สวัสดีค่ะ วันนี้ขอมาแชร์ประสบการณ์ยื่นขอวีซ่า UK บ้างนะคะ
หลังจากอาศัยข้อมูลจากชาวพันทิปมาช่วยเราเตรียมตัวได้เยอะมาก
เลยอยากมาช่วยแชร์ประสบการณ์ของตัวเองบ้าง เผื่อเป็นประโยชน์กับสมาชิกท่านอื่นๆต่อไปค่ะ
เรายื่นขอวีซ่า UK เพื่อไปเที่ยวและไปหาแฟนที่เรียนอยู่ด้วยค่ะจึงเป็นวีซ่าแบบ Standard visit 6 เดือนค่ะ
โดยเดินทางกัน 3 คนกับคุณแม่แฟนและน้องสาวแฟนค่ะ
***ในครั้งนี้เราทำการยื่นขอล่วงหน้าเกิน 90 วันค่ะ***
โดยใบสมัครเราระบุวันเดินทางคือเดือนธันวาคม 2019 ตามจริง และเราได้ทำการสมัครและจ่ายเงินในเดือนสิงหาคม 2019
มาเริ่มกันเลยนะคะ...
ก่อนอื่นต้องบอกว่านี่เป็นครั้งที่ 2 ค่ะในการขอวีซ่าUK ของเรา
สำหรับครั้งแรกนั้นเราขอเมื่อ 9 ปีที่แล้วสมัยเรียนป.ตรีค่ะ น๊านนานนนน
นานมากจนระบบพิจารณาวีซ่าเปลี่ยนไปมากมาย เดิมเคยขอวีซ่าจาก www.visa4uk.fco.gov.uk
ในครั้งนี้เราสมัครผ่านระบบ new service ค่ะ จะเป็นเว็บนี้แทนค่ะ
https://www.gov.uk/apply-to-come-to-the-uk พบกับหน้าตาระบบที่ไม่คุ้นเคย ไล่อ่านไปจนเจอหัวข้อ
If you want to visit the UK, Check which visa you need to visit the UK:
เราเลือก for a holiday or to see family or friends ค่ะ แล้วกด Apply ค่ะ
ระบบจะพามาหน้าให้เลือกภาษา ซึ่งมีภาษาไทยด้วย
แต่อย่างไรก็ตาม เราต้องกรอกข้อมูลเป็นภาษาอังกฤษเท่านั้นนะคะ
จากนั้นก็กรอกข้อมูลไร่เรียงมาตามที่ระบบถามเลยค่ะ ระหว่างนี้เราสามารถหยุดพัก
แล้วกลับมากรอกใหม่ภายหลังได้เสมอ หากข้อมูลยังไม่พร้อม หรือมีการแก้ไขเปลี่ยนแปลงข้อมูล
โดยกดบันทึกไว้ และให้ระบบส่ง link มาที่อีเมลล์ค่ะ เมื่อจะกลับไปกรอกอีก ก็เข้าจาก link นั้นได้เลย
เมื่อกรอกวีซ่าเสร็จสมบูรณ์แล้ว ชำระเงินเรียบร้อย (121 USD) ขั้นตอนต่อไปคือนัดวันเข้าไปส่งเอกสาร
และเก็บbio ค่ะ โดยจะมี link ให้เรากดนำไปสู่เว็บไซต์ของ vfs ตัวแทนในการส่งเอกสารของเราไปพิจารณาขอวีซ่า
ที่อินเดียอีกทีค่ะ ซึ่งระบบนัดของ vfs นี้ค่อนข้างไม่เสถียรค่ะ เราเองเจอปัญหาว่ากรอก passwordผิด
ทั้งที่เราก็กรอกเหมือนเดิม แต่ทราบภายหลังว่าจริงๆแล้ว password สำหรับเว็บของ vfs คนละตัว
