[CR] kfctherevieWER 2019: Ad Astra สู่ความเวิ้งว้าง (ทางจิตใจ) อันไกลโพ้น [สปอยล์]

[brief]: โดยรวมแล้ว Ad Astra เป็นหนังที่ "สำรวจจิตใจของตัวละครบนอวกาศ" มากกว่าที่จะเป็นหนัง "สำรวจอวกาศ" แบบที่หลายคนอาจจะคาดหวังไว้ หากใครจะมาดูเพื่อความมันส์หรือความบันเทิงเต็มๆ อย่างเดียวนั้นอาจจะไม่ได้ถูกใจมากสักเท่าไหร่ แต่ถ้าใครอยากมาดูการแสดงชั้นยอดของ Brad Pitt การสำรวจความอ้างว้างทางจิตใจของตัวละคร รวมไปถึงโปรดักชั่นที่สวยงามมากๆ แล้ว นี่เป็นหนังที่คุณไม่ควรพลาดในวีคนี้
.
[ข้างล่างนี้จะมีการเปิดเผยเรื่องราวของหนัง]
.
สัปดาห์นี้มีหนังเรื่องนึงที่ก่อนหน้านี้อยู่นอกสายตาผมมาก เพราะปล่อยโปรโมทออกมาน้อยแถมยังไม่ค่อยดึงดูดมากสักเท่าไหร่ อีกทั้งเราก็เพิ่งจะได้ดูผลงานของ Brad Pitt ไปเมื่อสัปดาห์ก่อนในบทสตั๊นท์แมนคนจริงใน Once Upon A Time in Hollywood ไปหมาดๆ แต่พอไปดูคะแนนใน Rotten Tomatoes และ Metascore นั้นออกมาดีเกินคาดและทุกเสียงต่างชมการแสดงของเฮียพิตต์อย่างล้นหลาม เย็นวันพฤหัสฯ ผมจึงรีบตีตั๋วไปดูหนังไซไฟอย่าง Ad Astra 
.
แม้พล็อตหนังจะเป็นเรื่องของ "การผจญภัยของนักบินอวกาศคนหนึ่งเพื่อยับยั้งมหันตภัยทางอวกาศที่ทำให้โลกนี้วายป่วงได้ และต้องเผชิญหน้ากับพ่อที่ห่างหายไปนับทศวรรษ" ซึ่งอาจเป็นเหตุผลที่ทำให้คนจะไปดูหนังเรื่องนี้เพื่อเสพความบันเทิงเพียวๆ แต่จริงๆ แล้วหนังเรื่องนี้กลับไม่ได้เน้นไปที่ความสันตะโรเพื่อบันเทิงคนดูเป็นหลัก สิ่งที่หนังให้ความสำคัญจริงๆ ก็คือ การสำรวจจิตใจและความคิดของตัวละครหลักอย่าง Roy McBride (Pitt) ต่างหาก เปิดเรื่องมาไม่กี่นาทีเราจะเห็นได้ว่ารอยเป็นนักบินอวกาศที่มาดนิ่งและสุขุมอย่างยิ่ง จัดการอารมณ์และปัญหาต่างๆ ได้โคตรเก่ง (คนอะไรหัวใจไม่เคยเต้นเกิน 80!) แต่พอเขาได้รับภารกิจให้ไปหยุดยั้งรังสีมรณะจากดาวเนปจูน และต้องตามหาพ่อของเขา (Tommy Lee Jones) ที่เชื่อว่ายังมีชีวิตอยู่หลังจากหายตัวไปในอวกาศ ทำให้ระเบียบชีวิตเขาต้องสั่นคลอนไปตลอดกาล
.
