ทิปฉุกละหุกทริปของเราเอง ตอนแรก เราไม่ได้คาดหวังว่าจะได้ไปไหนทั้งนั้นในช่วงมิถุนายนที่ผ่านมาเพราะคิดว่าลางานไม่น่าได้ แต่แล้วเพื่อนสนิทของเราเอง ชวนเราไปเที่ยวกระบี่ ลังเลอยู่นาน รอดูอยู่ว่าจะลาได้มั้ย สรุปว่า ลาได้ แถมลาได้มากกว่าเพื่อนวันนึง เราก็เลยแบบนึกอะไรไม่รู้ เอ้ออ อยากไปภูเก็ตอ่ะแล้วค่อยตามไปกระบี่ละกัน การตะลุยภูเก็ตแบบคนเดียว 1 วันกับอีก 1 คืนจึงได้บังเกิดขึ้นค่ะ5555555 กว่าจะไปได้ ต้องผ่านมรสุมที่บ้านตั้งนานอ่ะ เพราะปกติเราจะเที่ยวคนเดียวแค่กรุงเทพหรือปริมณฑล ต้องสร้างความเชื่อมั่นในพ่อกับแม่แบบเต็มที่ว่าเราสามารถเอาชีวิตรอดไปคนเดียวได้ แต่ก็ถือเป็นประสบการณ์ที่ตื่นเต้นที่ไม่คิดว่าจะได้รู้สึกอะไรแบบนี้
ทริปนี้รูปภาพมาจากกล้องฟิล์ม yashica electro 35 และ Samsung Galexy Note 9 นะคะ ไม่ได้หิ้ว Nikon ไปด้วย
เริ่มจากการเดินทาง เรานั่งเครื่องบินของนกแอร์ไปลงที่ภูเก็ตเลย ซึ่งเป็นรอบที่เช้าที่สุด ลงเครื่องที่ภูเก็ต 7 โมงเช้า กะไปหลับเอาบนเครื่องอ่ะค่ะแต่ที่ไหนได้ แปปเดียวถึง ได้หลับไปแปปเดียวเอง55555 การนั่งเครื่องเช้ามีข้อดีอย่างนึงนะคะ คือ เราสามารถชมพระอาทิตย์ขึ้นได้จากจุดที่ดีที่สุดในโลกนี้เลยค่ะ
วิวตอนจะลงเครื่องที่ภูเก็ตก็สวยค่ะ นั่งฝั่งซ้าย มองเห็นอ่าวพังงาด้วยน้าา แต่รูปที่เราถ่ายมายังไม่ถึงนะคะ ช่วงนั้นเขาให้ปิดโทรศัพท์แล้ว
ถึงภูเก็ตตั้งแต่ 7 โมงกว่าแบบง่วงๆ แต่เราก้ต้องรีบเดินทางไปต่อเพื่อหาทางไปยังโฮสเทลที่เรานอนค่ะ เรานอนในเมืองนะคะ ไม่ออกไปทางป่าตอง เรานั่งรถบัสของสนามบินราคา 50 บาทไปลงขนส่งหรือบขสฬเก่าในเมืองค่ะ ถ้าออกจากมาจากสนามบิน เดินเลี้ยวซ้ายตามป้าย จะเจอรถบัสคันสีแดงจอดอยู่ ลองถามดูก็ได้ค่ะ เราว่าเป็นวิธีเข้าเมืองที่น่าจะถูกที่สุดแล้ว ถูกกว่าไปขึ้นของเอกชนนะคะ
ใช้เวลาเข้าเมืองประมาณชั่วโมงนิดๆ ในเช้าวันพฤหัส อาจจะต้องฝ่ารถติดบ้างนิดหน่อยเพราะทุกคนก็ต้องไปทำงาน ไปโรงเรียน แต่ไม่ติดขนาดกรุงเทพแน่นอนค่ะ