กับเว็บของUKVI ดังนั้นใครเจอปัญหานี้ ให้กด reset password ไปเลยค่ะ
แล้วจะได้รับ link ทางอีเมลล์มาตั้ง password ใหม่ ถ้าจะให้ง่ายๆก็ตั้งเป็น password เดียวกันกับเว็บUKVI
ที่เรากรอกขอวีซ่าค่ะ จากนั้นเราก็เลือกบริการเสริมค่าสแกนเอกสาร 460บาท (เบื่อความไม่เสถียรจึงใช้เงินแก้ปัญหา)
และเลือกวันนัด พบว่าใน 1 อาทิตย์ข้างหน้าวันเวลาที่นัดแบบไม่เสียเงินคือไม่มีเหลือแล้วค่ะ
เหลือแต่เวลาที่เสียเงินซึ่งจะขึ้นเป็นสีส้มและสีม่วง ถ้าเลือกอันนี้จะเสียเงินเพิ่มนะคะ
แต่เรารอได้ค่ะไม่รีบ ก็กดไปจนเจอเวลาสีดำนั่นคือวันเวลาว่างที่ไม่เสียเงินค่ะ
สรุปเราได้นัดเวลา 09.30 ของวันที่ 26/08/2019 ค่ะ
ทั้งหมดนี้เรานัดเวลาให้กับคุณแม่แฟนและน้องสาวแฟนไปยื่นวันเดียวกันด้วย
ได้เวลาไล่เลี่ยกันค่ะ คือ 09.45 และ 10.15 พอวันจริงไปแจ้งเจ้าหน้าที่ว่ามาด้วยกัน
สามารถขึ้นตึกพร้อมกันได้ค่ะ โดยยึดเวลาของคนแรกซึ่งก็คือ 09.30 ค่ะ
พอถึงวันนัดเราไปถึงที่ตึกเทรนดี้ ก่อนเวลาเกือบ 1 ชั่วโมงค่ะ
แต่ก็ต้องรอตามเวลานัดจึงจะขึ้นตึกได้ จะเห็นว่ามีคนมาต่อแถวยาวมากนั่นคือแถว walk-in ค่ะ
เมื่อถึงเวลานัดเราก็ไปที่เคาท์เตอร์ จะมีเคาท์เตอร์ UK กับ Australia
นะคะนั่งอยู่ติดกันเจ้าหน้าที่ก็จะเช็คใบนัดของเราแล้วให้ขึ้นลิฟท์ด้านหลังไปชั้น 28 ค่ะ
เมื่อมาถึงชั้น 28 ผ่านเครื่องสแกนร่างกายเรียบร้อยก็ถูกส่งไปเคาท์เตอร์เรียงเอกสาร
และเซ็นหนังสือยินยอมต่างๆของ vfs ค่ะ โดยเจ้าหน้าที่จะจัดเรียงเอกสารโดยมีใบคั่นบาร์โค้ด ตรงนี้เราเตรียมเองค่ะ
จริงๆเจ้าใบบาร์โค้ดนี้เจ้าหน้าที่เค้ามีให้นะคะ สุดท้ายเค้าเรียงเอกสารให้เราเร็วมาก มีสลับให้นิดหน่อยค่ะ
แล้วเจ้าหน้าที่ก็จะเขียนใน checklist ว่ามี additional doc อะไรบ้างและให้เราเซ็นชื่อค่ะพร้อมให้บัตรคิวเรา
พอถึงตรงนี้เราได้ถูกแยกคิวกับ คุณแม่แฟนและน้องสาวแฟนแล้วค่ะ โดย2คนนั้นเป็นครอบครัวเดียวกัน
เค้าให้เป็นคิวเดียวกัน ส่วนเราแม้จะไปด้วยกันแต่ต้องแยกคิวออกมาค่ะ
เมื่อได้บัตรคิวแล้วผ่านประตูเข้าไปด้านในเพื่อยื่นเอกสารให้สแกนค่ะ
เข้าไป UK เดินเข้าไปในสุดนะคะ ตรงนี้จะเดินผ่านโซนของ Australia ก่อนนะคะ
