ก่อนมีลูก VS หลังมีลูก
ของแต่ละคนเป็นไงบ้างคะ
ของเราเป็นแบบนี้ค่ะ
อาจจะมีบ่นบ้างอะไรบ้าง แต่ก็อยากแชร์
สนับสนุนให้ทุกคนมีลูกเมื่อพร้อมค่ะ
จากชีวิตเราที่เคยมีแต่ความสุขสบาย
อยากกินอะไร กิน
อยากทำอะไร ทำ
อยากไปเที่ยวไหน ไป
เงินที่หามาได้ มีกิน มีเที่ยว มีเก็บ มีให้พ่อแม่ทุกเดือน ก็พอแล้ว
ตัดภาพมาตอนนี้
1. เวลา : พอมีลูก เวลาทั้งหมดตอนนี้ทุ่มให้เค้า
(ลาออกจากงาน มาเลี้ยงลูก 6 เดือน)
และด้วยความที่ออกจากงานมาเลี้ยงลูก
เลยเป็นคุณแม่มือใหม่ ที่เลี้ยงลูกเองคนเดียว 90%
ส่วนสามีจะมาช่วยเลี้ยงหลังเลิกงาน และวันหยุด
ทำให้ตอนนี้แค่เลี้ยงลูก กับทำงานบ้าน ก็หมดวัน
2. เที่ยว : โปรเจค "ปีละประเทศ" ของเรากับสามี
ต้องยกเลิกไป อาจจะต้องเปลี่ยนเป็นปีเว้นปีแทน
แต่ล่าสุดก็ได้พาลูกในท้องไปเที่ยวต่างประเทศก็ดีใจมากแล้ว แค่ต้องระวังสุขภาพมากหน่อย โลดโผนไม่ได้
(สำหรับเรา เงินสำรองเป็นเรื่องใหญ่ ถ้าต้องเอาเงินสำรองไปเที่ยวเราคงไม่ทำ)
3. เงิน : สภาพคล่องทางการเงินเป็นสิ่งสำคัญ
เมื่อก่อน เราจะแบ่งเงินเป็น 3 ก้อนใหญ่ๆ คือ เงินไว้ใช้จ่ายประจำเดือนรวมถึงให้พ่อแม่ เงินไว้เที่ยว
และเงินเก็บไว้ใช้ยามฉุกเฉิน
แต่พอมีลูก ค่าใช้จ่ายก็มากขึ้นเป็นเท่าตัว
เงินเก็บต้องแบ่งไว้เป็นการศึกษาให้ลูก
และที่อยากจะบอกคือค่าเบี้ยประกันสุขภาพเด็กเล็กแพงมาก
แต่เชื่อเถอะว่าค่ารักษาพยาบาลแพงกว่า
แปลว่า เงินเก็บส่วนที่ไว้ไปเที่ยวต่างประเทศของเราจะหายไปเยอะมาก
ได้แต่หวังว่าจะมีโชคมีลาภ จากฉลากออมสินก้อนใหญ่ๆบ้าง
4. น้ำหนัก หุ่น : เราเป็นคนอวบค่ะ ตอนท้องสามีก็บำรุงอย่างหนัก ขึ้นมาเกือบ 20 โล (ลูกคลอดออกมา 3.87 kg.)
ตอนนี้หลังคลอดได้ 2 เดือน พึ่งเอาน้ำหนักออกไปได้ 14 kg.
