คำตอบที่ได้รับเลือกจากเจ้าของกระทู้
ความคิดเห็นที่ 18
เอาเงินเก็บแม่ไปคืนแม่ หนี้สร้างเองก็ต้องใช้เอง แม่ไม่เกี่ยว
ส่วนบ้านขายเองได้ราคาดีกว่าแล้วจะยอมให้โดนขายทอดตลาดทำไม
ส่วนบ้านขายเองได้ราคาดีกว่าแล้วจะยอมให้โดนขายทอดตลาดทำไม
แมวฉันชื่อลิซ่า ถูกใจ, สมาชิกหมายเลข 1141760 ถูกใจ, สมาชิกหมายเลข 3569462 ถูกใจ, เจ้าชายแตงโม ถูกใจ, สมาชิกหมายเลข 1246697 ถูกใจ, chacharn ถูกใจ, สมาชิกหมายเลข 1897087 ถูกใจ, moopeepink ถูกใจ, สมาชิกหมายเลข 1654560 ถูกใจ, yoonnoi ถูกใจรวมถึงอีก 1 คน ร่วมแสดงความรู้สึก
สุดยอดความคิดเห็น
ความคิดเห็นที่ 2
แนะนำเลือกข้อ 3 ค่ะ
ตัดใจขายบ้านตอนที่มันยังขายออก และได้ราคากว่ากรมบังคับคดี กรณีรีบ. คุณอาจจะให้นายหน้าช่วยขายให้ได้ราคาเท่าที่ซื้อมา หรือจะขาดทุนนิดหน่อยก็แล้วแต่ บอกว่าร้อนเงิน ขายถูก บางทีก็ขายได้ไวขึ้น ยอมจ่ายค่านายหน้า3%
ส่วนหนี้ แต่ละเจ้าอยู่ในระบบทั้งนั้น น่าจะเจรจาลดหนี้ได้ แต่อย่าลืมว่า ธนาคารก็ทำธุรกิจ แสวงหาผลกำไรค่ะไม่ได้ทำการกุศล เค้าไม่ได้ดีลง่าย
ได้เงินไปปิดหนี้ ได้เงินไปหมุนเวียนธุรกิจและตั้งตัวใหม่ แล้วค่อยกลับมาซื้อบ้านเงินสด หรือสร้างประวัติใหม่ดีๆ ก็ยื่นกู้ได้ค่ะ (เก็บเงินดาวน์สูงๆไว้)
ระหว่างนั้นก็เช่าอยู่ไปก่อนก็ได้ ถ้าเรามีความสามารถในการหาเงิน ล้มแล้วลุกเป็น เก็บความผิดพลาดเป็นประสบการณ์ อนาคตจะมีบ้านหลายหลังก็ยังได้ค่ะ
ตัดใจขายทรัพย์สินตอนที่มันยังทำเงินอยู่ดีกว่า เพราะถ้าโดนบังคับยึด คุณก็ไม่ได้อยู่บ้านหลังนี้เหมือนกัน 🤔 มีหนี้ต้องใช้ แต่สิ่งสำคัญคือพยายามรักษาเครดิตให้ดีด้วยนะคะ
ตัดใจขายบ้านตอนที่มันยังขายออก และได้ราคากว่ากรมบังคับคดี กรณีรีบ. คุณอาจจะให้นายหน้าช่วยขายให้ได้ราคาเท่าที่ซื้อมา หรือจะขาดทุนนิดหน่อยก็แล้วแต่ บอกว่าร้อนเงิน ขายถูก บางทีก็ขายได้ไวขึ้น ยอมจ่ายค่านายหน้า3%
ส่วนหนี้ แต่ละเจ้าอยู่ในระบบทั้งนั้น น่าจะเจรจาลดหนี้ได้ แต่อย่าลืมว่า ธนาคารก็ทำธุรกิจ แสวงหาผลกำไรค่ะไม่ได้ทำการกุศล เค้าไม่ได้ดีลง่าย
ได้เงินไปปิดหนี้ ได้เงินไปหมุนเวียนธุรกิจและตั้งตัวใหม่ แล้วค่อยกลับมาซื้อบ้านเงินสด หรือสร้างประวัติใหม่ดีๆ ก็ยื่นกู้ได้ค่ะ (เก็บเงินดาวน์สูงๆไว้)
