นอนกรนอย่าทน... จนเสียสุขภาพ
ส่วนใหญ่เรามักจะเข้าใจว่าการนอนกรนเป็นเรื่องปกติ โดยเฉพาะคุณผู้ชายที่ดูเหมือนจะเป็นเรื่องธรรมดาไปซะแล้ว แต่รู้ไหมว่า?... การนอนกรนบางครั้งก็อันตรายกว่าที่เราคิดอีกนะครับ
นอนกรน เกิดจากระบบทางเดินหายใจส่วนบนที่ตีบแคบลงขณะที่นอนหลับสนิท เมื่อเรานอนหลับกล้ามเนื้อคอจะผ่อนคลายและหย่อนตัว ทำให้ทางเดินหายใจแคบลง อากาศที่เคลื่อนผ่านทางเดินหายใจที่แคบลง จะทำให้เกิดการสั่นของเนื้อเยื่อคอ เช่น ทอนซิล เพดานอ่อน ลิ้นไก่ การสั่นดังกล่าวจึงทำให้เกิดเป็นเสียงกรนขึ้น
ซึ่งในขณะนอนหลับนอกจากอาการกรนแล้วยังพบว่าอาจมีภาวะหยุดหายใจเกิดขึ้นร่วมด้วย ซึ่งเป็นภาวะผิดปกติของการหายใจ คือมีอาการหยุดหายใจเป็นช่วงๆ ขณะนอนหลับ จึงทำให้คุณภาพการนอนไม่ดี การนอนหลับไม่ต่อเนื่อง กลายเป็นสาเหตุของปัญหาสุขภาพ เช่น ร่างกายอ่อนเพลีย สมาธิและความจำไม่ดี การเผาผลาญด้อยประสิทธิภาพลง อาจทำให้เกิดโรคอ้วนและเบาหวานได้ รวมไปถึงการเกิดโรคต่างๆ ที่เกี่ยวกับสมองและหลอดเลือดหัวใจ เช่น โรคความดันโลหิตสูง ภาวะหัวใจเต้นผิดจังหวะ โรคหลอดเลือดสมอง และยังอาจทำให้เสื่อมสมรรถภาพทางเพศได้อีกด้วย
ซึ่งปัจจัยเสี่ยงของการนอนกรนและภาวะหยุดหายใจขณะหลับนั้นมีหลายประการด้วยกัน เช่น ผู้ที่มีน้ำหนักตัวเยอะ มีอาการของโรคภูมิแพ้บริเวณจมูก สันจมูกเบี้ยวหรือคด รูปหน้าหรือคางผิดปกติ ต่อมทอนซิลโต การรับประทานยาที่ทำให้ง่วง และผู้ที่ดื่มแอลกอฮอล์ สูบบุหรี่เป็นประจำ
การรักษาโรคนอนกรนมีหลายวิธีด้วยกัน ขึ้นอยู่กับสาเหตุของความผิดปกติที่ตรวจพบและความรุนแรง แบ่งเป็นการรักษาทางยา เช่น การรักษาภาวะภูมิแพ้ การปรับพฤติกรรม เช่น การปรับท่านอน ลดน้ำหนักตัวไปจนถึงการรักษาด้วยเครื่องมือพิเศษ เช่น การใช้พลังงานจากคลื่นวิทยุกระชับเนื้อเยื่ออ่อนภายในช่องปากและคอที่หย่อนตัว หรือการผ่าตัดรักษา
นอกจากนี้ปัจจุบันยังมี Application ( SnoreLab ) ที่ช่วยตรวจจับและบันทึกการกรนของเราในเบื้องต้น ก่อนจะมาพบแพทย์ เพื่อให้แพทย์ช่วยวินิจฉัยและทำการตรวจเพิ่มเติมที่ละเอียดขึ้น เช่น การตรวจหาความผิดปกติของการนอนหลับ (Sleep Test)
ดังนั้น หากใครที่มีอาการนอนกรนหรือสงสัยว่ามีภาวะหยุดหายใจขณะนอนหลับ ควรไปพบแพทย์เพื่อวินิจฉัย ประเมินระดับความรุนแรงและพิจารณาแนวทางการรักษาที่เหมาะสม ก็จะช่วยลดความเสี่ยงในการเกิดโรคต่างๆร่วมถึงมีคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้นอย่างแน่นอนครับ...
