จากการหน้านี้ เคยพยายามทำเองไปครั้งนึงเเน่นอน เนื่องจากการเลือกวัสดุเเละเเบบที่ผิดพลาดทำให้ชั้นออกมาพังสุดๆ
ซึ่งผมเชื่อว่าหลายคนอยากจะลองทำเอง เเต่ติดปัญหาว่า ทำยังไงให้เเข็งเเรง แบบนี้จะเเข็งเเรงพอไหม วันนี้เลยอยากลองเอาแบบที่ตัวเองทำมาเเชร์ให้ดูครับ
ซึ่งแบบที่ผมทำ ผมทำมาเพื่อใส่มังงะ เล่มใหญ่ประมาณ BB เเต่หนักกว่า เพราะงั้นถ้าใครคิดว่าใส่เเค่มังงะทั่วไป จะลองปรับลดสเป๊คดูก็ได้ครับ
ขั้นเเรก ขอเริ่มด้วยรายการวัสดุสิ้นเปลืองก่อน
1.เเผ่นไม้ 1 เเผ่น อันนี้มีให้เลือก 2 option คือ MDF หรือ ไม้อัดประสาน ใช้ความหนาซัก 19-20 มิล สำหรับ MDF จะตกเเผ่นละ 430-490 บาท ส่วนยางพาราอัดประสานหน้า AB ผมได้มา 1490 บาท ซึ่งถ้าใช้ไม้อัดประสานมีขั้นตอนมากกว่า MDF หน่อยครับเพื่อให้เเข็งเเรง
2.กาวยึดไม้ อันนี้เเนะนำให้ซื้อกาวดีๆใช้เลยเเข็งเเรงเเน่นอนเช่น titebond หรือ elmer ส่วนตัวผมใช้ titebond ultimate
3.ตะปู อันนี้เเล้วเเต่ใครจะเลือกใช้นะครับเเต่ส่วนตัวผมเลือกใช้เป็นตะปู F30 ก็ถือว่าเเข็งเเรงมากเเล้วครับ หน้าตาตะปู F ประมาณนี้ต้องใช้คู่กับปืนยิงตะปู
4.กระดาษทรายขัดไม้ เบอร์ 0 3 5 อันนี้บวกลบนิดหน่อยเเล้วเเต่งานเลย ถ้าขัดไม้อาจจะต้องใช้เบอร์หยาบหน่อยเเต่ถ้าใครใช้ MDF ก็ขัดละเอียดก็พอ ใช้ตอนขัดสีเคลือบ
5.วัสดุเคลือบ อันนี้ส่วนตัวผมเลือกสี PU น้ำสูตรภายนอก สีด้านใสของ RTB เเต่ถ้าอยากประหยัดก็มี RPS ยี่ห้อนี้ ถูกกว่าเยอะ เเต่จากที่ผมลองเนื้อฟิลม์จะเเข็งไม่เท่า RTB
*เเต่ไม่ว่าใช้ยี่ห้อไหนส่วนตัวเเนะนำให้ใช้สูตรด้านครับ ใช้แปรงทาง่ายพอมันเเห้งเเล้วก็ไม่ค่อยเห็นรอยแปรงเท่าไหร่นัก
6.ถ้าใครเลือกใช้ไม้ยางอัดประสานเเนะนำให้หาสกรู 40mm มาด้วยครับ เป็นเกลียวหยาบสำหรับงานไม้ เเต่ถ้าใช้ MDF ไม่ต้องมีสกรูก็ได้ครับกาว+ตะปูเเน่นเหลือๆ
ส่วนพวกเครื่องมือ
ที่ต้องมี คือ
1.เลื่อยวงเดือน
2.F Clamp ตัวสั้นเเละยาว
มีหรือไม่มีก็ได้เเต่ช่วยให้งานง่ายขึ้น
1.ปืนยิงตะปู //ถ้าไม่มีก็ใช้ตะปูตอกไม้ทั่วไป
2.เครื่องขัดกระดาษทราย
3.โต๊ะเลื่อย //อันนี้ถ้าไม่มีก็อาจจะต้องพลิกเเพลงขั้นตอนการตัดหน่อย
4.ไขควงไฟฟ้า