รอเรียกคิว เจ้าหน้าที่จะถามว่ามารับเองหรือจัดส่งไปรษณีย์ เราเลือกจัดส่งไปรษณีย์
ก็ชำระเพิ่มอีก 280 บาทค่ะ เราไม่ได้ซื้อ sms ค่ะ เพราะทราบว่ายังไงก็ได้รับ e-mail แจ้งอยู่ดี
รอสแกนเอกสารประมาณ 5 นาทีก็ไปเก็บ biometric ต่อเป็นอันเสร็จค่ะ
เราใช้เวลาทั้งหมดประมาณหนึ่งชั่วโมงค่ะนับจากขึ้นตึกไป
จากนั้นก็กลับมานอนรอวีซ่าที่บ้าน ผ่านไป 11 วันทำการ
บ่ายของวันที่ 10/09/2019 เราก็ได้รับอีเมลล์จาก crmadmin@vfsglobal.com ค่ะ
ว่าเล่มเราได้รับการพิจารณาเสร็จแล้ว เราก็ลองเอาเลขแทรคไปรษณีย์ไปดูในระบบก็ยังไม่ขึ้นค่ะ
จนวันถัดมา วันที่ 11/09/2019 เราได้อีเมลล์อีกฉบับจาก
bangkvisainfo@fco.gov.uk ด้วยข้อความคล้ายๆกันคือเล่มส่งคืนมาแล้ว
ตอนแรกที่เห็นอีเมลล์เด้งมาคือตกใจเลย ทำไมมีอีกเมลล์มาล่ะ หรือจะเป็นเมลล์แจ้งปฏิเสธวีซ่า
เพราะเราเห็นมีคนได้รับอีเมลล์แจ้งปฏิเสธวีซ่า ซึ่งปกติถ้าวีซ่าไม่ผ่านจะรู้เมื่อรับเล่มและจะมีกระดาษ A4 แจ้งเหตุผลมา
แต่ล่าสุดเห็นมีคนได้มาเป็นอีเมลล์เลย เราก็หลอนสิคะ รีบเปิดอ่านแล้วก็โล่งใจไปไม่มีอะไร
ในเย็นวันนั้นเลขแทรคไปรษณีย์ของเราก็ขึ้นว่ารับเข้าระบบค่ะ
และไปรษณีย์ได้มาส่งให้บ่ายๆของวันถัดมา วันที่ 12/09/2019 ค่ะ
สรุป เราได้รับวีซ่าโดย valid date 26/11/2019 – 26/05/2020 ค่ะ ซึ่ง validdate นั้นเริ่มนับจากวันที่
เราไปส่งเอกสารเก็บ Bio วันที่ 26/08/2019 บวกไปอีก 90 วันนั่นเองค่ะ
มาในเรื่องของเอกสารบ้างนะคะ เรายื่นอะไรไปบ้าง มีดังนี้ค่ะ
สิ่งที่ต้องปริ้นไปจากเว็บของ UKVI นะคะ มี
1. หน้า Payment Complete
2. Application Form
3. Checklist
สิ่งที่ต้องปริ้นไปจากเว็บของ vfsglobal
1. ใบนัด appointment VFS
เอกสารประกอบ
1.*** พาสปอร์ตตัวจริง เล่มปัจจุบัน เช็ควันหมดอายุด้วยนะคะ ต้องมีอายุขั้นต่ำ 6 เดือนจวบจนวันเดินทางกลับ
Employment Evidence
1. ใบรับรองการทำงาน ระบุชื่อ ตำแหน่ง เงินเดือน วันลา วันกลับมาทำงาน
2. สำเนาบัตรพนักงาน
3. สลิปเงินเดือนย้อนหลัง 6 เดือน +เดือนธันวาคมปีที่แล้วที่มีโบนัสด้วยค่ะ
Financial Evidence
1. Statement บัญชีเงินเดือนย้อนหลัง 6 เดือน(ปริ้นเองจากเว็บ)
2. Statement บัญชี TMB ME ย้อนหลัง 6 เดือน(ปริ้นเองจากเว็บ)
