ศึกษาธรรมะมาจนรู้สึกว่า ไม่ต้องนิพพานก็ได้ จะเวียนว่ายตายเกิดก็ไม่เห็นเป็นอะไร

มันคงเป็นมิจฉาทิฎฐิน่ะครับ แต่ผมก็รู้สึกว่าไม่เห็นเป็นอะไร เพราะการมุ่งสู่ทางนิพพาน พ้นจากวัฏสงสารอาจเป็นเรื่องพ้นโลก พ้นยุคสมัยไปแล้ว

ซึ่งพิจารณาดูการที่เราเกิด มีชีวิต มีกิเลส หิว อยาก กลัวตาย ก็มีมาแต่ไหนแต่ไร คนรอบตัวก็เป็นเช่นกัน พ่อ แม่ ผู้หลักผู้ใหญ่ต่างก็เป็นเหมือนกัน เพราะเราต่างล้วนเป็นปุถุชน

ในขณะที่คนที่จะมุ่งสู่ทางสวรรค์ ทางนิพพาน ผมก็เห็นว่า ก็มุ่งไป ตามแต่ความปรารถนาของเขา แต่เราไม่ได้ต้องการ ไม่ได้เพ่งโทษ ไม่ยกเขาให้เหนือคน หรือไม่สรรเสริญเขาว่าล้ำเลิศอะไร ใครอยากทำอะไรก็ทำไป

พอศึกษาศาสนาอื่นเปรียบเทียบ เช่น ฮินดู ก็มีเหมือนกัน บางครั้งอาจถูกคนอื่นที่นอกศาสนาเคลมว่าของเขาดีกว่าบ้าง เป็นอัตตาบ้าง ของดีต้องอนัตตาบ้าง (ปรมาตมัน)

สุดท้ายแล้ว มันก็ลงเรื่องเดียวกัน คือ รู้จักตัวเอง สำรวจตัวเอง ตระหนักรู้ถึงใจ อารมณ์ กระแสความคิดที่แล่นไปในแต่ละวัน มันก็ล้วนเป็นทางทั้งนั้น บางเจ้าสอนอย่างนั้นเพื่ออย่างหนึ่ง บางเจ้าก็สอนอีกอย่างเพื่อไปอีกทาง (ซึ่งอาจดัดแปลงมาอีกเจ้าก็ได้)

ไม่รู้ว่าท่านอื่นเคยลองอ่านของเจ้าอื่น (ด้วยใจเป็นกลาง ไม่ไปยึดว่าของที่ตัวเองถืออยู่นั้นเจ๋งหรือดีกว่า) กันบ้างไหมครับ เพื่อท้ายที่สุด เราอาจจะเห็นว่สของที่เราถืออยู่ ไม่ได้ดีสุดเสมอไป มันเพียงแค่ต่างคนต่างเลือก ต่างคนต่างชอบ ท่านชอบอะไร ท่านก็บอกว่าทางท่านดี ถูก ควร
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่