หลังจากอุปกรณ์ครบเเล้วก็เข้าสู่พาร์ทการตัดเลยโดย ชั้น 1 ตัวจะใช้ไม้ 1 เเผ่นพอดีนะครับ เพราะงั้นห้ามตัดพลาด ฮา
โดยการตัดจะเป็นแบบตามรูปที่เเนบเลยครับ ตัดเบอร์ 1 กับ 2 ก่อน กว้างชิ้นละ 18cm เเล้วค่อนตัด 3-12 กว้าง 23 เซ็น ส่วนความยาวไม่ต้องสนใจครับ ซึ่งหลังจากตัดเเล้วเราจะเหลือเศษปลายนิดนึง อันนั้นเก็บไว้ก่อนนะครับ ใครจะใช้หรือไม่ใช้อีกเรื่อง
หลังจากตัดเรียบร้อยหมดเเล้ว ผมจะค่อยเอาไม้กว้าง 23 เซ็นเข้าโต๊ะเลื่อยวงเดือนอีกที เพื่อตัดให้ความกว้างเหลือ 16cm หลังจากตัดเเล้วเราจะได้ไม้ มา 2 ชิ้นคือ ไม้ความกว้าง 16cm กับ 7cm โดยประมาณที่ยาวเท่ากัน เเล้วเราจะนำไม้ 7cm มาประกบด้านหลังไม้ 16cm เเล้วทากาวยิงตะปูยึด(เเต่ถ้าใครใช้ MDF จะลักไก่ไม้ยิงก็ได้นะครับ เพราะที่ผมลอง MDF นี่เเค่ติดกาวเเคลมป์หนีบ ก็อยู่เเล้ว) เเล้วงานที่ได้จะออกมาประมาณนี้
คำถามว่าทำไมเราถึงต้องมีติดด้านหลังแบบนี้ จริงๆเเล้วมีประโยชน์อยู่ 2 ข้อ
1.ทำให้เวลาประกอบชั้นเสร็จเเล้วชั้นไม่โยกไปด้านซ้ายขวา
2.เป็นเเนววางหนังสือชิด
ซึ่งหลังจากเราไล่ประกอบจนหมดเเล้ว สามารถทำมาทาเคลือบได้เลยครับ เเต่อย่าไปเคลือบขอบด้านข้างก็พอเดี๋ยวเวลาติดชั้นเเล้วกาวมันจะไม่มีพื้นผิวให้เกาะ
*ส่วนนี้ปัญหาที่อาจจะเจอคือ ชิ้นหลังหลังจากแปะกับเเผ่นนอนเเล้ว มันอาจจะไม่ได้ฉาก อันนี้ไม่ต้องตกใจไป ปล่อยไปเราค่อยเเก้ตอนประกอบเอาได้
ซึ่งก่อนจะเข้าสู่ขั้นตอนการประกอบชั้นจริงมีสิ่งหนึ่งที่คุณจะต้องเลือกก่อนว่าจะทำชั้นล่างสุดเป็นแบบไหนระหว่างแบบยกกับแบบเรียบพื้นไปเลย
ถ้าต้องการแบบด้านซ้ายก็ให้เอาไม้เศษที่เหลือจากตอนตัดซึ่งมันจะเหลือประมาณ 12-14 เซ็น มาซอยให้ได้ซัก 5 เซ็นเเล้วเลือกไม้ที่เราประกอบมาซักชั้น เเล้วเอาชิ้นที่ตัด มาทากาวติดด้านหลังอันนึง ด้านหน้าอันนึง ซึ่งด้านหน้าอาจจะเลื่อนเข้าไปซัก 2-3 เซ็นก็ได้
หลังจากนั้นให้เราตัดไม้ซักเเผ่นนึงครับ ให้กว้าง 13cm ยาว 23cm โดนไม้ชิ้นนี้สำคัญมากนะครับตัดให้ได้ฉากด้วยเเล้วเเล้วหลังจากนั้นเราก็จะเข้าสู่ขั้นตอนการประกอบชั้น