3. หนังสือรับรองยอดกองทุน LTF เป็น GBP (ขอจากธนาคาร)
4. หนังสือรับรองยอดหุ้นสหกรณ์ที่บริษัท เป็น GBP (ขอจากสหกรณ์)
5. หนังสือรับรองยอดกองทุน Provident fund (ขอจากธนาคาร)
Accommodation-Permanent/Temporary
1. ใบจองโรงแรมแบบยกเลิกได้
** ตรงนี้เจ้าหน้าที่เค้าเรียงให้ใหม่นะคะตอนแรกเราเอาใบจองโรงแรมใส่ไว้ตรง Additional document
Consent Letters and proof of relationship
1. สำเนาทะเบียนบ้าน
2. สำเนาทะเบียนบ้านแปลอังกฤษ (แปลเอง เซ็นรับรองเอง)
** ตรงนี้เจ้าหน้าที่เค้าเรียงให้ใหม่นะคะตอนแรกเราเอาทะเบียนบ้านใส่ไว้ตรง Accommodation
Additional information
1. Cover letter เราอธิบายเกี่ยวกับตัวเอง และเล่าว่าไปทำไม ไปเที่ยวและไปหาแฟนที่เรียนอยู่
(แต่เราเขียนว่า friend นะ ไม่ได้เขียน boy friend ค่ะ เขิน)
โดยเดินทางกับคุณแม่แฟนและน้องสาวแฟน ไปวันไหนกลับวันไหน
พักที่ไหน งบspendเท่าไร โดยเรารับผิดชอบค่าใช้จ่ายเอง ประมาณนี้ค่ะ
2. สำเนาพาสปอร์ตเล่มเก่าและสำเนาทุกหน้าที่มีการเดินทาง
3. Itinerary plan เราเขียนเป็นตารางไปคร่าวๆว่าวันไหนเที่ยวที่ไหนบ้าง พักที่ไหน ค่าใช้จ่ายเท่าไร
โดยเราปริ้นใบแยกบาร์โค้ดประเภทเอกสารไปเองและเรียงไปตามที่เข้าใจ
สุดท้ายแอบดูที่เจ้าหน้าที่เรียงสลับให้บางอัน เรียงตามหัวข้อข้างบนเลยค่ะ
ถ้าใครเรียงไปได้ตามนี้ ส่วนหนึ่งเราว่าเจ้าหน้าที่จะทำงานได้เร็วขึ้นด้วยค่ะ
จบแล้วค่า รีวิวขอวีซ่า UK ของเรา หวังว่ากระทู้นี้จะเป็นประโยชน์กับเพื่อนๆบ้างนะคะ ^^
[CR] รีวิว ขอวีซ่า UK เดือน August 2019
หลังจากอาศัยข้อมูลจากชาวพันทิปมาช่วยเราเตรียมตัวได้เยอะมาก
เลยอยากมาช่วยแชร์ประสบการณ์ของตัวเองบ้าง เผื่อเป็นประโยชน์กับสมาชิกท่านอื่นๆต่อไปค่ะ
เรายื่นขอวีซ่า UK เพื่อไปเที่ยวและไปหาแฟนที่เรียนอยู่ด้วยค่ะจึงเป็นวีซ่าแบบ Standard visit 6 เดือนค่ะ
โดยเดินทางกัน 3 คนกับคุณแม่แฟนและน้องสาวแฟนค่ะ
***ในครั้งนี้เราทำการยื่นขอล่วงหน้าเกิน 90 วันค่ะ***
โดยใบสมัครเราระบุวันเดินทางคือเดือนธันวาคม 2019 ตามจริง และเราได้ทำการสมัครและจ่ายเงินในเดือนสิงหาคม 2019
มาเริ่มกันเลยนะคะ...