แต่พุ่งยังย้วย แขน ขา ตัว ยังใหญ่
ปล.เราเริ่มอ้วนตั้งแต่หลังแต่งงาน
จนบางทีสามียังแซวว่า อยากเอาภรรยาตัวเล็กๆกลับมา T.T
ก็มโนว่าจะลดได้จากการเลี้ยงลูกและทำงานบ้าน
5. ทานอาหารนอกบ้าน : ปกติเรากับแฟนจะชอบสรรหาร้านบุฟเฟ่ต์ไปลองชิม ไม่ว่าจะชาบู ปิ้งย่าง ขนมหวาน
ตอนนี้คิดถึงบุฟเฟ่ต์มาก ก็ได้แต่รอเวลา
เพราะตัดสินใจแล้วว่า ช่วง 6 เดือนแรก
จะไม่พาลูกเข้าห้างสรรพสินค้า
จะฝากคนอื่นแล้วออกไปลั๊ลลา ก็ไม่ใช่เรื่อง
(ไม่ใช่ไม่มีญาตินะคะ แต่ทุกคนมีหน้าที่ มีงานของตัวเอง
แม่ของ จขกท. ก็ยังไม่ยอมเลิกทำงาน
เลยต้องพึ่งตัวเองไปก่อนค่ะ)
6.ความสุข : ความสุขของเรากับแฟนคือการได้ไปเที่ยวเปิดหูเปิดตา
ไปกินของอร่อย ไปดูหนัง นั่งเชียร์บอล
และเราเป็นคนรักสัตว์มากๆ โดยเฉพาะหมา
เมื่อก่อนที่จะมีลูก เคยเลี้ยงหมา และรักมาก หลงมาก
เป็นทาสหมาขนานแท้
แถมยังเคยคิดว่า...
ถ้ามีลูกก็อาจจะรักหมามากกว่าลูกก็ได้ 555
แต่...พอมีลูกของตัวเองเข้าจริงๆ ถึงได้รู้ว่า
เรารักลูกมากที่สุดจริงๆค่ะ
รักตั้งแต่ครั้งแรกที่รู้ว่าเค้ามาอยู่ในท้อง
วันที่อัลตร้าซาวแล้วเห็นตัวเค้าที่ยังไม่มีแขนขา
ได้ฟังเสียงหัวใจเค้าเต้น ก็น้ำตาคลอ
ยิ่งตอนคลอด ได้เห็นหน้าเค้าครั้งแรกนี่น้ำตาไหลเลย
แล้วพอเค้าออกมาก็เลี้ยงเค้าเอง อยู่กับเค้า 24 ชม.
ได้เห็นพัฒนาการ ได้ดูแล ได้คุยกับเค้า
***ทุกวันนี้ แค่เค้ายิ้มให้ เราก็มีความสุขที่สุดแล้ว
เพราะสำหรับเรา ลูกคือ "ของขวัญจากพระเจ้า"***
ก่อนมีลูก VS หลังมีลูก
ของแต่ละคนเป็นไงบ้างคะ
ของเราเป็นแบบนี้ค่ะ
อาจจะมีบ่นบ้างอะไรบ้าง แต่ก็อยากแชร์
สนับสนุนให้ทุกคนมีลูกเมื่อพร้อมค่ะ
จากชีวิตเราที่เคยมีแต่ความสุขสบาย
อยากกินอะไร กิน
อยากทำอะไร ทำ
อยากไปเที่ยวไหน ไป
เงินที่หามาได้ มีกิน มีเที่ยว มีเก็บ มีให้พ่อแม่ทุกเดือน ก็พอแล้ว
ตัดภาพมาตอนนี้
1. เวลา : พอมีลูก เวลาทั้งหมดตอนนี้ทุ่มให้เค้า
(ลาออกจากงาน มาเลี้ยงลูก 6 เดือน)
และด้วยความที่ออกจากงานมาเลี้ยงลูก
เลยเป็นคุณแม่มือใหม่ ที่เลี้ยงลูกเองคนเดียว 90%
ส่วนสามีจะมาช่วยเลี้ยงหลังเลิกงาน และวันหยุด
ทำให้ตอนนี้แค่เลี้ยงลูก กับทำงานบ้าน ก็หมดวัน
2. เที่ยว : โปรเจค "ปีละประเทศ" ของเรากับสามี
ต้องยกเลิกไป อาจจะต้องเปลี่ยนเป็นปีเว้นปีแทน
แต่ล่าสุดก็ได้พาลูกในท้องไปเที่ยวต่างประเทศก็ดีใจมากแล้ว แค่ต้องระวังสุขภาพมากหน่อย โลดโผนไม่ได้
(สำหรับเรา เงินสำรองเป็นเรื่องใหญ่ ถ้าต้องเอาเงินสำรองไปเที่ยวเราคงไม่ทำ)
3. เงิน : สภาพคล่องทางการเงินเป็นสิ่งสำคัญ
เมื่อก่อน เราจะแบ่งเงินเป็น 3 ก้อนใหญ่ๆ คือ เงินไว้ใช้จ่ายประจำเดือนรวมถึงให้พ่อแม่ เงินไว้เที่ยว
และเงินเก็บไว้ใช้ยามฉุกเฉิน
แต่พอมีลูก ค่าใช้จ่ายก็มากขึ้นเป็นเท่าตัว
เงินเก็บต้องแบ่งไว้เป็นการศึกษาให้ลูก
และที่อยากจะบอกคือค่าเบี้ยประกันสุขภาพเด็กเล็กแพงมาก
แต่เชื่อเถอะว่าค่ารักษาพยาบาลแพงกว่า
แปลว่า เงินเก็บส่วนที่ไว้ไปเที่ยวต่างประเทศของเราจะหายไปเยอะมาก
ได้แต่หวังว่าจะมีโชคมีลาภ จากฉลากออมสินก้อนใหญ่ๆบ้าง
4. น้ำหนัก หุ่น : เราเป็นคนอวบค่ะ ตอนท้องสามีก็บำรุงอย่างหนัก ขึ้นมาเกือบ 20 โล (ลูกคลอดออกมา 3.87 kg.)