การประกอบให้เริ่มจากประกอบด้านล่างก่อนครับ จับขอบชนขอบ ให้หมด ทากาวเเล้วยิงตะปู ถ้าใช้ MDF ยิงไปเลยซัก 5 ตัวต่อข้าง ถ้าใช้ไม้อัดประสานยิงเเค่ให้ไม่เลื่อนก็พอครับ เพราะตรงจบที่งานสกรูอยู่ดี ซึ่งตอนประกอบพื้นชั้นเเรกสุดผมไม่ได้ถ่ายรูปไว้ ขออภัยด้วยครับ
หลังจากนั้นล่ะ ไม้ที่เราตัดไว้ขนาด 13*23 จะได้ออกโรง เเละมันจะเเก้ปัญหาเรื่อง ด้านหลังไม่ได้ฉากด้วย โดยการทำแบบนี้ครับ จับหนับเข้าไปที่ชั้นทั้ง 2 ข้างเลย
โดยขั้นตอนนี้มีอุปกรณ์ช่วยเหลืออยู่ 3 อย่าง
1.เกียง
2.ค้อนยาง
3.เเคลมป์
ข้อควรระวังเเคลมป์ตัวที่ 1 ต้องอยู่ชั้นก่อนหน้าเสมอนะครับ ห้ามเผลอเอาออก เพราะถ้าเราเอาออก ตอนเราจับไม้ถ่างเพื่อใส่ชั้นต่อไปอาจทำให้ตะปูคลายหรือกาวหลุดระหว่างที่ยังเเห้งไม่สนิทได้
วิธีการประกอบเเต่ละชั้นให้ง่ายนะครับ
1.ลองจับไม้ชั้นเอาลงไปก่อนเช็คว่าให้ลงได้ง่ายระดับนึง เวลาเราเอาลงคราบกาวจะได้ไม่เลอะเยอะ
2.ทำการทากาวทีขอบไม้ทั้ง 2 ข้าง เเล้วจับกดลงไปเลย เเล้วเช็ดคราบกาวที่ทะลักออกมาหน่อย
3.ทำการใช้เกียง ปรับระดับให้ไม้ 2 ข้างเรียบเสมอกับหน้าตู้
4.จัดการเอาเเคลมป์หนีบไม้ด้านบนเข้ามาหน่อยให้เเน่นพอประมาณ
5.ใช้ค้อนทุบไม้เข้ามาให้เรียบสนิทกับไม้ แบบทั้ง 2 ข้าง เเล้วเราก็จะได้พื้นชั้นที่ขนานกับชั้นก้อนหน้าเเบบเเป๊ะๆ
6.ทำการยิงตะปูยึดให้เเน่น เเล้วทำอย่างนี้ซ้ำไปเรื่อยๆ จนครบ 9 ชั้น
หลังจากที่เราทำครบ 9 ชั้นเเล้ว ชั้นสุดท้ายให้เราจับไม้คว่ำ เเล้วใส่เข้าไปเป็นชั้นปิดหัวด้านบนสุด ซึ่งมันจะเหลือไม้ยื่นออกมาครับให้ทำการใช้เลื่อย เลื่อยส่วนที่เกินมาออก เเล้วทำการขัดให้เรียบพอประมาณเราก็จะได้ชั้นแบบนี้มาเเล้ว
หลังจากนั้นก็ทำการทาเคลือบเก็บตามขอบให้หมด ถ้าใครใช้ MDF ก็เเทบจะถือว่าชั้นสำเร็จเเล้วครับ เเต่ถ้าใครใช้ไม้ยางอัดประสาน ท่านอาจจะพบว่า ทำไมชั้นยังเเอ่นไม่เเข็งเเรงหว่า เพราะงั้นเราถึงจะต้องมาทำการยึดสกรู ต่อครับ
โดยขั้นเเรก หาเเผ่นกระดาษมาเเผ่นนึง วัดเข้ามาด้านละ 1 เซ็นเเล้วตีเส้น เเล้วให้วัดตามเเนวเส้นไปอีกด้านละ 3 เซ็นเเล้วเจาะรูเลยครับ ก็จะได้กระดาษแบบนี้เป็นเทมเพลต ไว้ช่วยในการมาร์คจุดเจาะ
หลังจากนั้นก็จับขอบกระดาษ ชนกับขอบเเต่ละชั้น เเล้วเอาตะปูมาตอก เพื่อเป็นการมาร์คตำเเหน่งเจาะได้เลย