ก่อนอื่นต้องบอกว่านี่เป็นครั้งที่ 2 ค่ะในการขอวีซ่าUK ของเรา
สำหรับครั้งแรกนั้นเราขอเมื่อ 9 ปีที่แล้วสมัยเรียนป.ตรีค่ะ น๊านนานนนน
นานมากจนระบบพิจารณาวีซ่าเปลี่ยนไปมากมาย เดิมเคยขอวีซ่าจาก www.visa4uk.fco.gov.uk
ในครั้งนี้เราสมัครผ่านระบบ new service ค่ะ จะเป็นเว็บนี้แทนค่ะ
https://www.gov.uk/apply-to-come-to-the-uk พบกับหน้าตาระบบที่ไม่คุ้นเคย ไล่อ่านไปจนเจอหัวข้อ
If you want to visit the UK, Check which visa you need to visit the UK:
เราเลือก for a holiday or to see family or friends ค่ะ แล้วกด Apply ค่ะ
ระบบจะพามาหน้าให้เลือกภาษา ซึ่งมีภาษาไทยด้วย
แต่อย่างไรก็ตาม เราต้องกรอกข้อมูลเป็นภาษาอังกฤษเท่านั้นนะคะ
จากนั้นก็กรอกข้อมูลไร่เรียงมาตามที่ระบบถามเลยค่ะ ระหว่างนี้เราสามารถหยุดพัก
แล้วกลับมากรอกใหม่ภายหลังได้เสมอ หากข้อมูลยังไม่พร้อม หรือมีการแก้ไขเปลี่ยนแปลงข้อมูล
โดยกดบันทึกไว้ และให้ระบบส่ง link มาที่อีเมลล์ค่ะ เมื่อจะกลับไปกรอกอีก ก็เข้าจาก link นั้นได้เลย
เมื่อกรอกวีซ่าเสร็จสมบูรณ์แล้ว ชำระเงินเรียบร้อย (121 USD) ขั้นตอนต่อไปคือนัดวันเข้าไปส่งเอกสาร
และเก็บbio ค่ะ โดยจะมี link ให้เรากดนำไปสู่เว็บไซต์ของ vfs ตัวแทนในการส่งเอกสารของเราไปพิจารณาขอวีซ่า
ที่อินเดียอีกทีค่ะ ซึ่งระบบนัดของ vfs นี้ค่อนข้างไม่เสถียรค่ะ เราเองเจอปัญหาว่ากรอก passwordผิด
ทั้งที่เราก็กรอกเหมือนเดิม แต่ทราบภายหลังว่าจริงๆแล้ว password สำหรับเว็บของ vfs คนละตัว
กับเว็บของUKVI ดังนั้นใครเจอปัญหานี้ ให้กด reset password ไปเลยค่ะ
แล้วจะได้รับ link ทางอีเมลล์มาตั้ง password ใหม่ ถ้าจะให้ง่ายๆก็ตั้งเป็น password เดียวกันกับเว็บUKVI
ที่เรากรอกขอวีซ่าค่ะ จากนั้นเราก็เลือกบริการเสริมค่าสแกนเอกสาร 460บาท (เบื่อความไม่เสถียรจึงใช้เงินแก้ปัญหา)
และเลือกวันนัด พบว่าใน 1 อาทิตย์ข้างหน้าวันเวลาที่นัดแบบไม่เสียเงินคือไม่มีเหลือแล้วค่ะ
เหลือแต่เวลาที่เสียเงินซึ่งจะขึ้นเป็นสีส้มและสีม่วง ถ้าเลือกอันนี้จะเสียเงินเพิ่มนะคะ
แต่เรารอได้ค่ะไม่รีบ ก็กดไปจนเจอเวลาสีดำนั่นคือวันเวลาว่างที่ไม่เสียเงินค่ะ
สรุปเราได้นัดเวลา 09.30 ของวันที่ 26/08/2019 ค่ะ
ทั้งหมดนี้เรานัดเวลาให้กับคุณแม่แฟนและน้องสาวแฟนไปยื่นวันเดียวกันด้วย
ได้เวลาไล่เลี่ยกันค่ะ คือ 09.45 และ 10.15 พอวันจริงไปแจ้งเจ้าหน้าที่ว่ามาด้วยกัน
สามารถขึ้นตึกพร้อมกันได้ค่ะ โดยยึดเวลาของคนแรกซึ่งก็คือ 09.30 ค่ะ
