เรื่องมีอยู่ว่ามีกระต่ายตัวหนึ่งหลงเข้ามาในบ้าน ลักษณะเชื่องเป็นพิเศษ เลยให้อาหารและเลี้ยงดูมัน แบบไม่ขัง มันจะออกไปไหน มันจะกลับมาหรือไม่ ไม่ได้สนใจ ทำแค่วางอาหารกับน้ำให้มัน หมดก็เติมให้ และก็เล่นกับมันบ้างเป็นบางครั้งที่เจอ เราโอเคกับจุดนี้มาก เพราะไม่เป็นภาระใคร จนนานวันเข้า เราเริ่มสังเกตเห็นมันเจ็บป่วย เป็นแผลที่ฝ่าเท้า กับฝ่ามือ เลยเริ่มศึกษาหาข้อมูลเกี่ยวกับสายพันธุ์ โรค และวิธีรักษา จนพบว่ามันเป็นโรคประจำสายพันธุ์ คือ กระต่ายพันธุ์นี้สายพันธุ์มินิเร็กซ์ กำเนิดมาจากประเทศฝรั่งเศส มีขนฝ่าเท้าที่บาง ดังนั้นเวลามันมาวิ่งเล่นบ้านเราซึ่งมีพื้นปูน หิน (ซึ่งต่างจากสภาพถิ่นกำเนิดของมัน) และมีพื้นที่สวนรอบ ๆ บ้าน จึงเป็นสาดหตุให้เกิดแผลกดทับที่ฝ้าเท้าขึ้น และนานวันแผลเริ่มใหญ่ขึ้น เราพามันไปพบสัตวแพทย์เพื่อรักษา หมอได้แนะนำว่าควรจัดพื้นที่และบริเวณให้อยู่อย่างจำกัด เพื่อจะได้ลดการเกิดแผลลุกลาม นั่นก็คือ การใส่กรงและปูพื้นให้มันนิ่ม ๆ เราเลยไปซื้อสุ่มไก่ขนาดใหญ่มา ทำเป็นที่อยู่ชั่วคราวให้มัน ปูผ้ารอง และเปลี่ยนผ้ารองทุกเช้ากับเย็น เพราะจะมีทั้งฉี่และอึทุกวัน ล้างแล และทายาให้ ในที่สุดแผลเริ่มตกสะเก็ด ไม่บวม มีลักษณะไปในทิศทางดี ขณะเดียวกันเริ่มรู้สึกเป็นภาระไปด้วย เพราะต้องจัดการทุกวัน แต่ก็ไม่ได้ยากเย็นอะไร เช้า 15 นาที เย็น 15 นาที ผ้าที่เลอะก็ซักตาก เปลี่ยนผ้าใหม่ แต่มานั่งคิดว่าถ้าเราไม่ทำ คนในบ้านก็ไม่ทำ เลยคิดว่ามันมีวิธีที่ดีกว่านี้มั้ยที่จะดูแลมัน
เหตุผลที่เราอยากเลี้ยงมันแบบเดิมไม่อยากใส่สุ่มไก่ก็คือ มันก็เป็นสิ่งมีชีวิตแบบเรา ต้องการอิสระภาพในการใช้ชีวิต ไม่ว่าจะการกิน นอน เดินเที่ยว วิ่งเล่น ในเมื่อมันเป็นสิ่งมีชีวิตเราไม่อยากไปบงการชีวิตใคร เราโอเคกับการเลี้ยงแบบเดิมคือ ให้อาหาร และปล่อยมันอยู่ในแบบที่มันต้องการ แต่ปัญหาคือ สภาพแวดล้อมทำให้มันป่วย ถ้าจะปล่อยมันแบบนั้น มันก็จะกลับมาเจ็บอีก หรือเราจะยกมันไปให้ใครที่ต้องการเลี้ยง ก็ต้องเช็คว่ามันจะอยู่สบายกว่าที่เป็นและไม่กักขัง
