ในวัยเด็ก
ครอบครัวผมเป็นคนไทยเชื้อสายจีน
ผมจึงได้เติบโตมาในสังคมพหุวัฒนธรรม
กล่าวคือเรียนรู้ว่าคนในวัฒนธรรมต่างๆ
ก็จะมีการปฏิบัติตัวเพื่อแสดงออกต่อสิ่งที่อยู่ในใจไม่เหมือนกัน
(ยกตัวอย่างเช่นการจับหัวการเอาขาชี้
ในบางวัฒนธรรมถือเป็นเรื่องยอมรับไม่ได้
ในบางวัฒนธรรมถือเป็นเรื่องธรรมดาเป็นต้น)
ตัวผมเอง ก็สมาทานศาสนาพุทธ
สมัยเด็ก ชอบไหว้พระ ใส่สายสิญจน์ผูกไว้ที่ข้อมือ
จำได้ว่ามีอยู่คราวหนึ่งเมื่ออายุห้าขวบ
สายสิญจน์เกิดขาด
สายสิญจน์ ดังกล่าว เป็นจีวรพระ
ด้วยความว่าตามประเพณีจีนเวลาเราจะถวายของให้แก่เซียนหรือเจ้า
เรามักจะใช้วิธีเผาด้วยความเคารพและความเชื่อที่ว่าของนั้นจะขึ้นสู่สวรรค์
น้อมถวายแด่เทพเทวดาเจ้าและสิ่งศักดิ์สิทธิ์ทั้งหลาย
ดังนั้นผมจึงถามผู้ใหญ่ไปบ้านว่าสายสิญจน์ขาดแล้วควรจะนำไปทิ้งขยะ
หรือทำประการใดกับสายสิญจน์นั้นดี เพื่อที่จะไม่เป็นบาป
ทางญาติผู้ใหญ่ก็แนะนำให้เอาไปเผา
เพื่อน้อมถวายคืนพระในสวรรค์
แต่เมื่อผมนำสายสิญจน์ไปเผา
พี่สาวซึ่งเกิดเมืองไทยและคุ้นเคยกับวัฒนธรรมไทยก็ทำท่าตกใจ
และเข้ามาตีมือผมอย่างแรงพร้อมทั้งด่าว่าทำลายพระศาสนา
อันนี้เป็นตัวอย่างของวัฒนธรรมที่แตกต่างกัน
เชื่อว่าในคำสอนทางศาสนาพุทธ การทำลายศาสนวัตถุเป็นเรื่องบาป
แต่ในพระสูตร เคยมีกรณี นางสนมคนหนึ่งเผากองฟาง
ลามไปถึงพระปัจเจกพุทธเจ้าที่นั่งสมาธิอยู่หลังกองฟาง
กรณีนางสนมมิได้มีความตั้งใจในตอนแรกนั้นจึงไม่บาป
ดังนั้นการวางใจในทางศาสนาพุทธจึงเป็นเรื่องสำคัญ
การกระทำหนึ่งถ้ากระทำด้วยความบริสุทธิ์ใจ
ถึงการกระทำนั้นจะเผาร่างกายพระปัจเจกพระพุทธเจ้าก็ไม่ใช่เป็นเรื่องบาป
ในทางตรงข้ามหากแม้นขณะมือยกไหว้พระพุทธรูปแต่ถ้าในใจคิดด่าทออันนั้นก็ถือเป็นบาป
การทุบทำลาย พระพุทธรูป หรือ ผ้าเหลืองในพระพุทธศาสนา
ครอบครัวผมเป็นคนไทยเชื้อสายจีน
ผมจึงได้เติบโตมาในสังคมพหุวัฒนธรรม
กล่าวคือเรียนรู้ว่าคนในวัฒนธรรมต่างๆ
ก็จะมีการปฏิบัติตัวเพื่อแสดงออกต่อสิ่งที่อยู่ในใจไม่เหมือนกัน
(ยกตัวอย่างเช่นการจับหัวการเอาขาชี้
ในบางวัฒนธรรมถือเป็นเรื่องยอมรับไม่ได้
ในบางวัฒนธรรมถือเป็นเรื่องธรรมดาเป็นต้น)
ตัวผมเอง ก็สมาทานศาสนาพุทธ
สมัยเด็ก ชอบไหว้พระ ใส่สายสิญจน์ผูกไว้ที่ข้อมือ
จำได้ว่ามีอยู่คราวหนึ่งเมื่ออายุห้าขวบ
สายสิญจน์เกิดขาด
สายสิญจน์ ดังกล่าว เป็นจีวรพระ
ด้วยความว่าตามประเพณีจีนเวลาเราจะถวายของให้แก่เซียนหรือเจ้า
เรามักจะใช้วิธีเผาด้วยความเคารพและความเชื่อที่ว่าของนั้นจะขึ้นสู่สวรรค์
น้อมถวายแด่เทพเทวดาเจ้าและสิ่งศักดิ์สิทธิ์ทั้งหลาย
ดังนั้นผมจึงถามผู้ใหญ่ไปบ้านว่าสายสิญจน์ขาดแล้วควรจะนำไปทิ้งขยะ
หรือทำประการใดกับสายสิญจน์นั้นดี เพื่อที่จะไม่เป็นบาป
ทางญาติผู้ใหญ่ก็แนะนำให้เอาไปเผา
เพื่อน้อมถวายคืนพระในสวรรค์
แต่เมื่อผมนำสายสิญจน์ไปเผา
พี่สาวซึ่งเกิดเมืองไทยและคุ้นเคยกับวัฒนธรรมไทยก็ทำท่าตกใจ
และเข้ามาตีมือผมอย่างแรงพร้อมทั้งด่าว่าทำลายพระศาสนา
อันนี้เป็นตัวอย่างของวัฒนธรรมที่แตกต่างกัน
เชื่อว่าในคำสอนทางศาสนาพุทธ การทำลายศาสนวัตถุเป็นเรื่องบาป
แต่ในพระสูตร เคยมีกรณี นางสนมคนหนึ่งเผากองฟาง
ลามไปถึงพระปัจเจกพุทธเจ้าที่นั่งสมาธิอยู่หลังกองฟาง
กรณีนางสนมมิได้มีความตั้งใจในตอนแรกนั้นจึงไม่บาป
ดังนั้นการวางใจในทางศาสนาพุทธจึงเป็นเรื่องสำคัญ
การกระทำหนึ่งถ้ากระทำด้วยความบริสุทธิ์ใจ
ถึงการกระทำนั้นจะเผาร่างกายพระปัจเจกพระพุทธเจ้าก็ไม่ใช่เป็นเรื่องบาป
ในทางตรงข้ามหากแม้นขณะมือยกไหว้พระพุทธรูปแต่ถ้าในใจคิดด่าทออันนั้นก็ถือเป็นบาป