โดยขั้นตอนการเจาะเนี่ยจะต้องบอกก่อนว่าค่อนข้างยุ่งยากนิดหน่อย เเต่เพื่อความเเข็งเเรงควรเจาะให้ถูกวิธีครับ
โดยเราจะเลือกใช้สกรูเบอร์ 5 หรือ 6 ยาว 40มิล โดยเเต่ละรูเราจะเจาะทั้งหมด 3 ครั้ง
1.เจาะผ่านให้ใช้ดอกสว่านเบอร์ 4 เจาะลึกเข้าไป 2 เซ็นโดยไม่ต้องให้กินไม้อีกเเผ่น ซึ่งสกรูจะต้องผ่านเข้าออกไม้เเผ่นเเรกได้อิสระ
2.เจาะนำ ให้ใช้ดอกสว่านเบอร์ 2 เจาะซ้ำเข้าไปโดยให้เเผ่นที่ 2 ทะลุลงไปอีกประมาณ 1-1.5 เซ็น
3.เจาะฝังหัว เราจะใช้ว่านเบอร์ 5 หรือ 6 เจาะตื้นๆ เพื่อให้หัวสกรูฝังลงไปในไม้ได้ //ถ้าใครรู้สึกคุมยากเพราะเจาะแปปเดียวมันเผลอกินไปลึกเเนะนำให้ลองปรับเเรงบิดให้ตำดู เเล้วหัวมันจะล็อกเองตอนลงไปได้นิดเดียว
หลังจากนั้นก็ใส่สกรูเเล้วขันยึดเลยครับ ซึ่งในขั้นตอนนี้ขอเเนะนำให้ดูให้ดีนะครับว่าสกรูที่ท่านซื้อมาเป็นหัว phillip หรือ pozidrive ซึ่งส่วนมากสกรูขันไม้มันเป็น pozidrive ครับถ้าใครเอาหัวไขควง PH มาขันนี่ ขันกันตายเลยเเรงหายไปเยอะมากต้องออกเเรงกดเยอะ เเละพาหัวสกรูพังอีก เพราะงั้นควรเช็คให้ดีก่อนครับ
หลังจากขันยึดเสร็จเเล้วเราก็จะได้ชั้นหนังสือที่เกือบสมบูรณ์แบบมาตัวเเต่มันยังมีปัญหาอีกนิดครับคือ เนื่องจากความลึกมันเเค่ 18 เซ็นเเต่สูงล่อไปเกือบ 240 เซ็น มันก็จะยังมีโอกาศเอนหน้าอยู่ครับ เพราะงั้นผมเเนะนำให้หาพวกโฟมติดใต้ตู้เฟอร์นิเจอร์อะไรพวกนี้มาติดเพื่อให้ตู้เอนไปข้างหลังเเล้วจับจนกำเเพงมันก็จะไม่ต้องห่วงเรื่องเอนมาข้างหน้าได้ระดับนึงเลย เเต่ถ้าอยากให้ชัวร์กว่านั้นก็หาเหล็กฉากยึดด้านบนกับกำเเพงซัก 2 จุดก็จะเเข็งเเรงมากจนไม่มีอะไรให้ห่วงอีกเเล้ว ซึ่งส่วนตัวผมได้ทำทั้งแบบใช้ MDF ด้วยว่ากันตามตรงรู้สึก MDF แข็งเเรงกว่าเยอะเลย
สุดท้ายทดสอบความเเข็งเเรง
ส่วนนี้เอาจริงลองทดสอบใช้มังงะเด็กดี ที่รู้ๆกันอยู่ว่าเล่มนึงหนักมาก เล่มนึงตั้งเเต่ 300-500 กรัมเลยทีเดียว พบว่าก็ไม่มีปัญหาเเอ่นให้เห็นเลย
ส่วนถ้ากับพวกมังงะทั่วไปนี่สบายเลยครับใส่ยังไงก็ไม่มีปัญหา
อัพเดตเพิ่มเติม สำหรับราคารวมทั้งหมดให้ประมาณก็ค่าวัสดุอื่นๆ นอกจากไม้ตีไปตกเฉลี่ย 400-500 บาทส่วนค่าไม้
MDF 460 บาท
ไม้ยางพารา 1490 บาท
