ผมเห็นจากหลาย ๆ เว็บไซต์ ครูหลาย ๆ คนที่สอนและออกข้อสอบมา เรื่อง เงินเฟ้อ

" ลูกหนี้ จะได้เปรียบแต่ เจ้าหนี้ จะเสียเปรียบ เนื่องจากเจ้าหนี้ได้รับจำนวนเงินจากลูกหนี้เท่าเดิมแต่เจ้าหนี้ได้รับเงินที่มีค่าลดลง ทำให้ใช้จ่ายได้น้อยลง " 

หรือจากบทความจากเว็บไซต์หนึ่ง 
" เดิมลูกหนี้จ่ายหนี้ให้เจ้าหนี้ 50 บาท โดยตอนนนั้นยังไม่เกิดภาวะเงินเฟ้อ เจ้าหนี้ได้รับเงินจากลูกหนี้ 50 บาท ซื้อข้าวได้ 2 ลิตร(ลิตรละ 25 บาท) ต่อมาเมื่อเกิดภาวะเงินเฟ้อ ราคาข้าวปรับราคาสูงขึ้นจากลิตรละ 25 บาทเป็นลิตรละ 30 บาท และเมื่อเจ้าหนี้ได้เงินจากลูกหนี้ 50 บาทเท่าเดิม เงิน 50 บาทตอนนี้ไม่สามารถซื้อข้าวได้ 2 ลิตรเหมือนเดิมละ (เสมือนเงิน 50 บาทช่วงที่เกิดเงินเฟ้อนี้มีค่าน้อยลงนั้นเอง)
ดังนั้นลูกหนี้เสมือนจ่ายเงินน้อยลง(เทียบกับมูลค่าราคาที่ซื้อข้าวได้) และเจ้าหนี้เสียเปรียบเพราะเสมือนได้เงินมาน้อยลง (เทียบมูลค่าราคาที่ซื้อข้าวได้) "

จากที่ผมลองคิดมาลูกหนี้จะได้เปรียบอย่างไรในเมื่อลูกหนี้ก็ต้องใช้จ่ายเช่นเดียวกับเจ้าหนี้ ถ้าอยู่ในสถานการณ์เงินเฟ้อเช่นเดียวกับเจ้าหนี้อีก หนี้ก็ต้องจ่าย ข้าวของก็แพงขึ้น จากที่เห็นเจ้าหนี้เสียผลประโยชน์แน่นอน แต่ก็ยังไม่เห็นผลประโยชน์ที่ลูกหนี้ได้รับ

ถ้าลองคิดดูในอีกแง่ ลูกหนี้อาจจะเป็น นักธุรกิจ หรือพ่อค้า อาจได้รับผลประโยชน์จากส่วนนี้

แต่ถ้าลองคิดดูว่าถ้าลูกหนี้เป็นผู้ที่มีรายได้ประจำหละ? ได้เงินเท่าเดิม ก็เอาไป จ่ายหนี้+ใช้จ่ายในชีวิตประจำวัน ในขณะที่ข้าวของมันแพงขึ้น เหมือนจะเสียผลประโยชน์ซะด้วยซ้ำ

หรืออาจคิดได้ไกลกว่านั้น ลูกหนี้ กับ เจ้าหนี้ อยู่คนละประเทศ คิดได้หลายกรณีแต่ผมยังไม่ได้เรียนถึงขนาดนั้นฉะนั้นผมจะยังไม่ยกตัวอย่างละกัน หรือถ้ามีคนยกตัวอย่างให้โดยมีเงื่อนไขบอกจะขอบคุณมากครับ

หรืออาจจะคิดได้อีกแง่ว่า " ลูกหนี้ จ่ายหนี้เท่าเดิมแต่ค่าของเงินน้อยลง เจ้าหนี้เอาไปซื้อของได้น้อยลง "จากข้อสอบที่ผมนั่งแก้อยู่)  ลูกหนี้อาจจะเป็นแบบว่าเห็นเจ้าหนี้เอาไปใช้ได้น้อยลง เลยมีความสะใจนิด ๆ หรือมีความสุขนิด ๆ จากภาวะเงินเฟ้องั้นหรือ เผลอ ๆ มีดอกเบี้ยอีก

จากที่บอกว่า " ลูกหนี้เสมือนจ่ายเงินน้อยลง " แต่ก็ต้องจ่ายเงินที่เราต้องเอาไปใช้อยู่ดี จะเอาไปออมก็จะไม่พอใช้ในบางราย

ขอความกรุณาใครก็ได้ช่วยทำให้ผมรู้กระจ่างชัดหน่อยครับ ขอบคุณครับ