เรามาถึงขนส่งประมาณ 8 โมงกว่า ข้าวก็ยังไม่ได้กิน เราเลยเดินจากบขส ด้วยความชิว เราเลยเดินจากบขส.ไปโฮสเทล ระยะทางประมาณ 750 เมตร เอาจริงก้ไกลนั่งวินก็ได้แต่นึกครึ้มไรไม่รู้ก็เลยเดินไปทั้งแบกกระเป๋านั่นแหละ55555 เราไปนอนที่ Fullfill hostel Phuket เป็นโฮสเทลสองคูหาที่ห้องไม่ได้ใหญ่มากแต่มีอาหารเช้าให้และราคาไม่แพง อาจจะเป็นเพราะเป็นช่วงโลว์ด้วยมั้งคะ เราจองที่นี่ 600 นิดๆเอง ถือว่าถูกอยู่ค่ะ ยิ่งถ้าใครมากันสองคนคือ300เองอ่ะ อีกหนึ่งข้อดีของการมาเที่ยวหน้า low seasonค่ะ5555 แถมอยู่ติดกับย่านเมืองเก่าภูเก็ตเลย เดินกลับไปนิดเดียวก็เป็นพิพิธภัณฑ์ตึกเหลืองแล้ว ใกล้นิดเดียวเอง เนื่องจากเราไปถึงโฮสเทล 9 โมงกว่าแต่กว่าจะเช็คอินเข้าห้องพักได้ก็บ่ายโมงแต่โฮสเทลให้ฝากกระเป๋าไว้ก่อนได้ เราเลยตัดสินใจไปหาอะไรกินแล้วไปเดินถ่ายรูปเล่นในย่านเมืองเก่าค่ะ
คือ ณ ตอนนั้นหิวมากกก เพราะที่กินมาจากดอนเมืองตอนตี่สี่มันย่อยหมดแล้ว เลยสัญญากับตัวเองว่า เจอร้านไรก็จะกินอ่ะ หิวววววว สรุปว่าเดินๆไปก่อนถึงถนนถลาง บ้านแถวน้ำ(ได้ยินว่าโรตีมะตะบะอร่อย แต่ตอนนั้นเรากินต่อไม่ไหวแล้ว5555)
เราไปเจอร้านข้าวต้มร้านนึงค่ะ คนเยอะและดูราคาไม่แพง เราก็เลยหักเลี้ยวเข้ามากิน สรุป เอ้ยย อร่อยยย แถมไม่แพง ราคาเท่ากรุงเทพเป๊ะ เจ้าของร้านก็ใจดี รับได้คร้า55555
เอาจริงๆแล้ว ทริปนี้เราไม่ได้วางแผนอะไรมากมาย รู้แค่อยากมา เดี๋ยวค่อยไปหาที่เที่ยวเอา เลยไม่ได้มีหลักแหล่งว่าต้องไปไหนบ้าง รู้แค่ว่า อยากไปถ่ายรูปที่แหลมพรหมเทพแค่นั่นเอง ระหว่างนั่งกินข้าว เราเลยเปิดๆดูว่า จะไปเที่ยวหาดไหนดี ใกล้ๆแหลมพรหมเทพ ซึ่งเราอ่ะสนใจอยู่สองที่คือหาดในหานและหาดราไวย์ แต่คือตัดสินใจไม่ได้ว่าจะไปหาดไหนดี หวยก็เลยไปลงกับเจ้าของร้านข้าวต้มค่ะ55555 ให้คุณป้าเป็นคนทำนายที่เที่ยวของหนู ป้าบอกว่า ถ้าเป็นป้า ป้าไปหาดในหานเพราะคนน้อย สงบกว่าหาดราไวย์แต่ถ้าหนูอยากไปหาอะไรกินก็ไปราไวย์ ร้านของกินเยอะ คำตอบที่เราได้ เราเลยเลือกไปหาดในหาน