ขอจบกระทู้เเต่เพียงเท่านี้ ใครมีคำถามอะไรทิ้งไว้ได้เลยครับ
ชั้นหนังสือการ์ตูนทำเอง แบบง่ายๆ
ซึ่งผมเชื่อว่าหลายคนอยากจะลองทำเอง เเต่ติดปัญหาว่า ทำยังไงให้เเข็งเเรง แบบนี้จะเเข็งเเรงพอไหม วันนี้เลยอยากลองเอาแบบที่ตัวเองทำมาเเชร์ให้ดูครับ
ซึ่งแบบที่ผมทำ ผมทำมาเพื่อใส่มังงะ เล่มใหญ่ประมาณ BB เเต่หนักกว่า เพราะงั้นถ้าใครคิดว่าใส่เเค่มังงะทั่วไป จะลองปรับลดสเป๊คดูก็ได้ครับ
ขั้นเเรก ขอเริ่มด้วยรายการวัสดุสิ้นเปลืองก่อน
1.เเผ่นไม้ 1 เเผ่น อันนี้มีให้เลือก 2 option คือ MDF หรือ ไม้อัดประสาน ใช้ความหนาซัก 19-20 มิล สำหรับ MDF จะตกเเผ่นละ 430-490 บาท ส่วนยางพาราอัดประสานหน้า AB ผมได้มา 1490 บาท ซึ่งถ้าใช้ไม้อัดประสานมีขั้นตอนมากกว่า MDF หน่อยครับเพื่อให้เเข็งเเรง
2.กาวยึดไม้ อันนี้เเนะนำให้ซื้อกาวดีๆใช้เลยเเข็งเเรงเเน่นอนเช่น titebond หรือ elmer ส่วนตัวผมใช้ titebond ultimate
3.ตะปู อันนี้เเล้วเเต่ใครจะเลือกใช้นะครับเเต่ส่วนตัวผมเลือกใช้เป็นตะปู F30 ก็ถือว่าเเข็งเเรงมากเเล้วครับ หน้าตาตะปู F ประมาณนี้ต้องใช้คู่กับปืนยิงตะปู
4.กระดาษทรายขัดไม้ เบอร์ 0 3 5 อันนี้บวกลบนิดหน่อยเเล้วเเต่งานเลย ถ้าขัดไม้อาจจะต้องใช้เบอร์หยาบหน่อยเเต่ถ้าใครใช้ MDF ก็ขัดละเอียดก็พอ ใช้ตอนขัดสีเคลือบ
5.วัสดุเคลือบ อันนี้ส่วนตัวผมเลือกสี PU น้ำสูตรภายนอก สีด้านใสของ RTB เเต่ถ้าอยากประหยัดก็มี RPS ยี่ห้อนี้ ถูกกว่าเยอะ เเต่จากที่ผมลองเนื้อฟิลม์จะเเข็งไม่เท่า RTB
*เเต่ไม่ว่าใช้ยี่ห้อไหนส่วนตัวเเนะนำให้ใช้สูตรด้านครับ ใช้แปรงทาง่ายพอมันเเห้งเเล้วก็ไม่ค่อยเห็นรอยแปรงเท่าไหร่นัก
6.ถ้าใครเลือกใช้ไม้ยางอัดประสานเเนะนำให้หาสกรู 40mm มาด้วยครับ เป็นเกลียวหยาบสำหรับงานไม้ เเต่ถ้าใช้ MDF ไม่ต้องมีสกรูก็ได้ครับกาว+ตะปูเเน่นเหลือๆ
ส่วนพวกเครื่องมือ
ที่ต้องมี คือ
1.เลื่อยวงเดือน
2.F Clamp ตัวสั้นเเละยาว
มีหรือไม่มีก็ได้เเต่ช่วยให้งานง่ายขึ้น
1.ปืนยิงตะปู //ถ้าไม่มีก็ใช้ตะปูตอกไม้ทั่วไป
2.เครื่องขัดกระดาษทราย
3.โต๊ะเลื่อย //อันนี้ถ้าไม่มีก็อาจจะต้องพลิกเเพลงขั้นตอนการตัดหน่อย
4.ไขควงไฟฟ้า
