จาตุรนต์ เล่าเรื่องเด็กแปดริ้วอดเป็นตร. เทียบสองมาตรฐาน รมต.คนดัง อ้างพรบ.ล้างมลทิน
https://www.matichon.co.th/politics/news_1669349
เมื่อวันที่ 13 ก.ย. นาย
จาตุรนต์ ฉายแสง อดีตรองนายกรัฐมนตรี แสดงความเห็น กรณีหนึ่งในคณะรัฐมนตรีของไทย ถูกสื่อต่างชาติเปิดเผยเรื่องราวการถุกจำคุกในข้อหายาเสพติด โดยระบุว่า
เห็นข่าวเรื่องแมวเก้าชีวิต บอกว่าได้รับอานิสงค์จากกฎหมายล้างมลทินมาหลายครั้ง ทำให้ผมนึกถึงประสบการณ์เมื่อสมัยเป็นสส.สมัยแรกๆที่จำได้เพราะเป็นเรื่องที่พยายามช่วยคนๆ นึง แต่ไม่สำเร็จอย่างน่าเสียดาย
เรื่องมีอยู่ว่าชายหนุ่มชาวแปดริ้วคนหนึ่งไปสอบเข้าเป็นตำรวจ สอบข้อเขียนผ่าน แต่ตกสัมภาษณ์ ทราบเหตุผลว่ากรรมการให้ตกเพราะมีประวัติตอนเด็กๆเคยถูกจับเล่นการพนัน ”กุ้งหอยปูปลา”(เป็นชื่อการพนัน เล่นยังไงจนบัดนี้ผมก็ยังไม่รู้ ) ก่อนที่จะมีการสอบรับคนเข้าเป็นตำรวจครั้งนั้น มีการออกกฎหมายล้างมลทินฉบับหนึ่ง ผู้ที่ให้คำแนะนำแก่หนุ่มคนนี้ก็ให้ความเห็นว่า เขาน่าจะได้รับอานิสงส์จากกฎหมายล้างมลทิน น่าจะไม่มีปัญหาในการเข้าเป็นตำรวจ ควรจะไปร้องเรียนขอความเป็นธรรม
เมื่อชายคนนี้มาปรึกษาผม ผมก็ได้ไปปรึกษาผู้บัญชาการศึกษาของกรมตำรวจในขณะนั้น ก็ได้รับคำชี้แจงว่าไม่สามารถแก้ไขอะไรได้แล้วเพราะผ่านไปแล้ว
พร้อมทั้งยืนยันว่าทางคณะกรรมการสอบคัดเลือกได้ตัดสินไปชอบแล้ว เนื่องจากการเล่นการพนันเป็นความประพฤติที่ไม่เหมาะสม ชายคนนี้จึงไม่ได้รับการคัดเลือก
ผมได้แนะนำให้ชายคนนี้ร้องต่อคณะกรรมการวินิจฉัยร้องทุกข์ซึ่งอยู่ที่กฎษฎีกา (ขณะนั้นยังไม่มีศาลปกครอง) ซึ่งต่อมาคณะกรรมการฯก็วินิจฉัยว่าการตัดสินของทางตำรวจนั้นชอบแล้ว ให้เหตุผลว่าแม้ชายคนนี้ได้รับผลจากกฎหมายล้างมลทินแล้วก็จริง แต่กรมตำรวจก็สามารถอาศัยข้อเท็จจริงที่ว่าชายคนนี้เคยถูกจับและถูกลงโทษฐานเล่นการพนันมาเป็นเหตุผลว่าเป็นความประพฤติที่ไม่เหมาะสมได้ และการมีกฎหมายล้างมลทินไม่ทำให้เกิดสิทธิ์ที่จะเรียกร้องใดๆแก่ผู้ที่ได้รับการล้างมลทิน
ผมไม่เห็นด้วยกับการตัดสินของทั้งตำรวจและคณะวินิจฉัยร้องทุกข์ เพราะเห็นว่าการอ้างข้อเท็จจริงจากกรณีที่ทางกฎหมายถือว่าไม่เคยเกิดขึ้นไม่น่าจะทำได้
และเห็นว่าการที่ชายคนนี้เล่นการพนันเล็กน้อยเมื่อครั้งเป็นเด็กเล็กๆไม่น่าจะเอามาใช้เป็นเหตุตัดอนาคตของคนๆหนึ่ง แต่คำวินิจฉัยของคณะกรรมการวินิจฉัยร้องทุกข์ก็เป็นที่สิ้นสุด เรื่องจึงยุติไปตามนั้น