คำตอบสำหรับชีวิตเราต่อมา เราจะไปยังไงวะ มอไซต์ก็ขับเป็นแหละแต่ไม่มีใบขับขี่ ถ้าเจอพ่อก็เกมส์ เสียเงินอีก แถมเท่าที่อ่านๆมาจากในเน็ต ไปอ่ะไปง่ายแต่ดันกลับยากซะอย่างงั้น แต่เหมือนโชคเข้าข้างมากๆที่ทำให้เราเจอกับคนๆนึงค่ะ
เราอ่านในพันทิปเนี่ยแหละ อยู่ๆชื่อของลุงแดงและเบอร์โทรก็มาปรากฏตรงหน้าเรา ลุงเขาเป็นวินมอไซต์ที่ใครจ้างพาเที่ยวก็ไป ลุงแกอยู่แถวๆบขส.เก่านั่นแหละ จากเท่าที่อ่านมาลุงแกดูไว้ใจได้ เราก้ไปจ้ะ โทรไปหาลุง ลุงว่าง เราก็โอเคให้ลุงพาไปเที่ยวเกือบทั่วภูเก็ตค่ะ(ใครอยากได้เบอร์ลุงทักมาได้นะคะ เราไม่อยากพิมพ์ลงในนี้)
แต่ก่อนนั้นเราต้องไปเช็คอินตอนบ่าย เราเลยเดินแถวๆย่านเมืองเก่าที่เป็นตึกสถาปัตยกรรมแนวชิโน โปรตุกีส ที่มีอยู่มากมายแถวๆนั้น สไตล์คล้ายที่สิงคโปร์เลยค่ะ
เดินๆไปเรื่อยๆ ฝนตกจ้าา เลยหลบแถวข้างทางไปก่อน
โชคดีที่ตกไม่นานมาก พอฝนซา เราเลยรีบเดินไปที่พิพิธภัณฑ์ภูเก็ตไทยหัว เป็นบ้านแนวชิโน โปรตุกีสที่ภายในมีนิทรรศการจัดเพื่อเล่าความเป็นมาของย่านเมืองเก่าภูเก็ตนี้เองค่ะ ถือว่าสวยมากๆ เสียค่าเข้าคนละ 50 บาท มีพี่ๆเจ้าหน้าที่แนะนำสถานที่และหลังจากนั้นก็สามารถเดินไปตามอัศยาศัยค่ะ
นับว่าโชคดีที่พอออกจากพิพิธภัณฑ์แล้วฝนหยุดแถมแดดเริ่มออก แต่ก้ใกล้จะเที่ยงแล้ว เราเลยเดินกลับไปแถวๆที่พักเพื่อหาของกินค่ะ ระหว่างทางเลยแวะไปถ่ายตึกเหลืองหรือพิพิธภัณฑ์บ๊าบ๋า แต่เราไม่ได้เข้าไปชมนะคะ สามารถเข้าไปชมได้ฟรีด้วยน้าา
จากนั้นเราเดินไปเรื่อยๆก้ไปเจอกับร้านผัดไทค่ะ ผัดไทประตูหมี จัดว่าดีแล้วก้อร่อยยย
พอกินเสร็จและเงินหมด ชำเลืองมองไปเห็นธนาคารกสิกรที่น่าเข้ามากที่สุดค่ะ สวยยยย ท้องฟ้าเป็นสีฟ้าแล้ว ถ่ายรูปอะไรก้สวย55555
แล้วเราก็เดินกลับไปโรงแรมซึ่งอยู๋ใกล้ๆธนาคารนี่แหละค่ะ เพื่อไปเช็คอิน แล้วเราก็ไปเที่ยวทะเลกันนน