หลังจากอุปกรณ์ครบเเล้วก็เข้าสู่พาร์ทการตัดเลยโดย ชั้น 1 ตัวจะใช้ไม้ 1 เเผ่นพอดีนะครับ เพราะงั้นห้ามตัดพลาด ฮา
โดยการตัดจะเป็นแบบตามรูปที่เเนบเลยครับ ตัดเบอร์ 1 กับ 2 ก่อน กว้างชิ้นละ 18cm เเล้วค่อนตัด 3-12 กว้าง 23 เซ็น ส่วนความยาวไม่ต้องสนใจครับ ซึ่งหลังจากตัดเเล้วเราจะเหลือเศษปลายนิดนึง อันนั้นเก็บไว้ก่อนนะครับ ใครจะใช้หรือไม่ใช้อีกเรื่อง
หลังจากตัดเรียบร้อยหมดเเล้ว ผมจะค่อยเอาไม้กว้าง 23 เซ็นเข้าโต๊ะเลื่อยวงเดือนอีกที เพื่อตัดให้ความกว้างเหลือ 16cm หลังจากตัดเเล้วเราจะได้ไม้ มา 2 ชิ้นคือ ไม้ความกว้าง 16cm กับ 7cm โดยประมาณที่ยาวเท่ากัน เเล้วเราจะนำไม้ 7cm มาประกบด้านหลังไม้ 16cm เเล้วทากาวยิงตะปูยึด(เเต่ถ้าใครใช้ MDF จะลักไก่ไม้ยิงก็ได้นะครับ เพราะที่ผมลอง MDF นี่เเค่ติดกาวเเคลมป์หนีบ ก็อยู่เเล้ว) เเล้วงานที่ได้จะออกมาประมาณนี้
คำถามว่าทำไมเราถึงต้องมีติดด้านหลังแบบนี้ จริงๆเเล้วมีประโยชน์อยู่ 2 ข้อ
1.ทำให้เวลาประกอบชั้นเสร็จเเล้วชั้นไม่โยกไปด้านซ้ายขวา
2.เป็นเเนววางหนังสือชิด
ซึ่งหลังจากเราไล่ประกอบจนหมดเเล้ว สามารถทำมาทาเคลือบได้เลยครับ เเต่อย่าไปเคลือบขอบด้านข้างก็พอเดี๋ยวเวลาติดชั้นเเล้วกาวมันจะไม่มีพื้นผิวให้เกาะ
*ส่วนนี้ปัญหาที่อาจจะเจอคือ ชิ้นหลังหลังจากแปะกับเเผ่นนอนเเล้ว มันอาจจะไม่ได้ฉาก อันนี้ไม่ต้องตกใจไป ปล่อยไปเราค่อยเเก้ตอนประกอบเอาได้
ซึ่งก่อนจะเข้าสู่ขั้นตอนการประกอบชั้นจริงมีสิ่งหนึ่งที่คุณจะต้องเลือกก่อนว่าจะทำชั้นล่างสุดเป็นแบบไหนระหว่างแบบยกกับแบบเรียบพื้นไปเลย
ถ้าต้องการแบบด้านซ้ายก็ให้เอาไม้เศษที่เหลือจากตอนตัดซึ่งมันจะเหลือประมาณ 12-14 เซ็น มาซอยให้ได้ซัก 5 เซ็นเเล้วเลือกไม้ที่เราประกอบมาซักชั้น เเล้วเอาชิ้นที่ตัด มาทากาวติดด้านหลังอันนึง ด้านหน้าอันนึง ซึ่งด้านหน้าอาจจะเลื่อนเข้าไปซัก 2-3 เซ็นก็ได้
หลังจากนั้นให้เราตัดไม้ซักเเผ่นนึงครับ ให้กว้าง 13cm ยาว 23cm โดนไม้ชิ้นนี้สำคัญมากนะครับตัดให้ได้ฉากด้วยเเล้วเเล้วหลังจากนั้นเราก็จะเข้าสู่ขั้นตอนการประกอบชั้น
การประกอบให้เริ่มจากประกอบด้านล่างก่อนครับ จับขอบชนขอบ ให้หมด ทากาวเเล้วยิงตะปู ถ้าใช้ MDF ยิงไปเลยซัก 5 ตัวต่อข้าง ถ้าใช้ไม้อัดประสานยิงเเค่ให้ไม่เลื่อนก็พอครับ เพราะตรงจบที่งานสกรูอยู่ดี ซึ่งตอนประกอบพื้นชั้นเเรกสุดผมไม่ได้ถ่ายรูปไว้ ขออภัยด้วยครับ
