วันนี้ขอพาท่านไปชมงานหนังสือที่น่าสนใจอีกสักงานหนึ่ง ถือว่าเป็นการซ้อมย่อยไว้ก่อนที่จะไปเดินงานมหกรรมหนังสือในเดือนหน้าครับ สำหรับงานที่ผมจะพาท่านไปชมมีชื่อว่า “สารคดี-เมืองโบราณ ลด ล้างคลังหนังสือ # 2” จัดโดยสำนักพิมพ์ในเครือของ วิริยะธุรกิจ ที่มีนิตยสารสารคดีและนิตยสารเมืองโบราณเป็นแกนนำหลัก โดยมีสำนักพิมพ์พันธมิตรอีก 9 แห่งเข้าร่วมด้วยครับ งานนี้เขาจัดขึ้นต่อเนื่องเป็นปีที่สองแล้วครับ
สำหรับงานหนังสือครั้งนี้สำหรับผมเรียกได้เลยว่าเป็นงาน “หนังสือสีขาว” ที่ท่านผู้ปกครองสามารถเติมเงินให้แก่บุตรหลานของท่านเพื่อมาเดินเลือกซื้อหนังสือได้อย่างสบายใจเลย เพราะว่าหนังสือส่วนใหญ่กว่า 80% เป็นหนังสือสารคดีที่จัดอยู่ในหมวดหมู่ Non-Fiction โดยหนังสือสารคดีทุกเล่มนำเสนอเรื่องราวที่เป็นจริง เป็นความรู้ และเป็นประโยชน์แก่ผู้อ่าน โดยในงานนี้มีหนังสือสารคดีหลากหลายประเภทให้ท่านเลือกซื้อกันอย่างจุใจ และที่สำคัญที่สุดเขาลดราคาอย่างมโหฬาร เรียกว่าลดล้างสต็อกให้เกลี้ยงกันไปเลย ล้างให้เกลี้ยงแบบเลียหมดจรดขอบจานไปเลย (เว่อร์ไปสักนิด ... ต้องขออภัยด้วยครับ)
โดยส่วนตัวแล้วผมเชียร์งาน สารคดี-เมืองโบราณ ลดล้างคลังหนังสือ # 2 นี้อย่างออกหน้าออกตาก็เพราะว่า มันเป็นงานที่ขายอาหารสมองที่เป็นความรู้ชั้นเลิศ เป็นงานที่ขายหนังสือดีน่าอ่าน อีกทั้งหนังสือที่นำมาลดราคาส่วนใหญ่เป็นหนังสือที่อยู่ในสภาพดี หนังสือสภาพใหม่พร้อมอ่าน จะมีแค่บางเล่มเท่าไหร่เท่านั้นที่จะมีการชำรุดบ้าง แต่ท่านสามารถเลือกหยิบเล่มที่ไม่ชำรุดกลับบ้านได้ เรียกว่าไปก่อนได้เลือกซื้อหนังสือดีๆ ได้ก่อนครับ
ส่วนประการสำคัญที่ผมอยากจะบอกท่านก็คือ หนังสือในกลุ่มสารคดีในบ้านเราอยู่ในสภาพที่น่าน้อยใจเป็นอย่างมาก เวทีใหญ่ๆ ที่เป็นการประกวดหนังสือสารคดีอย่างชัดเจนก็แทบไม่มีเลย หนังสือสารคดีในบ้านเราถูกซุกไว้ในชั้นเล็กๆ ด้านในสุดหลังร้าน แล้วเขาเอาหนังสือแนววาบหวามที่หน้าปกเป็นภาพวาดแบบสุ่มเสี่ยง เกือบจะโป๊ส่อจะเปลือยเอาไปวางโชว์ไว้หน้าร้านแทน เด็กและเยาวชนในบ้านเราแทบจะถูกกั้นให้ห่างออกจากงานสารคดีไปเรื่อยๆ อีกหน่อยคนรุ่นหลังก็จะกลายเป็นคนที่ล่องลอยอยู่ในโลกแห่งจินตนาการไร้ซึ่งตัวตนอันแท้จริง คนรุ่นหลังอาจจะขาดความรู้ที่เป็นประสบการณ์รอบด้านจึงแยกแยะไม่ออกว่าอันใดจริง อันใดลวง แยกไม่ออกว่าอันไหนเชียร์ อันไหนแช่ง แยกไม่ออกว่าอันไหน(แค่)มัว อันไหนมั่ว แล้วเขาก็จะถูกชักจูงไปในทางที่ไม่สมควรได้ง่ายเกินไป บางคนเปรียบไว้ว่าความรู้คืออาวุธที่ใช้ต่อสู้ฝ่าฟันในชีวิตจริง แต่คนยุคใหม่ไม่อ่านหนังสือแล้วจะติดอาวุธทางปัญญาให้แก่ตัวเองได้อย่างไร?