โรคนอนกรน อ่านเพิ่มเติม https://www.ram-hosp.co.th/news_detail/63
นอนกรนอย่าทน... จนเสียสุขภาพ
นอนกรนอย่าทน... จนเสียสุขภาพ
ส่วนใหญ่เรามักจะเข้าใจว่าการนอนกรนเป็นเรื่องปกติ โดยเฉพาะคุณผู้ชายที่ดูเหมือนจะเป็นเรื่องธรรมดาไปซะแล้ว แต่รู้ไหมว่า?... การนอนกรนบางครั้งก็อันตรายกว่าที่เราคิดอีกนะครับ
นอนกรน เกิดจากระบบทางเดินหายใจส่วนบนที่ตีบแคบลงขณะที่นอนหลับสนิท เมื่อเรานอนหลับกล้ามเนื้อคอจะผ่อนคลายและหย่อนตัว ทำให้ทางเดินหายใจแคบลง อากาศที่เคลื่อนผ่านทางเดินหายใจที่แคบลง จะทำให้เกิดการสั่นของเนื้อเยื่อคอ เช่น ทอนซิล เพดานอ่อน ลิ้นไก่ การสั่นดังกล่าวจึงทำให้เกิดเป็นเสียงกรนขึ้น
ซึ่งในขณะนอนหลับนอกจากอาการกรนแล้วยังพบว่าอาจมีภาวะหยุดหายใจเกิดขึ้นร่วมด้วย ซึ่งเป็นภาวะผิดปกติของการหายใจ คือมีอาการหยุดหายใจเป็นช่วงๆ ขณะนอนหลับ จึงทำให้คุณภาพการนอนไม่ดี การนอนหลับไม่ต่อเนื่อง กลายเป็นสาเหตุของปัญหาสุขภาพ เช่น ร่างกายอ่อนเพลีย สมาธิและความจำไม่ดี การเผาผลาญด้อยประสิทธิภาพลง อาจทำให้เกิดโรคอ้วนและเบาหวานได้ รวมไปถึงการเกิดโรคต่างๆ ที่เกี่ยวกับสมองและหลอดเลือดหัวใจ เช่น โรคความดันโลหิตสูง ภาวะหัวใจเต้นผิดจังหวะ โรคหลอดเลือดสมอง และยังอาจทำให้เสื่อมสมรรถภาพทางเพศได้อีกด้วย
ซึ่งปัจจัยเสี่ยงของการนอนกรนและภาวะหยุดหายใจขณะหลับนั้นมีหลายประการด้วยกัน เช่น ผู้ที่มีน้ำหนักตัวเยอะ มีอาการของโรคภูมิแพ้บริเวณจมูก สันจมูกเบี้ยวหรือคด รูปหน้าหรือคางผิดปกติ ต่อมทอนซิลโต การรับประทานยาที่ทำให้ง่วง และผู้ที่ดื่มแอลกอฮอล์ สูบบุหรี่เป็นประจำ
การรักษาโรคนอนกรนมีหลายวิธีด้วยกัน ขึ้นอยู่กับสาเหตุของความผิดปกติที่ตรวจพบและความรุนแรง แบ่งเป็นการรักษาทางยา เช่น การรักษาภาวะภูมิแพ้ การปรับพฤติกรรม เช่น การปรับท่านอน ลดน้ำหนักตัวไปจนถึงการรักษาด้วยเครื่องมือพิเศษ เช่น การใช้พลังงานจากคลื่นวิทยุกระชับเนื้อเยื่ออ่อนภายในช่องปากและคอที่หย่อนตัว หรือการผ่าตัดรักษา
นอกจากนี้ปัจจุบันยังมี Application ( SnoreLab ) ที่ช่วยตรวจจับและบันทึกการกรนของเราในเบื้องต้น ก่อนจะมาพบแพทย์ เพื่อให้แพทย์ช่วยวินิจฉัยและทำการตรวจเพิ่มเติมที่ละเอียดขึ้น เช่น การตรวจหาความผิดปกติของการนอนหลับ (Sleep Test)
ดังนั้น หากใครที่มีอาการนอนกรนหรือสงสัยว่ามีภาวะหยุดหายใจขณะนอนหลับ ควรไปพบแพทย์เพื่อวินิจฉัย ประเมินระดับความรุนแรงและพิจารณาแนวทางการรักษาที่เหมาะสม ก็จะช่วยลดความเสี่ยงในการเกิดโรคต่างๆร่วมถึงมีคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้นอย่างแน่นอนครับ...
โรคนอนกรน อ่านเพิ่มเติม https://www.ram-hosp.co.th/news_detail/63