คือตอนแรกเราตั้งใจว่าจะไปแหลมพรหมเทพตอนเย็นเพื่อดูพระอาทิตย์ตก แต่คุยกับลุงแล้วก็คิดได้ว่า ตอนเย็นฝนตกแน่จ้าา เราเลยตัดสินใจไปแหลมพรหมเทพที่แรกเลย อย่างน้อยถ่ายตอนแดดดีก็ยังสวยกว่าตอนไปตอนเย็นแล้วฝนตก จากตัวเมืองนั่งรถไปประมาณ 20 กิโลเมตรก็จะถึงแหลมพรหมเทพ ที่เที่ยวยอดฮิตตลอดกาลของจังหวัดภูเก็ต ถ้าอยากจะมาดูพระอาทิตย์ตกสวยๆ แนะนำให้มาหน้าร้านและมรสุมไม่เข้านะคะ รับรอง ฟินลืมม แต่ที่เรามามันตอนบ่าย แดดเปรี้ยง แถมคนน้อย เลยได้รูปมาประมาณนี้
แดดร้อนจนแสบมากๆ แต่เราก็ต้องเดินทางกันต่อเพื่อไปหาดในหานค่ะ ระหว่างทางมันผ่านหาดยะนุ้ย เป็นหาดเล็กๆที่อยู่ข้างๆแหลมพรหมเทพ ที่น้ำสวยจนต้องกรีดร้องงง
พอเราออกจากหาดยะนุ้ยมุ่งหน้าไปหาดในหาน ก็จะเจอกับอีกหนึ่งจุดชมวิวหาดยะนุ้ยที่มองลงมาแล้วสวยมากๆเลยค่ะ
เมื่อมาถึงหาดในหาน เราชอบที่นี่นะคะ เรารู้สึกว่ามันสงบมากๆ ส่วนมากก็จะเจอแต่ฝรั่งมานอนอาบแดดหรือคุยกันมากกว่า เราชอบฟีลแบบนี้ ไม่วุ่นวายดีน่าจะสงบกว่าทางป่าตองมาก
น้องสองตัวน่ารักมากกกก วิ่งริมหาดกันแบบชิวๆ
พอเก็บบรรยากาศแล้ว เราก็ออกเดินทางต่อไปยังพระพุทธมิ่งมงคลเอกนาคคีรี อีกหนึ่งจุดชมวิวที่สวยของภูเก็ตเลยค่ะ ต้องขึ้นเขา สามารถเอารถขึ้นไปได้นะคะ แต่ว่าขับกันระวังๆนิดนึง เพราะรถค่อนข้างเยอะ ระหว่างทางที่ขับรถขึ้นมา อากาศเย็นมากก อย่างกะขึ้นเขาทางเหนือเลยอ่ะ อากาศดีมากก
พอลงมาจากเขาแล้ว เราไปแวะกันที่สุดท้ายก่อนจะกลับคือ วัดฉลองหรือวัดไชยธาราราม วัดชื่อดังของภูเก็ตเลย ใครไปใครมาก็จะแวะมานมัสการหลวงพ่อแช่ม เกจิชื่อดังที่มีคนเคารพ สักการะเยอะมากค่ะ มีเจดีย์ที่สวยมากกกก
แถมเจอเจ้าถิ่นขวางทางด้วย555555
จากนั้นเราก็กลับไปยังที่พักเพราะฝนเริ่มเหมือนจะตกแล้วด้วย ต้องขอบคุณคุณลุงมากจริงๆค่ะที่พาแว้นกลับมาทัน555555
พอตกเย็นก้เริ่มหิวค่ะ แต่ ณ ตอนนั้น ไม่รู้เลยว่าจะกินอะไรดี เลยลองเสริชหาดู สรุปร้านที่อร่อยและราคาไม่แรงไปตกที่โกเบนซ์ข้าวต้มแห้งหมู ร้านที่อยู่ใน Guide book ของมิชลินสตาร์ที่ไม่ควรพลาด เราเลยเดินจากโฮสเทลไประยะทางประมาณ 1 กิโลเมตร เอ่อ คือเราอ่ะเดินเป็นปกติ แต่ถ้าใครไม่ชอบเดิน แนะนำวินมอไซต์นะคะ55555