ทางออกของเราตอนนี้ก็คือ เรามีพื้นที่ที่เป็นสวน มีหญ้า มีพื้นนุ่ม มีดิน และทำบ้านเล็ก ๆ กันฝนให้มัน เราจะกันพื้นที่ให้มันได้อยู่ในเขตนี้ ซึ่งคิดว่ากว้างพอที่มันจะได้วิ่ง หรือกระโดดไปมาได้อย่างเต็มที่ (ประมาณ 15 ตรม.)เราคงไม่เลี้ยงมันในสุ่มไก่ไปตลอดชีวิต แต่นั่นก็เป็นแค่ความคิดเราด้านเดียว เพราะเราถามมันไม่ได้ว่าจะให้ช่วยยังไง เจ็บตรงไหน อยากกินอะไร เราคงได้มากสุดคือ หาข้อมูลในความเป็นธรรมชาติของมันและจัดหาให้ใกล้เคียงที่สุด เราคงทำใจไม่ได้ถ้าเราปล่อยมันแบบเดิม แล้ววันหนึ่งมันกลับมาพร้อมกับแผลเต็มเท้าซ้ำแล้วซ้ำอีก
ในทางพุทธศาสนา คิดในแง่ของกรรมใครกรรมมันก็คิดได้ว่า ดวงจิตนี้ต้องมาอยู่ในร่างของสัตว์คงเพราะไปก่อกรรมอะไรไว้ จึงได้รูปนี้มา และต้องทรมานกับบาดแผลที่จะเกิดขึ้นต่อไป ส่วนเราก็เจตนาอยากให้มันไม่ทรมาน ขณะเดียวกันวิธีที่เราทำ ก็ส่งผลทั้งดีและไม่ดี เกิดตามไปด้วย จึงอยากปรึกษาผู้รู้ในทางธรรมเพื่อหาทางออก หรือแนะนำวิธีที่ถูกที่ควรกับเรื่องนี้ทีครับ
เลี้ยงสัตว์ได้ทั้งบุญได้ทั้งบาปจะทำอย่างไรดีกับ 1 ชีวิตนี้ดี
เหตุผลที่เราอยากเลี้ยงมันแบบเดิมไม่อยากใส่สุ่มไก่ก็คือ มันก็เป็นสิ่งมีชีวิตแบบเรา ต้องการอิสระภาพในการใช้ชีวิต ไม่ว่าจะการกิน นอน เดินเที่ยว วิ่งเล่น ในเมื่อมันเป็นสิ่งมีชีวิตเราไม่อยากไปบงการชีวิตใคร เราโอเคกับการเลี้ยงแบบเดิมคือ ให้อาหาร และปล่อยมันอยู่ในแบบที่มันต้องการ แต่ปัญหาคือ สภาพแวดล้อมทำให้มันป่วย ถ้าจะปล่อยมันแบบนั้น มันก็จะกลับมาเจ็บอีก หรือเราจะยกมันไปให้ใครที่ต้องการเลี้ยง ก็ต้องเช็คว่ามันจะอยู่สบายกว่าที่เป็นและไม่กักขัง
ทางออกของเราตอนนี้ก็คือ เรามีพื้นที่ที่เป็นสวน มีหญ้า มีพื้นนุ่ม มีดิน และทำบ้านเล็ก ๆ กันฝนให้มัน เราจะกันพื้นที่ให้มันได้อยู่ในเขตนี้ ซึ่งคิดว่ากว้างพอที่มันจะได้วิ่ง หรือกระโดดไปมาได้อย่างเต็มที่ (ประมาณ 15 ตรม.)เราคงไม่เลี้ยงมันในสุ่มไก่ไปตลอดชีวิต แต่นั่นก็เป็นแค่ความคิดเราด้านเดียว เพราะเราถามมันไม่ได้ว่าจะให้ช่วยยังไง เจ็บตรงไหน อยากกินอะไร เราคงได้มากสุดคือ หาข้อมูลในความเป็นธรรมชาติของมันและจัดหาให้ใกล้เคียงที่สุด เราคงทำใจไม่ได้ถ้าเราปล่อยมันแบบเดิม แล้ววันหนึ่งมันกลับมาพร้อมกับแผลเต็มเท้าซ้ำแล้วซ้ำอีก
ในทางพุทธศาสนา คิดในแง่ของกรรมใครกรรมมันก็คิดได้ว่า ดวงจิตนี้ต้องมาอยู่ในร่างของสัตว์คงเพราะไปก่อกรรมอะไรไว้ จึงได้รูปนี้มา และต้องทรมานกับบาดแผลที่จะเกิดขึ้นต่อไป ส่วนเราก็เจตนาอยากให้มันไม่ทรมาน ขณะเดียวกันวิธีที่เราทำ ก็ส่งผลทั้งดีและไม่ดี เกิดตามไปด้วย จึงอยากปรึกษาผู้รู้ในทางธรรมเพื่อหาทางออก หรือแนะนำวิธีที่ถูกที่ควรกับเรื่องนี้ทีครับ