ระหว่างนั้นก็เช่าอยู่ไปก่อนก็ได้ ถ้าเรามีความสามารถในการหาเงิน ล้มแล้วลุกเป็น เก็บความผิดพลาดเป็นประสบการณ์ อนาคตจะมีบ้านหลายหลังก็ยังได้ค่ะ
ตัดใจขายทรัพย์สินตอนที่มันยังทำเงินอยู่ดีกว่า เพราะถ้าโดนบังคับยึด คุณก็ไม่ได้อยู่บ้านหลังนี้เหมือนกัน 🤔 มีหนี้ต้องใช้ แต่สิ่งสำคัญคือพยายามรักษาเครดิตให้ดีด้วยนะคะ
ศุกร์เล็งลัคนา ถูกใจ, Trippy ถูกใจ, สมาชิกหมายเลข 3549436 ถูกใจ, สปาเก็ตตี้เส้นเหลี่ยม ถูกใจ, สมาชิกหมายเลข 1547351 ถูกใจ, สมาชิกหมายเลข 1327575 ถูกใจ, สมาชิกหมายเลข 3569462 ถูกใจ, สมาชิกหมายเลข 5311812 ถูกใจ, นีโม ไทเกอร์ ถูกใจ, สมาชิกหมายเลข 3199280 ถูกใจรวมถึงอีก 1 คน ร่วมแสดงความรู้สึก
แสดงความคิดเห็น
สวัสดีครับ ผมมีเรื่องเดือดร้อนจะโดนยึดบ้านครับ มีหมายบังคับคดีมาแล้ว ผมต้องทำอย่างไรบ้างมืดแปดด้านครับ ขอคำแนะนำด้วยครับ
1.กรุงศรี เป็นหนี้บัตร 100,000บาท จ่ายหนี้ ปิดบัญชี จ่ายหมดแล้ว
2.ktc เป็นหนี้บัตร 100,000บาท จ่ายหนี้ ปิดบัญชี จ่ายหมดแล้ว
3.Standard Chartered Bank เป็นหนี้บัตร 150,000 บาท จ่ายหนี้ปิดบัญชีหมดแล้ว
4.citybank 200,000บาท จ่ายหนี้ปิดบัญชีหมดแล้ว
5.ธนชาต มี 2ใบ ใบละ 150,000 ใบที่หนึงปิดบัญชีไปแล้ว 150,000 ใบที่สอง ขายหนี้ให้ jmart
6.uob ใบละ 200,000บาท จ่ายหนี้ ปิบัญชีไปหมดแล้ว
7.sme bank เป็นหนี้ 600,000จ่ายไปแล้ว 140,00บาท เหลือยอดหนี้ 460,000 คิดกลมๆ ไมคิดดอกนะ ดอก 200,000กว่า เดี๋ยวมาเล่า แสบยังไง
8.jamrt ซื้อหนี้จาก ธนชาติ ที่ใบ 150,000มา ซื้อมาเท่าไรไม่รู้ แต่ตอนแรกจะมาเก็บเงินเรา 150,000
9บ้าน ยังผ่อนอยู่ บ้านราคา 2.3ล้านบาท กู้มา 1.9ล้าน รีไฟน้นไปรอบนึง จ่ายไปมา ตอนนี้ เหลือยอดหนี้ uob 1.3ล้านบาท ไม่รวมดอก อันนี้ยังไม่มีปัญหา จ่ายตรงตลอด
10.รถที่เคยมีหลายคัน ขายกินหมดแล้ว ตอนนี้ มีแค่ตัวเปล่ากับ บ้านหลังสุดท้ายที่อยู่ กำลังจะถูกยึด
สรุบยอด ที่เป็นหนี้ที่น่าห่วงตอนนี้คือ sme bank 430,000บาท jmart ตอนนี้ 250,000บาท รวม 680,000ที่ผมต้องจ่ายในตอนนี