ไปถึงร้าน 18.30 ร้านเปิด 19.00 แต่ให้ลูกค้าเข้าไปนั่งรอในร้านได้ พอทุ่มนึง พนักงานเดินมาบอกว่า วันนี้ไม่ทันนะคะ เลื่อนเปิดเป็นทุ่มครึ่ง ตอนนั้นคือหิวอ่ะ แต่ทำไงได้ เอาตูดเข้ามาหย่อนในร้านนี้แล้ว รอต่อไป แต่ร้านคือคนเต็มและมีคนมาต่อแถวแล้วนะคะ คือคนมารอกินกันเยอะมาก
แต่พอได้กินปุ๊ป ฟินมากค่ะ อร่อยสมการรอคอย
ภูเก็ต คนเดียวก็เที่ยวได้(1 วัน 1 คืนจ้า)
ทริปนี้รูปภาพมาจากกล้องฟิล์ม yashica electro 35 และ Samsung Galexy Note 9 นะคะ ไม่ได้หิ้ว Nikon ไปด้วย
เริ่มจากการเดินทาง เรานั่งเครื่องบินของนกแอร์ไปลงที่ภูเก็ตเลย ซึ่งเป็นรอบที่เช้าที่สุด ลงเครื่องที่ภูเก็ต 7 โมงเช้า กะไปหลับเอาบนเครื่องอ่ะค่ะแต่ที่ไหนได้ แปปเดียวถึง ได้หลับไปแปปเดียวเอง55555 การนั่งเครื่องเช้ามีข้อดีอย่างนึงนะคะ คือ เราสามารถชมพระอาทิตย์ขึ้นได้จากจุดที่ดีที่สุดในโลกนี้เลยค่ะ
วิวตอนจะลงเครื่องที่ภูเก็ตก็สวยค่ะ นั่งฝั่งซ้าย มองเห็นอ่าวพังงาด้วยน้าา แต่รูปที่เราถ่ายมายังไม่ถึงนะคะ ช่วงนั้นเขาให้ปิดโทรศัพท์แล้ว
ถึงภูเก็ตตั้งแต่ 7 โมงกว่าแบบง่วงๆ แต่เราก้ต้องรีบเดินทางไปต่อเพื่อหาทางไปยังโฮสเทลที่เรานอนค่ะ เรานอนในเมืองนะคะ ไม่ออกไปทางป่าตอง เรานั่งรถบัสของสนามบินราคา 50 บาทไปลงขนส่งหรือบขสฬเก่าในเมืองค่ะ ถ้าออกจากมาจากสนามบิน เดินเลี้ยวซ้ายตามป้าย จะเจอรถบัสคันสีแดงจอดอยู่ ลองถามดูก็ได้ค่ะ เราว่าเป็นวิธีเข้าเมืองที่น่าจะถูกที่สุดแล้ว ถูกกว่าไปขึ้นของเอกชนนะคะ
ใช้เวลาเข้าเมืองประมาณชั่วโมงนิดๆ ในเช้าวันพฤหัส อาจจะต้องฝ่ารถติดบ้างนิดหน่อยเพราะทุกคนก็ต้องไปทำงาน ไปโรงเรียน แต่ไม่ติดขนาดกรุงเทพแน่นอนค่ะ
เรามาถึงขนส่งประมาณ 8 โมงกว่า ข้าวก็ยังไม่ได้กิน เราเลยเดินจากบขส ด้วยความชิว เราเลยเดินจากบขส.