เมื่อมาเทียบกับกรณีแมวเก้าชีวิตที่กำลังอื้อฉาวอยู่ก็จะเห็นว่า ต่างกันมากจริงๆ ทำไมผู้ที่ถูกปลดออกจากราชการ ถูกถอดยศจึงสามารถกลับเข้ารับราชการและได้รับยศคืนหรือยศใหม่ได้เป็นว่าเล่นด้วยข้ออ้างต่างๆนานารวมทั้งการได้รับอานิสงส์จากกฎหมายล้างมลทิน ทำไมบรรทัดฐานช่างต่างกันมากขนาดนี้
ยังไม่นับเรื่องคดีอื้อฉาวที่กำลังเป็นที่สนใจอยู่ ถ้าหากว่า ข่าวจากสื่อมวลชนต่างประเทศเป็นเรื่องจริง รัฐธรรมนูญกำหนดลักษณะต้องห้ามไว้ข้อหนึ่งว่าต้องไม่เคยต้องคำพิพากษาถึงที่สุดว่ากระทำผิดในเรื่องที่เกี่ยวกับยาเสพติด
การได้รับอานิสงค์จากกฎหมายล้างมลทินจะทำให้พ้นจากการมีลักษณะต้องห้ามได้หรือไม่ ก็ยังเป็นเรื่องที่น่าคิดกันต่อไป ถึงแม้ว่าดูเหมือนเรื่องนี้จะเอาหลักเกณฑ์อะไรไปจับก็ยากเต็มทีแล้วก็ตาม
แต่สำคัญกว่าอย่างอื่นทั้งหมดก็คือ สังคมไทยควรจะได้รับรู้ความจริงว่า รัฐมนตรีที่กำลังตกเป็นข่าวอยู่นี้ตกลงเคยต้องคำพิพากษาให้จำคุกหรือไม่ ในเรื่องใด
ผู้ที่ควรหาหลักฐานมาเปิดเผยต่อสาธารณชนมากที่สุดก็คือ นายกรัฐมนตรีครับ
https://www.facebook.com/Chaturon.FanPage/photos/a.10151381803952359/10157601796912359/?type=3&theater
JJNY : จาตุรนต์ เล่าเรื่องเด็กแปดริ้วอดเป็นตร. เทียบสองมาตรฐานฯ/'สมชัย' ร่วมแฉ ม.แคลิฟอร์เนีย แค่มูลนิธิรับรองวิทยฐานะฯ
https://www.matichon.co.th/politics/news_1669349
เมื่อวันที่ 13 ก.ย. นายจาตุรนต์ ฉายแสง อดีตรองนายกรัฐมนตรี แสดงความเห็น กรณีหนึ่งในคณะรัฐมนตรีของไทย ถูกสื่อต่างชาติเปิดเผยเรื่องราวการถุกจำคุกในข้อหายาเสพติด โดยระบุว่า
เห็นข่าวเรื่องแมวเก้าชีวิต บอกว่าได้รับอานิสงค์จากกฎหมายล้างมลทินมาหลายครั้ง ทำให้ผมนึกถึงประสบการณ์เมื่อสมัยเป็นสส.สมัยแรกๆที่จำได้เพราะเป็นเรื่องที่พยายามช่วยคนๆ นึง แต่ไม่สำเร็จอย่างน่าเสียดาย
เรื่องมีอยู่ว่าชายหนุ่มชาวแปดริ้วคนหนึ่งไปสอบเข้าเป็นตำรวจ สอบข้อเขียนผ่าน แต่ตกสัมภาษณ์ ทราบเหตุผลว่ากรรมการให้ตกเพราะมีประวัติตอนเด็กๆเคยถูกจับเล่นการพนัน ”กุ้งหอยปูปลา”(เป็นชื่อการพนัน เล่นยังไงจนบัดนี้ผมก็ยังไม่รู้ ) ก่อนที่จะมีการสอบรับคนเข้าเป็นตำรวจครั้งนั้น มีการออกกฎหมายล้างมลทินฉบับหนึ่ง ผู้ที่ให้คำแนะนำแก่หนุ่มคนนี้ก็ให้ความเห็นว่า เขาน่าจะได้รับอานิสงส์จากกฎหมายล้างมลทิน น่าจะไม่มีปัญหาในการเข้าเป็นตำรวจ ควรจะไปร้องเรียนขอความเป็นธรรม
