีอีกฝั่งเลย และความคิดว่าตัวเองเป็นเหยื่อเคราะห์ร้ายนี้ไม่สามารถอธิบายอย่างสมเหตุสมผลเลยแม้แต่น้อย
ซึ่งจากการศึกษาวัยรุ่นและกลุ่มหัวรุนแรงที่สนับสนุนกลุ่มแบ่งแยกดินแดนในสามจังหวัดชายแดนภาคใต้ เราได้พบลักษณะของ victim mentality จำนวนมาก และภาวะคิดว่าตนเองเป็นเหยื่ออย่างมากเกินไปนี้ ก็เป็นปัจจัยที่สุมไฟและความแค้นต่อฝั่งตรงข้ามของกลุ่มคนพวกนี้ได้อย่างดี และหลายคนก็ใช้ความรู้สึกเป็นเหยื่อที่มากเกินไปเหล่านี้มาให้ความเป็นธรรมกับการฆ่าคนบริสุทธิ์จำนวนมาก
(#ยอมรับว่ากลุ่มคนที่สนับสนุนกลุ่มแบ่งแยกดินแดนที่มีแนวคิดสันติ และพอมีเหตุผลก็มี แต่กลุ่มที่มีความคิดแบบ victim mentality นั้นมีมากกว่ามาก#)
โดยที่อย่างที่ผมได้ศึกษา เช่น
- คิดว่าคำว่าแขกมลายูเป็นคำเหยียดหยาม โดยให้เหตุผลว่า “แขก” ในความคิดของพวกเขาแปลว่า ผู้ถูกรับเชิญ เป็นการเหยียดหยามคนมาลายูว่าไม่ใช่เจ้าของแผ่นดิน
- การมีชื่อแบบไทยๆในพื้นที่ เป็นการดูหมิ่นเหยียดหยามคนมาลายู เพราะดินแดนนั้นเป็นของคนฟาตอนี ต้องเป็นภาษายาวีทั้งหมด
- การเรียกโจรใต้ว่าฆ่าคนตาย เป็นการดูหมิ่น เหยียดหยาม ใส่ร้าย ดูถูก คนมาลายู เพราะที่ถูกต้องคือต้องบอกว่าโจรใต้ “สู้และสังหารศัตรู” เพื่อปลดแอกเอกราชให้ปัตตานีต่างหาก
- การเรียกโจรใต้ว่า “โจรใต้” เป็นคำดูหมิ่น เหยียดหยาม ดูถูกคนฟาตอนี เพราะพวกเขาเชื่อว่า คำว่า “โจรใต้” เป็นคำที่คนสยามฟังเพี้ยนมาจากมาจากคำภาษาอังกฤษว่า “guerilla” ที่มีความหมายว่า “การต่อสู้ของคนกลุ่มน้อยต่อคนกลุ่มมาก” ต่างหาก
- คิดว่าครูจูหลิง ชาวบ้านพุทธ และคนพุทธทุกคนที่เสียชีวิตในสามจังหวัดชายแดนภาคใต้ เป็นพวกของรัฐ อย่างบางคนที่คิดว่า “ครูจูหลิงเป็นนักวาดรูปที่ชอบให้เด็กวาดรูปปืนและความรุนแรง” และสมควรตายทั้งหมด ใครที่ไม่เห็นด้วยคือสนับสนุนการดูถูก เหยียดหยาม ทำร้าย คนฟาตอนี
- การเรียกพวกเขาว่า “ผู้แบ่งแยกดินแดน” เป็นคำเหยียดหยาม ดูหมิ่น ดูถูกพวกเขา ต้องให้เรียกว่า “ผู้ปลดแอกชาติฟาตอนีจากรัฐสยามที่กดขี่” ถึงจะถูก
- และสุดท้าย ถ้าพวกเขาแยกดินแดนแล้ว พวกเขาจะปกครองพื้นที่ด้วยกฎอิสลามที่บิดเบือน เป็นเผด็จการโดยสมบูรณ์แบบในสายตาของคนที่เห็นต่างและคนต่างศาสนา ใครที่เห็นต่างถือว่าสนับสนุนรัฐไทย สนับสนุนการทำร้ายคนมาลายูต้องถูกกำจัด ถูกขับไล่ให้หมดสิ้น
ที่สำคัญคือ ไม่ใช่ว่าแค่มีความคิดข้อใดข้อหนึ่งข้างบนจะทำให้คุณเป็น victim mentality เลย พวกคุณสามารถคิดตามความคิดเหล่านี้ได้ แต่มันจะเริ่มเป็น victim mentality เมื่อพวกคุณนำความคิดเหล่านี้ มาให้ความเป็นธรรมกับการฆ่า สังหาร หรือทำร้ายผู้คนบริสุทธิ์ต่างหาก
สุดท้ายแล้วผมก็ขออย่าให้แนวคิดแบบนี้มันเกิดขึ้นกับการเมืองไทยเลย เพราะ victim mentality ไม่ใช่บ่อเกิดของการดูถูกหรือรู้สึกว่าตนเองด้อยค่า มันคือบ่อเกิดของความรุนแรงที่บ้าคลั่งและป่าเถื่อนต่างหาก เพราะเมื่อมนุษย์รู้สึกว่าตนเองตกเป็นเหยื่อมากพอและหลุดจากหลักเหตุและผล ความรุนแรงที่เกิดขึ้นในตัวจะไม่มีสิ่งใดสามารถหยุดยั้งมันได้
