สวัสดีครับวันนี้ผมจะมาแชร์ข่าวสำหรับคนทำยูทูปนะครับซึ่งเกี่ยวกับการเปิดสร้างรายได้นะครับ ตามด้านล่างนี่ครับ
"
ยูทูบเตรียมปรับนโยบายใหม่ จะเข้าควบคุมเนื้อหาคอนเทนต์ที่เกี่ยวข้องกับเด็กอายุต่ำกว่า 12 ปี ไม่ให้รับโฆษณาส่วนตัว และปิดการแจ้งเตือนแก่ผู้ติดตาม
เมื่อ 15 ก.ย. สำนักข่าวต่างประเทศรายงาน กระแสความกังวลจากบรรดาครอบครัวที่มีรายได้หลักจากการทำแชนแนลในยูทูบ (Youtube) ว่าอาจต้องมีการปรับตัวขนานใหญ่ หลังยูทูบเตรียมปรับนโยบายใหม่ โดยจะเข้าควบคุมเนื้อหาคอนเทนต์ที่เกี่ยวข้องกับเด็กอายุต่ำกว่า 12 ปี ไม่ให้รับโฆษณาส่วนตัว ปิดการแจ้งเตือนแก่ผู้ติดตาม และปิดการแสดงความคิดเห็นคอมเมนต์
แม้ยังไม่มีความชัดเจนว่าวิดีโอแบบใดถึงจะเข้าข่าย แต่ทางผู้บริหารยูทูบระบุว่า การเปลี่ยนแปลงจะส่งผลกระทบต่อครอบครัวและเด็กที่สร้างวิดีโอคอนเทนต์ดีๆ แต่ยูทูบพร้อมจะทำงานอย่างใกล้ชิดกับครอบครัวเหล่านี้ เพื่อให้การเปลี่ยนถ่ายเป็นไปอย่างเรียบร้อย
ทั้งนี้ การปรับนโยบายของยูทูบมีขึ้น หลังยูทูบตกลงจ่ายค่าเสียหาย 170 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ หรือประมาณ 5,100 ล้านบาท แก่คณะกรรมาธิการการค้าสหรัฐฯ (เอฟทีซี) เรื่องละเมิดสิทธิส่วนบุคคลของเด็ก ซึ่งนายโจ ไซมอนส์ ผู้อำนวยการเอฟทีซี ระบุด้วยว่า กรณีดังกล่าวจะทำให้แชนแนลครอบครัวเหล่านี้เกือบจะไม่ได้รับเงินอีกต่อไป หลังมาตรการใหม่มีผลบังคับใช้ในวันที่ 1 ม.ค.2563.
อ้างอิง
https://www.thairath.co.th/news/foreign/1661665 
เด็กอายุต่ำกว่า 12 ปีจะทำยูทูปยากขึ้น
"ยูทูบเตรียมปรับนโยบายใหม่ จะเข้าควบคุมเนื้อหาคอนเทนต์ที่เกี่ยวข้องกับเด็กอายุต่ำกว่า 12 ปี ไม่ให้รับโฆษณาส่วนตัว และปิดการแจ้งเตือนแก่ผู้ติดตาม
เมื่อ 15 ก.ย. สำนักข่าวต่างประเทศรายงาน กระแสความกังวลจากบรรดาครอบครัวที่มีรายได้หลักจากการทำแชนแนลในยูทูบ (Youtube) ว่าอาจต้องมีการปรับตัวขนานใหญ่ หลังยูทูบเตรียมปรับนโยบายใหม่ โดยจะเข้าควบคุมเนื้อหาคอนเทนต์ที่เกี่ยวข้องกับเด็กอายุต่ำกว่า 12 ปี ไม่ให้รับโฆษณาส่วนตัว ปิดการแจ้งเตือนแก่ผู้ติดตาม และปิดการแสดงความคิดเห็นคอมเมนต์
แม้ยังไม่มีความชัดเจนว่าวิดีโอแบบใดถึงจะเข้าข่าย แต่ทางผู้บริหารยูทูบระบุว่า การเปลี่ยนแปลงจะส่งผลกระทบต่อครอบครัวและเด็กที่สร้างวิดีโอคอนเทนต์ดีๆ แต่ยูทูบพร้อมจะทำงานอย่างใกล้ชิดกับครอบครัวเหล่านี้ เพื่อให้การเปลี่ยนถ่ายเป็นไปอย่างเรียบร้อย
ทั้งนี้ การปรับนโยบายของยูทูบมีขึ้น หลังยูทูบตกลงจ่ายค่าเสียหาย 170 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ หรือประมาณ 5,100 ล้านบาท แก่คณะกรรมาธิการการค้าสหรัฐฯ (เอฟทีซี) เรื่องละเมิดสิทธิส่วนบุคคลของเด็ก ซึ่งนายโจ ไซมอนส์ ผู้อำนวยการเอฟทีซี ระบุด้วยว่า กรณีดังกล่าวจะทำให้แชนแนลครอบครัวเหล่านี้เกือบจะไม่ได้รับเงินอีกต่อไป หลังมาตรการใหม่มีผลบังคับใช้ในวันที่ 1 ม.ค.2563.
อ้างอิง
https://www.thairath.co.th/news/foreign/1661665