ตอนนี้หลังคลอดได้ 2 เดือน พึ่งเอาน้ำหนักออกไปได้ 14 kg.
แต่พุ่งยังย้วย แขน ขา ตัว ยังใหญ่
ปล.เราเริ่มอ้วนตั้งแต่หลังแต่งงาน
จนบางทีสามียังแซวว่า อยากเอาภรรยาตัวเล็กๆกลับมา T.T
ก็มโนว่าจะลดได้จากการเลี้ยงลูกและทำงานบ้าน
5. ทานอาหารนอกบ้าน : ปกติเรากับแฟนจะชอบสรรหาร้านบุฟเฟ่ต์ไปลองชิม ไม่ว่าจะชาบู ปิ้งย่าง ขนมหวาน
ตอนนี้คิดถึงบุฟเฟ่ต์มาก ก็ได้แต่รอเวลา
เพราะตัดสินใจแล้วว่า ช่วง 6 เดือนแรก
จะไม่พาลูกเข้าห้างสรรพสินค้า
จะฝากคนอื่นแล้วออกไปลั๊ลลา ก็ไม่ใช่เรื่อง
(ไม่ใช่ไม่มีญาตินะคะ แต่ทุกคนมีหน้าที่ มีงานของตัวเอง
แม่ของ จขกท. ก็ยังไม่ยอมเลิกทำงาน
เลยต้องพึ่งตัวเองไปก่อนค่ะ)
6.ความสุข : ความสุขของเรากับแฟนคือการได้ไปเที่ยวเปิดหูเปิดตา
ไปกินของอร่อย ไปดูหนัง นั่งเชียร์บอล
และเราเป็นคนรักสัตว์มากๆ โดยเฉพาะหมา
เมื่อก่อนที่จะมีลูก เคยเลี้ยงหมา และรักมาก หลงมาก
เป็นทาสหมาขนานแท้
แถมยังเคยคิดว่า...
ถ้ามีลูกก็อาจจะรักหมามากกว่าลูกก็ได้ 555
แต่...พอมีลูกของตัวเองเข้าจริงๆ ถึงได้รู้ว่า
เรารักลูกมากที่สุดจริงๆค่ะ
รักตั้งแต่ครั้งแรกที่รู้ว่าเค้ามาอยู่ในท้อง
วันที่อัลตร้าซาวแล้วเห็นตัวเค้าที่ยังไม่มีแขนขา
ได้ฟังเสียงหัวใจเค้าเต้น ก็น้ำตาคลอ
ยิ่งตอนคลอด ได้เห็นหน้าเค้าครั้งแรกนี่น้ำตาไหลเลย
แล้วพอเค้าออกมาก็เลี้ยงเค้าเอง อยู่กับเค้า 24 ชม.
ได้เห็นพัฒนาการ ได้ดูแล ได้คุยกับเค้า
***ทุกวันนี้ แค่เค้ายิ้มให้ เราก็มีความสุขที่สุดแล้ว
เพราะสำหรับเรา ลูกคือ "ของขวัญจากพระเจ้า"***