เมื่อชายคนนี้มาปรึกษาผม ผมก็ได้ไปปรึกษาผู้บัญชาการศึกษาของกรมตำรวจในขณะนั้น ก็ได้รับคำชี้แจงว่าไม่สามารถแก้ไขอะไรได้แล้วเพราะผ่านไปแล้ว
พร้อมทั้งยืนยันว่าทางคณะกรรมการสอบคัดเลือกได้ตัดสินไปชอบแล้ว เนื่องจากการเล่นการพนันเป็นความประพฤติที่ไม่เหมาะสม ชายคนนี้จึงไม่ได้รับการคัดเลือก
ผมได้แนะนำให้ชายคนนี้ร้องต่อคณะกรรมการวินิจฉัยร้องทุกข์ซึ่งอยู่ที่กฎษฎีกา (ขณะนั้นยังไม่มีศาลปกครอง) ซึ่งต่อมาคณะกรรมการฯก็วินิจฉัยว่าการตัดสินของทางตำรวจนั้นชอบแล้ว ให้เหตุผลว่าแม้ชายคนนี้ได้รับผลจากกฎหมายล้างมลทินแล้วก็จริง แต่กรมตำรวจก็สามารถอาศัยข้อเท็จจริงที่ว่าชายคนนี้เคยถูกจับและถูกลงโทษฐานเล่นการพนันมาเป็นเหตุผลว่าเป็นความประพฤติที่ไม่เหมาะสมได้ และการมีกฎหมายล้างมลทินไม่ทำให้เกิดสิทธิ์ที่จะเรียกร้องใดๆแก่ผู้ที่ได้รับการล้างมลทิน
ผมไม่เห็นด้วยกับการตัดสินของทั้งตำรวจและคณะวินิจฉัยร้องทุกข์ เพราะเห็นว่าการอ้างข้อเท็จจริงจากกรณีที่ทางกฎหมายถือว่าไม่เคยเกิดขึ้นไม่น่าจะทำได้
และเห็นว่าการที่ชายคนนี้เล่นการพนันเล็กน้อยเมื่อครั้งเป็นเด็กเล็กๆไม่น่าจะเอามาใช้เป็นเหตุตัดอนาคตของคนๆหนึ่ง แต่คำวินิจฉัยของคณะกรรมการวินิจฉัยร้องทุกข์ก็เป็นที่สิ้นสุด เรื่องจึงยุติไปตามนั้น
เมื่อมาเทียบกับกรณีแมวเก้าชีวิตที่กำลังอื้อฉาวอยู่ก็จะเห็นว่า ต่างกันมากจริงๆ ทำไมผู้ที่ถูกปลดออกจากราชการ ถูกถอดยศจึงสามารถกลับเข้ารับราชการและได้รับยศคืนหรือยศใหม่ได้เป็นว่าเล่นด้วยข้ออ้างต่างๆนานารวมทั้งการได้รับอานิสงส์จากกฎหมายล้างมลทิน ทำไมบรรทัดฐานช่างต่างกันมากขนาดนี้
ยังไม่นับเรื่องคดีอื้อฉาวที่กำลังเป็นที่สนใจอยู่ ถ้าหากว่า ข่าวจากสื่อมวลชนต่างประเทศเป็นเรื่องจริง รัฐธรรมนูญกำหนดลักษณะต้องห้ามไว้ข้อหนึ่งว่าต้องไม่เคยต้องคำพิพากษาถึงที่สุดว่ากระทำผิดในเรื่องที่เกี่ยวกับยาเสพติด
การได้รับอานิสงค์จากกฎหมายล้างมลทินจะทำให้พ้นจากการมีลักษณะต้องห้ามได้หรือไม่ ก็ยังเป็นเรื่องที่น่าคิดกันต่อไป ถึงแม้ว่าดูเหมือนเรื่องนี้จะเอาหลักเกณฑ์อะไรไปจับก็ยากเต็มทีแล้วก็ตาม
แต่สำคัญกว่าอย่างอื่นทั้งหมดก็คือ สังคมไทยควรจะได้รับรู้ความจริงว่า รัฐมนตรีที่กำลังตกเป็นข่าวอยู่นี้ตกลงเคยต้องคำพิพากษาให้จำคุกหรือไม่ ในเรื่องใด
ผู้ที่ควรหาหลักฐานมาเปิดเผยต่อสาธารณชนมากที่สุดก็คือ นายกรัฐมนตรีครับ
https://www.facebook.com/Chaturon.FanPage/photos/a.10151381803952359/10157601796912359/?type=3&theater