หนังเลือกเล่าสภาพจิตใจของรอยผ่านมุมมองของรอยเองเลย นั่นจึงทำให้เรารู้เพิ่มขึ้นว่าภายใต้มาดนิ่งและมีความรับผิดชอบนั้น กลับซ่อนความแปลกแยก-ไม่ค่อยอยากจะสนิทสนมกับใครมากนัก (แต่สุดท้ายก็ต้องทำเพราะหน้าที่) และการมองมนุษย์อย่างร้ายๆ (อย่างเช่นในฉากแลนดิ้งบนดวงจันทร์ ที่เขาคิดในทำนองว่า ไม่ว่ามนุษย์จะไปอยู่ที่ไหนก็ยังนำวิถีชีวิตแบบมนุษย์ตามไปด้วยทุกที่ ไม่เว้นแม้แต่บนดวงจันทร์)  อีกทั้งยังคิดถึงและนึกถึงอดีตคนรักอยู่ตลอด ความปวดร้าวในจิตใจก็เพิ่มมากขึ้นๆ ตามเวลาที่ทำภารกิจ บวกกับการค้นพบความจริงว่าพ่อของเขาอาจจะไม่ใช่ฮีโร่อย่างที่ทุกคนคิด (นักวิทย์ฯ แก่ๆ คนหนึ่งที่เป็นส่วนหนึ่งของปัญหา ทิ้งชีวิตและครอบครัวมาหมกมุ่นกับการสำรวจอวกาศ) ทำให้เขายิ่งรู้สึกอ้างว้างและเดินทางด้วยความโดดเดี่ยวโดยสมบูรณ์ แม้ว่าสุดท้ายเขาจะทำภารกิจสำเร็จ ช่วยโลกได้ มีโอกาสกลับมาใช้ชีวิตอย่างคนปกติอีกครั้งกับคนที่ตัวเองรัก แต่สุดท้ายแล้ว เราแน่ใจได้จริงๆ เหรอว่าเขาจะทิ้งชีวิตในอวกาศได้ การแสดงของ Brad Pitt ทำให้เราเห็นคุณสมบัติเหล่านี้ในตัวละคร รอย ได้ชัดเจนและทรงพลังมากผ่านสีหน้าและท่าทางที่ทำน้อยแต่ได้มาก นอกเหนือจากการแสดงแล้ว โปรดักชั่น ซีจี โดยเฉพาะการกำกับภาพนั้นเรียกได้ว่าโคตรสวยและขับความเคว้งของอวกาศและตัวละครได้เป็นอย่างดีทีเดียว
.
จุดด้อยของหนังคือเรื่องรายละเอียดเกี่ยวกับวิทยาศาสตร์ และบางสถานการณ์ที่เกิดขึ้นมาปุ๊บปั๊บแล้วก็จบไปดื้อๆ เพื่อเป็นเงื่อนไขให้เรื่องไปต่อ (+คำเตือน: บางฉากนั้นสยองขวัญเอาเรื่องทีเดียว เพราะฉะนั้นต้องเตรียมใจไปสักนิด) แต่เป็นจุดด้อยที่ไม่ได้น่าเกลียดหรือทำให้เรื่องสะดุดอะไรมากนัก ฉะนั้น โดยรวมแล้ว Ad Astra เป็นหนังที่ "สำรวจจิตใจของตัวละครบนอวกาศ" ไม่ได้เป็นหนัง "สำรวจอวกาศ" แบบที่หลายคนอาจจะหวังไว้ แม้ในหนังนั้นจะมีฉากแอคชั่นอยู่พอสมควร แต่หากใครจะมาดูเพื่อความมันส์หรือความบันเทิงเต็มๆ อย่างเดียวนั้นอาจจะไม่ได้ถูกใจมากสักเท่าไหร่ แต่ถ้าใครอยากมาดูการแสดงชั้นยอดของ Brad Pitt การสำรวจความอ้างว้างทางจิตใจของตัวละคร รวมไปถึงโปรดักชั่นที่สวยงามมากๆ แล้ว นี่เป็นหนังที่คุณไม่ควรพลาดในวีคนี้
.
ติดตาม #kfctherevieWER ได้ใน Letterboxd และ Twitter @kfcthereviewer นะครับ
ชื่อสินค้า:   Ad Astra
คะแนน:     

CR - Consumer Review : กระทู้รีวิวนี้เป็นกระทู้ CR โดยที่เจ้าของกระทู้

  • - จ่ายเงินซื้อเอง หรือได้รับจากคนรู้จักที่ไม่ใช่เจ้าของสินค้า เช่น เพื่อนซื้อให้
  • - ไม่ได้รับค่าจ้างและผลประโยชน์ใดๆ
แก้ไขข้อความเมื่อ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่