คดีบัตรเครดิตหลังคำพิพากษา

กระทู้สนทนา
อยากเล่าและแบ่งปันประสบการณ์แก่สมาชิก ที่มีหัวอกเดียวกัน เรื่องนี้เป็นสิ่งที่เราได้เจอ หลังจากคำพิพากษาศาล คดีบัตรเครดิต ขอแทนธนาคารข้ามชาติว่า  MR.U  ทางเรา มีบัตรเครดิต 130,000 / สินเชื่อ190,000 / บัตรกดเงินสด 130,000 ทางเรา มีการปรับโครงสร้างหนี้ 1 ครั้ง ได้ชำระ บัตรที่ 1 ยอด 3000
บัตรที่ 2 ยอด 4200 บัตรที่ 3 2400  รวมยอดจ่ายต่อเดือน หลังจากปรับโครงสร้างอยู่ที่ 9600 ต่อเดือน ได้เข้าไปศึกษาข้อมูลในกรณีที่เรา จะหยุดจ่ายทุกรายการ ในกรณีที่ไม่ไหวจริงๆ และให้เก็บเงินไว้ ต่อรองที่ศาลหรือที่ H/C เผื่อได้ส่วนลด 20-40% ในกรณีที่หนี้เน่ามาก หรือไปศาลตามฟ้อง
เรื่องนี้ up date ล่าสุด 9/8/2019 ทางเราหยุดจ่ายมา 5 เดือน ทางธนาคาร ติดต่อมาครั้งที่ 1 มียอดทุนทรัพย์ 3 ใบต้น+ดอก 361,451 ทางเค้าจะทำการลดดอกเบี้ยให้เหลือต้น 270,000 ชำระ 1 งวด ส่งฟ้องแล้วผ่อนไม่ได้ ด้วยความไม่รู้เราเลยบอกยอดเยอะไป งั้นฟ้องไปก่อน เราเข้าใจว่าเผื่อเจรจาอะไรได้บ้าง
เราได้ไปขึ้นศาลตามนัด ทนายและเราได้ เจรจา 1ประโยค คือ ผ่อนชำระ 12 งวด ตามยอดฟ้องคือ 361,451 เราทักว่ายอดสูงเกินไป ทนายก็เลยบอกสรุปเราไม่ยินยอมนะ  วันนั้นเรายอมรับหนี้ทุกอย่าง ด้วยความไม่รู้ ไม่ได้เตรียม คำแถลงต่อสู้คดีกรณีดอกเบี้ยสูง (ถ้าทำคุณควรมีทนายให้คำแนะนำ)
ศาลท่านพิพากษาว่ายอมรับหนี้ทุกอย่างนะ ศาลลด หรือ ให้ผ่อนเป็นงวดไม่ได้นะ  ยอด ตามฟ้องเลย แต่จะดูแลดอกเบี้ยหลังจากพิพาษาให้ ที่ 10% จนกว่าจะชำระหนี้เสร็จคือถ้าพิพากษาไปแล้ว ต้องชำระให้โจทย์ ภายใน15 วันหลังจากได้ใบคำพิพาษา นะคะ หลังจากเหตุกาณ์พิพากษาแล้ว คิดว่าจะเจรจาขอส่วนลดได้เพิ่มเติม หรือสามารถผ่อนได้ บ้าง แต่เปล่าเลยค่ะ หลังจากท่านพิพาษาแล้วเราต้องทำตามที่โจทย์เรียกทุกอย่าง เราไม่ได้อยู่ในฐานะที่เจรจาได้อีกต่อไปแล้ว MR.U ให้ชำระทั้งหมด 270000 เป็นเงินสด ภายใน1 เดือน ไม่คิดดอกเบี้ย เหลือแค่ต้น ตัวเราเองไม่ไหวกับยอด270000 ไม่ไหวกับการเจรจาต่อรองกับฝ่ายพัฒนาสินทรัพย์ ของMR.U ไม่มีทางเลือก ทางเราส่งเมลล์ร้องเรียนเข้าสนญ MR.U เพื่อขอผ่อน ได้แค่ 3 งวด ต้องจ่าย 100000 / 100000 / 70000 ต้องขายบ้านเพื่อจะได้มีเงินจ่ายเพื่อจบ กับ MR.U เรายังมีทางออกมีหนี้สินก้อนใหญ่ที่ขายได้เพื่อปลดหนี้ แต่กับคนที่ไม่มีล่ะ เราเห็นใจเลย นอกจากสงสารตัวเองจัดแล้ว ยังสงสารคนที่กำลังจะเจอแบบตัวเอง เลยอยากแชร์ เผื่อให้เพื่อนๆได้ฉุกคิด ได้บ้างก่อนจะทำอะไรในเรื่องการสร้างหนี้ แล้วตอนนี้ทุกธนาคารเค้ารู้หมดแหละว่าลูกหนี้มีที่ปรึกษาเป็นใครและคิดจะทำอะไรกับก้อนหนี้เค้า ธนาคารก็ไม่โง่นะ เค้าไม่มีทางยอมเสียบเปรียบหรอก
สรุป
1. ถ้าคุณคิดจะหยุดจ่ายบัตรเครดิตทุกใบ รอฟ้องคุณต้องมั่นใจว่าอนาคตจะมีเงินก้อน มากพอเท่ากับต้นคงเหลือที่คุณต้องจ่าย เพราะพิพาษาแล้วต้องจ่ายเลยสดๆ
2.ถ้าสามารถปรับโครงสร้างหนี้ได้ชำระน้อยลงปรับไปเถอะค่ะ มีเงินก้อนเอาไปโปะ อย่าให้ถึงศาล
3.ถ้าคิดจะปล่อยให้ฟ้องศาล ปรึกษาทนาย เพื่อขอรับคำปรึกษา(อาจต้องมีคชจให้เค้า) อย่าไปโง่ๆๆแบบเรา มีแต่เสียเปรียบ
4.ถ้าคิดว่าศาลจะช่วยหรือเห็นใจ มีค่ะ แต่พิพากษาตามยอดโจทย์ ถ้าตกลงก่อนถึงศาลได้ทำเถอะค่ะ มันจะยุ่งยากมาก หลังจากพิพาษาแล้วโจทย์ไม่ฟังเราหรอกค่ะ เค้ามีแต่จะได้เปรียบทุกทาง
5.ส่งกรมบังคับคดี หักเงินเดือนหรือยึดทรัพย์กรณีที่เรามี ตรงนี้เราแทบไม่มีทางเลือกอะไรเลย อย่านึกว่าให้คำยึดเงินเดือน จบนะ กฎหมายใหม่ ออกมาจะเหลือเงินติด บัญชีให้แค่20000 บาทนอกเหนือจากนั้นที่เข้าในสลิปยึดหมด จะดีกับคนที่เงินเดือนไม่ถึง20000 แล้วกรณีที่เงินเดือน เกิน 20000 ถือว่าเราจะเดือดร้อนมาก 
อยากเป็นกำลังใจให้ทุกคนที่เป็นหนี้นะคะ  เราอาจเจอ MR.U ผู้ใจร้าย แต่คนอื่นอาจเจอ MR.... ที่ดีกว่าของเราก็ได้
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่