1.sme bank หลังจาก ฟ้องศาลเสร็จ ศาลตัดสินให้จ่าย 460,000บาทให้หมดใน 5ปี จ่ายขั้นต่ำ เดือนละ 3500บาท เป็นดอกเบี้ย ซึ่งผมไม่เคยผิดนัดเลย ซักครั้งเดียว จ่าย 3500-5000ตลอด รวมๆ เอาง่ายๆ 3500x60เดือน จ่ายให้ แบ้งกินดอก 210,000ไปแล้วจากยอด 460,000บาท จนตอนนี้ครบสัญญา 5ปี แบ้งเลยฟ้องยึดบ้าน เพิ่งมีหมายจากกรม บังคับคดี มาเมื่อวันที่ 16\9\62 นี่เอง โดยราคาประเมิน แค่ 1.3ล้านบาท เท่านั้น ซึ่งบ้านผม สามารถ ขายได้ 2.2-2.4ล้านบาท ถ้าหักหนี้ แบ้ง uob บ้านไป 1.3ล้านผมยังเหลือเงิน ราวๆ 1ล้าน เพื่อ จ่ายหนี้ ที่ค้างกับแบ้งไว้ แต่ถ้าให้เขายึดไป ผมคงเละ แน่นอน
2.jmart ซื้อหนี้มาจาก ธนะชาติ แบ้ง มาฟ้องกินกำไรต่อ คุยครั้งที่ 1 ตอนแรกฟ้อง 1.5แสน ผมมี 1แสน ขอปิดที่ราคานี้ เขาไม่ให้ เลยคุยรอบ 2 ผมเสนอ 1.1แสน เขาก็ไม่ให้ พอครั้งที่ 3ฟ้อง ศาลเลย เอาดอกเบี้ย จาก ตั้งแต่ผิดสัญญา มา รวมด้วย จนยอดพุ่ง ไป 2.5แสนบาท แถมดอกก็ยังเดินทุกๆ วัน คาดว่า ทาง jmart จะฟ้องขอยึดบ้านเหมือนกัน ภายในปีนี้และ
สรุบตอนนี้ชีวิตผม มีเงินเอาไว้ หมุนในการค้า อยู่แสนกว่าบาท แค่นั้นเอง และ สามารถ ยืมแม่ แม่ยอมให้เอาทองไปขายเอาเงินเก็บที่แกจะใช้ตอนแก่ให้ยืมไปปิดแบ้ง ได้ 2.5แสน ซึ่งตอนแรก ผมกะเอาไปปิด jmart ก่อน แต่ หมายศาลยึดทรัพย์ ของ sme มาก่อน เลยงานเข้า ผมเงินไม่พอ ไม่สามารถหาได้มากกว่านี้ในตอนนี้ได้แล้ว ตอนนี้ผมมีรายได้ จากงานใหม่ ได้เดือนละราวๆ 3-40000บาท หักค่าผ่อนบ้าน ค่า กิน ก็เหลือเงินราวๆ เดือนละ 15000ครับ ขอคำแนะนำด้วยครับว่า
1.ผมจะปล่อยให้เขายึดบ้านไป และเราจะไม่จ่ายค่าผ่อนบ้านและ ผ่อนบ้านปีละ 190,000บาทครับ แล้วเอาเงินที่แม่ให้ยืม กับ เงินของเราที่มี รวมทั้งหมด 400,000บาท ไปทำการค้าขาย 1ปี จะกำไร มากกว่าเงินต้น 2เท่า เก็บเงินซื้อบ้านเงินสดไปเลย อาจจะใช้เวลา หลายปี ระหว่างนี้ก็เช่าเขาอยู่ไปก่อน หรือ ผมต้องสู้ทางไหน ผมถึงจะรอด เพราะบ้านหลังนี้ ผมก็รัก ครับ ผมไม่มีปัญหาเรื่อง ผ่อนบ้านครับ
2.หรือจะยอมปิด jmart ไป แต่ก็ ยังเหลือ sme bank อีกตั้ง 430,000ผมไม่มีปัญญา จ่ายครับ
3.ผมขายบ้านเอง ขายเอง น่าจะดีกว่า ให้ กรมบังคับคดีขาย ราคานั้นเหมือนฆ่ากันทั้งที่ยังมีลมหายใจ บ้าน 2.3ล้าน จะเอาไปขาย 1.3ล้าน ไม่ได้ ว่า ทางกรมบังคับคดีนะ เขาทำตามหน้าที่ โทษก็ต้องโทษตัวผมเอง ที่ประมาทในการดำรงชีวิต
ขอคำแนะนำ สมาชิกดด้วยครับตอนนี้มืด 8ด้าน เมียพอรู้ว่าจะโดนยึดบ้าน ก็บอก จะกลับไปอยู่บ้านนอก เหมือนโดนกระทืบซ้ำเข้าไปอีก
ขอบคุณทุกท่านที่ ออกความเห็นครับ