หลังจากนั้นล่ะ ไม้ที่เราตัดไว้ขนาด 13*23 จะได้ออกโรง เเละมันจะเเก้ปัญหาเรื่อง ด้านหลังไม่ได้ฉากด้วย โดยการทำแบบนี้ครับ จับหนับเข้าไปที่ชั้นทั้ง 2 ข้างเลย
โดยขั้นตอนนี้มีอุปกรณ์ช่วยเหลืออยู่ 3 อย่าง
1.เกียง
2.ค้อนยาง
3.เเคลมป์
ข้อควรระวังเเคลมป์ตัวที่ 1 ต้องอยู่ชั้นก่อนหน้าเสมอนะครับ ห้ามเผลอเอาออก เพราะถ้าเราเอาออก ตอนเราจับไม้ถ่างเพื่อใส่ชั้นต่อไปอาจทำให้ตะปูคลายหรือกาวหลุดระหว่างที่ยังเเห้งไม่สนิทได้
วิธีการประกอบเเต่ละชั้นให้ง่ายนะครับ
1.ลองจับไม้ชั้นเอาลงไปก่อนเช็คว่าให้ลงได้ง่ายระดับนึง เวลาเราเอาลงคราบกาวจะได้ไม่เลอะเยอะ
2.ทำการทากาวทีขอบไม้ทั้ง 2 ข้าง เเล้วจับกดลงไปเลย เเล้วเช็ดคราบกาวที่ทะลักออกมาหน่อย
3.ทำการใช้เกียง ปรับระดับให้ไม้ 2 ข้างเรียบเสมอกับหน้าตู้
4.จัดการเอาเเคลมป์หนีบไม้ด้านบนเข้ามาหน่อยให้เเน่นพอประมาณ
5.ใช้ค้อนทุบไม้เข้ามาให้เรียบสนิทกับไม้ แบบทั้ง 2 ข้าง เเล้วเราก็จะได้พื้นชั้นที่ขนานกับชั้นก้อนหน้าเเบบเเป๊ะๆ
6.ทำการยิงตะปูยึดให้เเน่น เเล้วทำอย่างนี้ซ้ำไปเรื่อยๆ จนครบ 9 ชั้น
หลังจากที่เราทำครบ 9 ชั้นเเล้ว ชั้นสุดท้ายให้เราจับไม้คว่ำ เเล้วใส่เข้าไปเป็นชั้นปิดหัวด้านบนสุด ซึ่งมันจะเหลือไม้ยื่นออกมาครับให้ทำการใช้เลื่อย เลื่อยส่วนที่เกินมาออก เเล้วทำการขัดให้เรียบพอประมาณเราก็จะได้ชั้นแบบนี้มาเเล้ว
หลังจากนั้นก็ทำการทาเคลือบเก็บตามขอบให้หมด ถ้าใครใช้ MDF ก็เเทบจะถือว่าชั้นสำเร็จเเล้วครับ เเต่ถ้าใครใช้ไม้ยางอัดประสาน ท่านอาจจะพบว่า ทำไมชั้นยังเเอ่นไม่เเข็งเเรงหว่า เพราะงั้นเราถึงจะต้องมาทำการยึดสกรู ต่อครับ
โดยขั้นเเรก หาเเผ่นกระดาษมาเเผ่นนึง วัดเข้ามาด้านละ 1 เซ็นเเล้วตีเส้น เเล้วให้วัดตามเเนวเส้นไปอีกด้านละ 3 เซ็นเเล้วเจาะรูเลยครับ ก็จะได้กระดาษแบบนี้เป็นเทมเพลต ไว้ช่วยในการมาร์คจุดเจาะหลังจากนั้นก็จับขอบกระดาษ ชนกับขอบเเต่ละชั้น เเล้วเอาตะปูมาตอก เพื่อเป็นการมาร์คตำเเหน่งเจาะได้เลย
โดยขั้นตอนการเจาะเนี่ยจะต้องบอกก่อนว่าค่อนข้างยุ่งยากนิดหน่อย เเต่เพื่อความเเข็งเเรงควรเจาะให้ถูกวิธีครับ