Victim mentality ภาวะจิตใจกล่อมตัวเองว่าเป็นเหยื่อ กับ ความรุนแรงในสามจังหวัดชายแดนภาคใต้
ซึ่งจากการศึกษาวัยรุ่นและกลุ่มหัวรุนแรงที่สนับสนุนกลุ่มแบ่งแยกดินแดนในสามจังหวัดชายแดนภาคใต้ เราได้พบลักษณะของ victim mentality จำนวนมาก และภาวะคิดว่าตนเองเป็นเหยื่ออย่างมากเกินไปนี้ ก็เป็นปัจจัยที่สุมไฟและความแค้นต่อฝั่งตรงข้ามของกลุ่มคนพวกนี้ได้อย่างดี และหลายคนก็ใช้ความรู้สึกเป็นเหยื่อที่มากเกินไปเหล่านี้มาให้ความเป็นธรรมกับการฆ่าคนบริสุทธิ์จำนวนมาก
(#ยอมรับว่ากลุ่มคนที่สนับสนุนกลุ่มแบ่งแยกดินแดนที่มีแนวคิดสันติ และพอมีเหตุผลก็มี แต่กลุ่มที่มีความคิดแบบ victim mentality นั้นมีมากกว่ามาก#)
โดยที่อย่างที่ผมได้ศึกษา เช่น
- คิดว่าคำว่าแขกมลายูเป็นคำเหยียดหยาม โดยให้เหตุผลว่า “แขก” ในความคิดของพวกเขาแปลว่า ผู้ถูกรับเชิญ เป็นการเหยียดหยามคนมาลายูว่าไม่ใช่เจ้าของแผ่นดิน
- การมีชื่อแบบไทยๆในพื้นที่ เป็นการดูหมิ่นเหยียดหยามคนมาลายู เพราะดินแดนนั้นเป็นของคนฟาตอนี ต้องเป็นภาษายาวีทั้งหมด
- การเรียกโจรใต้ว่าฆ่าคนตาย เป็นการดูหมิ่น เหยียดหยาม ใส่ร้าย ดูถูก คนมาลายู เพราะที่ถูกต้องคือต้องบอกว่าโจรใต้ “สู้และสังหารศัตรู” เพื่อปลดแอกเอกราชให้ปัตตานีต่างหาก
- การเรียกโจรใต้ว่า “โจรใต้” เป็นคำดูหมิ่น เหยียดหยาม ดูถูกคนฟาตอนี เพราะพวกเขาเชื่อว่า คำว่า “โจรใต้” เป็นคำที่คนสยามฟังเพี้ยนมาจากมาจากคำภาษาอังกฤษว่า “guerilla” ที่มีความหมายว่า “การต่อสู้ของคนกลุ่มน้อยต่อคนกลุ่มมาก” ต่างหาก
- คิดว่าครูจูหลิง ชาวบ้านพุทธ และคนพุทธทุกคนที่เสียชีวิตในสามจังหวัดชายแดนภาคใต้ เป็นพวกของรัฐ อย่างบางคนที่คิดว่า “ครูจูหลิงเป็นนักวาดรูปที่ชอบให้เด็กวาดรูปปืนและความรุนแรง” และสมควรตายทั้งหมด ใครที่ไม่เห็นด้วยคือสนับสนุนการดูถูก เหยียดหยาม ทำร้าย คนฟาตอนี
- การเรียกพวกเขาว่า “ผู้แบ่งแยกดินแดน” เป็นคำเหยียดหยาม ดูหมิ่น ดูถูกพวกเขา ต้องให้เรียกว่า “ผู้ปลดแอกชาติฟาตอนีจากรัฐสยามที่กดขี่” ถึงจะถูก
- และสุดท้าย ถ้าพวกเขาแยกดินแดนแล้ว พวกเขาจะปกครองพื้นที่ด้วยกฎอิสลามที่บิดเบือน เป็นเผด็จการโดยสมบูรณ์แบบในสายตาของคนที่เห็นต่างและคนต่างศาสนา ใครที่เห็นต่างถือว่าสนับสนุนรัฐไทย สนับสนุนการทำร้ายคนมาลายูต้องถูกกำจัด ถูกขับไล่ให้หมดสิ้น
ที่สำคัญคือ ไม่ใช่ว่าแค่มีความคิดข้อใดข้อหนึ่งข้างบนจะทำให้คุณเป็น victim mentality เลย พวกคุณสามารถคิดตามความคิดเหล่านี้ได้ แต่มันจะเริ่มเป็น victim mentality เมื่อพวกคุณนำความคิดเหล่านี้ มาให้ความเป็นธรรมกับการฆ่า สังหาร หรือทำร้ายผู้คนบริสุทธิ์ต่างหาก
สุดท้ายแล้วผมก็ขออย่าให้แนวคิดแบบนี้มันเกิดขึ้นกับการเมืองไทยเลย เพราะ victim mentality ไม่ใช่บ่อเกิดของการดูถูกหรือรู้สึกว่าตนเองด้อยค่า มันคือบ่อเกิดของความรุนแรงที่บ้าคลั่งและป่าเถื่อนต่างหาก เพราะเมื่อมนุษย์รู้สึกว่าตนเองตกเป็นเหยื่อมากพอและหลุดจากหลักเหตุและผล ความรุนแรงที่เกิดขึ้นในตัวจะไม่มีสิ่งใดสามารถหยุดยั้งมันได้