พอถึงวันนัดเราไปถึงที่ตึกเทรนดี้ ก่อนเวลาเกือบ 1 ชั่วโมงค่ะ
แต่ก็ต้องรอตามเวลานัดจึงจะขึ้นตึกได้ จะเห็นว่ามีคนมาต่อแถวยาวมากนั่นคือแถว walk-in ค่ะ
เมื่อถึงเวลานัดเราก็ไปที่เคาท์เตอร์ จะมีเคาท์เตอร์ UK กับ Australia
นะคะนั่งอยู่ติดกันเจ้าหน้าที่ก็จะเช็คใบนัดของเราแล้วให้ขึ้นลิฟท์ด้านหลังไปชั้น 28 ค่ะ
เมื่อมาถึงชั้น 28 ผ่านเครื่องสแกนร่างกายเรียบร้อยก็ถูกส่งไปเคาท์เตอร์เรียงเอกสาร
และเซ็นหนังสือยินยอมต่างๆของ vfs ค่ะ โดยเจ้าหน้าที่จะจัดเรียงเอกสารโดยมีใบคั่นบาร์โค้ด ตรงนี้เราเตรียมเองค่ะ
จริงๆเจ้าใบบาร์โค้ดนี้เจ้าหน้าที่เค้ามีให้นะคะ สุดท้ายเค้าเรียงเอกสารให้เราเร็วมาก มีสลับให้นิดหน่อยค่ะ
แล้วเจ้าหน้าที่ก็จะเขียนใน checklist ว่ามี additional doc อะไรบ้างและให้เราเซ็นชื่อค่ะพร้อมให้บัตรคิวเรา
พอถึงตรงนี้เราได้ถูกแยกคิวกับ คุณแม่แฟนและน้องสาวแฟนแล้วค่ะ โดย2คนนั้นเป็นครอบครัวเดียวกัน
เค้าให้เป็นคิวเดียวกัน ส่วนเราแม้จะไปด้วยกันแต่ต้องแยกคิวออกมาค่ะ
เมื่อได้บัตรคิวแล้วผ่านประตูเข้าไปด้านในเพื่อยื่นเอกสารให้สแกนค่ะ
เข้าไป UK เดินเข้าไปในสุดนะคะ ตรงนี้จะเดินผ่านโซนของ Australia ก่อนนะคะ
รอเรียกคิว เจ้าหน้าที่จะถามว่ามารับเองหรือจัดส่งไปรษณีย์ เราเลือกจัดส่งไปรษณีย์
ก็ชำระเพิ่มอีก 280 บาทค่ะ เราไม่ได้ซื้อ sms ค่ะ เพราะทราบว่ายังไงก็ได้รับ e-mail แจ้งอยู่ดี
รอสแกนเอกสารประมาณ 5 นาทีก็ไปเก็บ biometric ต่อเป็นอันเสร็จค่ะ
เราใช้เวลาทั้งหมดประมาณหนึ่งชั่วโมงค่ะนับจากขึ้นตึกไป
จากนั้นก็กลับมานอนรอวีซ่าที่บ้าน ผ่านไป 11 วันทำการ
บ่ายของวันที่ 10/09/2019 เราก็ได้รับอีเมลล์จาก crmadmin@vfsglobal.com ค่ะ
ว่าเล่มเราได้รับการพิจารณาเสร็จแล้ว เราก็ลองเอาเลขแทรคไปรษณีย์ไปดูในระบบก็ยังไม่ขึ้นค่ะ
จนวันถัดมา วันที่ 11/09/2019 เราได้อีเมลล์อีกฉบับจาก
bangkvisainfo@fco.gov.uk ด้วยข้อความคล้ายๆกันคือเล่มส่งคืนมาแล้ว
ตอนแรกที่เห็นอีเมลล์เด้งมาคือตกใจเลย ทำไมมีอีกเมลล์มาล่ะ หรือจะเป็นเมลล์แจ้งปฏิเสธวีซ่า
เพราะเราเห็นมีคนได้รับอีเมลล์แจ้งปฏิเสธวีซ่า ซึ่งปกติถ้าวีซ่าไม่ผ่านจะรู้เมื่อรับเล่มและจะมีกระดาษ A4 แจ้งเหตุผลมา
แต่ล่าสุดเห็นมีคนได้มาเป็นอีเมลล์เลย เราก็หลอนสิคะ รีบเปิดอ่านแล้วก็โล่งใจไปไม่มีอะไร
ในเย็นวันนั้นเลขแทรคไปรษณีย์ของเราก็ขึ้นว่ารับเข้าระบบค่ะ
และไปรษณีย์ได้มาส่งให้บ่ายๆของวันถัดมา วันที่ 12/09/2019 ค่ะ
สรุป เราได้รับวีซ่าโดย valid date 26/11/2019 – 26/05/2020 ค่ะ ซึ่ง validdate นั้นเริ่มนับจากวันที่