โดยเราจะเลือกใช้สกรูเบอร์ 5 หรือ 6 ยาว 40มิล โดยเเต่ละรูเราจะเจาะทั้งหมด 3 ครั้ง
1.เจาะผ่านให้ใช้ดอกสว่านเบอร์ 4 เจาะลึกเข้าไป 2 เซ็นโดยไม่ต้องให้กินไม้อีกเเผ่น ซึ่งสกรูจะต้องผ่านเข้าออกไม้เเผ่นเเรกได้อิสระ
2.เจาะนำ ให้ใช้ดอกสว่านเบอร์ 2 เจาะซ้ำเข้าไปโดยให้เเผ่นที่ 2 ทะลุลงไปอีกประมาณ 1-1.5 เซ็น
3.เจาะฝังหัว เราจะใช้ว่านเบอร์ 5 หรือ 6 เจาะตื้นๆ เพื่อให้หัวสกรูฝังลงไปในไม้ได้ //ถ้าใครรู้สึกคุมยากเพราะเจาะแปปเดียวมันเผลอกินไปลึกเเนะนำให้ลองปรับเเรงบิดให้ตำดู เเล้วหัวมันจะล็อกเองตอนลงไปได้นิดเดียว
หลังจากนั้นก็ใส่สกรูเเล้วขันยึดเลยครับ ซึ่งในขั้นตอนนี้ขอเเนะนำให้ดูให้ดีนะครับว่าสกรูที่ท่านซื้อมาเป็นหัว phillip หรือ pozidrive ซึ่งส่วนมากสกรูขันไม้มันเป็น pozidrive ครับถ้าใครเอาหัวไขควง PH มาขันนี่ ขันกันตายเลยเเรงหายไปเยอะมากต้องออกเเรงกดเยอะ เเละพาหัวสกรูพังอีก เพราะงั้นควรเช็คให้ดีก่อนครับ
หลังจากขันยึดเสร็จเเล้วเราก็จะได้ชั้นหนังสือที่เกือบสมบูรณ์แบบมาตัวเเต่มันยังมีปัญหาอีกนิดครับคือ เนื่องจากความลึกมันเเค่ 18 เซ็นเเต่สูงล่อไปเกือบ 240 เซ็น มันก็จะยังมีโอกาศเอนหน้าอยู่ครับ เพราะงั้นผมเเนะนำให้หาพวกโฟมติดใต้ตู้เฟอร์นิเจอร์อะไรพวกนี้มาติดเพื่อให้ตู้เอนไปข้างหลังเเล้วจับจนกำเเพงมันก็จะไม่ต้องห่วงเรื่องเอนมาข้างหน้าได้ระดับนึงเลย เเต่ถ้าอยากให้ชัวร์กว่านั้นก็หาเหล็กฉากยึดด้านบนกับกำเเพงซัก 2 จุดก็จะเเข็งเเรงมากจนไม่มีอะไรให้ห่วงอีกเเล้ว ซึ่งส่วนตัวผมได้ทำทั้งแบบใช้ MDF ด้วยว่ากันตามตรงรู้สึก MDF แข็งเเรงกว่าเยอะเลย
สุดท้ายทดสอบความเเข็งเเรง
ส่วนนี้เอาจริงลองทดสอบใช้มังงะเด็กดี ที่รู้ๆกันอยู่ว่าเล่มนึงหนักมาก เล่มนึงตั้งเเต่ 300-500 กรัมเลยทีเดียว พบว่าก็ไม่มีปัญหาเเอ่นให้เห็นเลย
ส่วนถ้ากับพวกมังงะทั่วไปนี่สบายเลยครับใส่ยังไงก็ไม่มีปัญหา
อัพเดตเพิ่มเติม สำหรับราคารวมทั้งหมดให้ประมาณก็ค่าวัสดุอื่นๆ นอกจากไม้ตีไปตกเฉลี่ย 400-500 บาทส่วนค่าไม้
MDF 460 บาท
ไม้ยางพารา 1490 บาท
ขอจบกระทู้เเต่เพียงเท่านี้ ใครมีคำถามอะไรทิ้งไว้ได้เลยครับ