สำหรับงานสารคดีนั้น คนที่เขียนสารคดีจะต้องทำงานมากกว่าคนอื่นเป็นสองเท่าสามเท่าเสมอ เพราะถ้าคุณเขียนนิยายคุณอาจจะใช้แค่จินตนาการก็เพียงพอแล้ว แต่คนที่เขียนงานสารคดีเขาต้องใช้จินตนาการบวกกับความรู้รอบด้าน โดยใส่ประสบการณ์ชีวิตที่ช่ำชองผสมปนเข้ากับทักษะในการเล่าเรื่อง แล้วนำมาเติมแต่งด้วยความสามารถทางวรรณศิลป์ จึงจะได้ออกมาเป็นงานสารคดีที่สมบูรณ์แบบ ดังนั้นชีวิตของคนเขียนงานสารคดีนั้นต้องมีความทุ่มเทเป็นอย่างมาก แต่ถ้าเขาเขียนงานสารคดีออกมาแล้วไม่มีใครซื้องานเขาเลย เขาต้องกลายเป็นคนที่น่าสงสารที่สุด แล้วในอนาคตภายหน้าจะเหลือความจริงปรากฏในโลกแห่งหนังสือนี้อีกหรือไม่? ขึ้นอยู่กับพวกเราที่เป็นคนอ่านจะต้องสนับสนุนงานสารคดีให้มากๆ ครับ
ผมเกริ่นมายาวก็เพราะเชียร์ออกตัวแรงไปหน่อย แต่อยากให้คนอ่านไปเดินงานนี้เยอะๆ ครับ คนที่ผลิตงานสารคดีเขาจะได้มีกำลังใจสร้างสรรค์งานสารคดีที่ดีๆ ออกมาอีกได้เรื่อยๆ ว่าแล้วก็ตามไปชมภาพบรรยากาศของงานกันเลยครับ ผมขออนุญาตใช้ภาพเล่าเรื่องแทนไปในบางส่วนด้วยครับ โดยผมพยายามจะถ่ายภาพให้เห็นว่าหน้าปกหนังสือเป็นอย่างไร ราคาเขาลดเหลือเท่าไหร่ครับ เผื่อว่าจะเจอหนังสือเล่มที่ท่านกำลังตามหาอยู่ก็ได้ครับ
เริ่มต้นจากทางเข้าด้านหน้า ลงทะเบียนเข้างานกันก่อน จะได้รับบัตรให้เราแสดงความคิดเห็นเกี่ยวกับหนังสือ แล้วเขาจะเอาไปด้านไว้ที่ม่านด้านหน้านี้ โดยวันสุดท้ายของงานเขาจะจับฉลากหาผู้โชคดีครับ
ลงทะเบียนแล้วเข้าไปเลืกหาซื้อหนังสือกันเลยครับ
สำหรับหนังสือที่เห้ฯนำมาลดราคาเหลือเล่มละ 20 , 50 , 70 บาทและซื้อ 1 แถม 1 นั้น ผมลองเปิดดูเห็นว่าเป็นหนังสือที่พิมพ์ในช่วงปี 2550-54 เป็นหนังสือเก่า 10 ปีแล้ว เขาเลยลดราคาเยอะครับ
นิตยสารสารคดีฉบับล่วงเวลา (ภาษาบรรณารักษ์ศาสตร์) ตั้งแต่ฉบับปัจจุบันไปจนถึงฉบับเก่า
เขานำมาลดราคาน่าสนใจมาก ฉบับใหม่ราคาปกติ 120 บาท มีฉบับย้อนหลังลดเหลือเล่มละ 60 บาท
แล้วก็มี 4 เล่ม 100 บาท (ต้องซื้อให้ครบ 4 เล่มนะ)
สำหรับเล่มนี้น่าจะตามหากันเยอะ เขาลดราคาเหลือ 4 เล่ม 100 บาท
(ไม่อยากจะคิดเลยว่าซื้อเก็บเอาไว้เก็งกำไร อนาคตเอามาขายต่อแพงๆ ยังได้เลยครับ)
สำหรับท่านใดที่สมัครสมาชิกรายปีในงานจะได้สิทธิพิเศษด้วยครับ
พาชมงาน ... สารคดี-เมืองโบราณ ลด ล้างคลังหนังสือ # 2