เราไปส่งเอกสารเก็บ Bio วันที่ 26/08/2019 บวกไปอีก 90 วันนั่นเองค่ะ
มาในเรื่องของเอกสารบ้างนะคะ เรายื่นอะไรไปบ้าง มีดังนี้ค่ะ
สิ่งที่ต้องปริ้นไปจากเว็บของ UKVI นะคะ มี
1. หน้า Payment Complete
2. Application Form
3. Checklist
สิ่งที่ต้องปริ้นไปจากเว็บของ vfsglobal
1. ใบนัด appointment VFS
เอกสารประกอบ
1.*** พาสปอร์ตตัวจริง เล่มปัจจุบัน เช็ควันหมดอายุด้วยนะคะ ต้องมีอายุขั้นต่ำ 6 เดือนจวบจนวันเดินทางกลับ
Employment Evidence
1. ใบรับรองการทำงาน ระบุชื่อ ตำแหน่ง เงินเดือน วันลา วันกลับมาทำงาน
2. สำเนาบัตรพนักงาน
3. สลิปเงินเดือนย้อนหลัง 6 เดือน +เดือนธันวาคมปีที่แล้วที่มีโบนัสด้วยค่ะ
Financial Evidence
1. Statement บัญชีเงินเดือนย้อนหลัง 6 เดือน(ปริ้นเองจากเว็บ)
2. Statement บัญชี TMB ME ย้อนหลัง 6 เดือน(ปริ้นเองจากเว็บ)
3. หนังสือรับรองยอดกองทุน LTF เป็น GBP (ขอจากธนาคาร)
4. หนังสือรับรองยอดหุ้นสหกรณ์ที่บริษัท เป็น GBP (ขอจากสหกรณ์)
5. หนังสือรับรองยอดกองทุน Provident fund (ขอจากธนาคาร)
Accommodation-Permanent/Temporary
1. ใบจองโรงแรมแบบยกเลิกได้
** ตรงนี้เจ้าหน้าที่เค้าเรียงให้ใหม่นะคะตอนแรกเราเอาใบจองโรงแรมใส่ไว้ตรง Additional document
Consent Letters and proof of relationship
1. สำเนาทะเบียนบ้าน
2. สำเนาทะเบียนบ้านแปลอังกฤษ (แปลเอง เซ็นรับรองเอง)
** ตรงนี้เจ้าหน้าที่เค้าเรียงให้ใหม่นะคะตอนแรกเราเอาทะเบียนบ้านใส่ไว้ตรง Accommodation
Additional information
1. Cover letter เราอธิบายเกี่ยวกับตัวเอง และเล่าว่าไปทำไม ไปเที่ยวและไปหาแฟนที่เรียนอยู่
(แต่เราเขียนว่า friend นะ ไม่ได้เขียน boy friend ค่ะ เขิน)
โดยเดินทางกับคุณแม่แฟนและน้องสาวแฟน ไปวันไหนกลับวันไหน
พักที่ไหน งบspendเท่าไร โดยเรารับผิดชอบค่าใช้จ่ายเอง ประมาณนี้ค่ะ
2. สำเนาพาสปอร์ตเล่มเก่าและสำเนาทุกหน้าที่มีการเดินทาง
3. Itinerary plan เราเขียนเป็นตารางไปคร่าวๆว่าวันไหนเที่ยวที่ไหนบ้าง พักที่ไหน ค่าใช้จ่ายเท่าไร
โดยเราปริ้นใบแยกบาร์โค้ดประเภทเอกสารไปเองและเรียงไปตามที่เข้าใจ
สุดท้ายแอบดูที่เจ้าหน้าที่เรียงสลับให้บางอัน เรียงตามหัวข้อข้างบนเลยค่ะ
ถ้าใครเรียงไปได้ตามนี้ ส่วนหนึ่งเราว่าเจ้าหน้าที่จะทำงานได้เร็วขึ้นด้วยค่ะ
จบแล้วค่า รีวิวขอวีซ่า UK ของเรา หวังว่ากระทู้นี้จะเป็นประโยชน์กับเพื่อนๆบ้างนะคะ ^^
CR - Consumer Review : กระทู้รีวิวนี้เป็นกระทู้ CR โดยที่เจ้าของกระทู้