ไปโฮสเทล ระยะทางประมาณ 750 เมตร เอาจริงก้ไกลนั่งวินก็ได้แต่นึกครึ้มไรไม่รู้ก็เลยเดินไปทั้งแบกกระเป๋านั่นแหละ55555 เราไปนอนที่ Fullfill hostel Phuket เป็นโฮสเทลสองคูหาที่ห้องไม่ได้ใหญ่มากแต่มีอาหารเช้าให้และราคาไม่แพง อาจจะเป็นเพราะเป็นช่วงโลว์ด้วยมั้งคะ เราจองที่นี่ 600 นิดๆเอง ถือว่าถูกอยู่ค่ะ ยิ่งถ้าใครมากันสองคนคือ300เองอ่ะ อีกหนึ่งข้อดีของการมาเที่ยวหน้า low seasonค่ะ5555 แถมอยู่ติดกับย่านเมืองเก่าภูเก็ตเลย เดินกลับไปนิดเดียวก็เป็นพิพิธภัณฑ์ตึกเหลืองแล้ว ใกล้นิดเดียวเอง เนื่องจากเราไปถึงโฮสเทล 9 โมงกว่าแต่กว่าจะเช็คอินเข้าห้องพักได้ก็บ่ายโมงแต่โฮสเทลให้ฝากกระเป๋าไว้ก่อนได้ เราเลยตัดสินใจไปหาอะไรกินแล้วไปเดินถ่ายรูปเล่นในย่านเมืองเก่าค่ะ
คือ ณ ตอนนั้นหิวมากกก เพราะที่กินมาจากดอนเมืองตอนตี่สี่มันย่อยหมดแล้ว เลยสัญญากับตัวเองว่า เจอร้านไรก็จะกินอ่ะ หิวววววว สรุปว่าเดินๆไปก่อนถึงถนนถลาง บ้านแถวน้ำ(ได้ยินว่าโรตีมะตะบะอร่อย แต่ตอนนั้นเรากินต่อไม่ไหวแล้ว5555)
เราไปเจอร้านข้าวต้มร้านนึงค่ะ คนเยอะและดูราคาไม่แพง เราก็เลยหักเลี้ยวเข้ามากิน สรุป เอ้ยย อร่อยยย แถมไม่แพง ราคาเท่ากรุงเทพเป๊ะ เจ้าของร้านก็ใจดี รับได้คร้า55555
เอาจริงๆแล้ว ทริปนี้เราไม่ได้วางแผนอะไรมากมาย รู้แค่อยากมา เดี๋ยวค่อยไปหาที่เที่ยวเอา เลยไม่ได้มีหลักแหล่งว่าต้องไปไหนบ้าง รู้แค่ว่า อยากไปถ่ายรูปที่แหลมพรหมเทพแค่นั่นเอง ระหว่างนั่งกินข้าว เราเลยเปิดๆดูว่า จะไปเที่ยวหาดไหนดี ใกล้ๆแหลมพรหมเทพ ซึ่งเราอ่ะสนใจอยู่สองที่คือหาดในหานและหาดราไวย์ แต่คือตัดสินใจไม่ได้ว่าจะไปหาดไหนดี หวยก็เลยไปลงกับเจ้าของร้านข้าวต้มค่ะ55555 ให้คุณป้าเป็นคนทำนายที่เที่ยวของหนู ป้าบอกว่า ถ้าเป็นป้า ป้าไปหาดในหานเพราะคนน้อย สงบกว่าหาดราไวย์แต่ถ้าหนูอยากไปหาอะไรกินก็ไปราไวย์ ร้านของกินเยอะ คำตอบที่เราได้ เราเลยเลือกไปหาดในหาน
คำตอบสำหรับชีวิตเราต่อมา เราจะไปยังไงวะ มอไซต์ก็ขับเป็นแหละแต่ไม่มีใบขับขี่ ถ้าเจอพ่อก็เกมส์ เสียเงินอีก แถมเท่าที่อ่านๆมาจากในเน็ต ไปอ่ะไปง่ายแต่ดันกลับยากซะอย่างงั้น แต่เหมือนโชคเข้าข้างมากๆที่ทำให้เราเจอกับคนๆนึงค่ะ
เราอ่านในพันทิปเนี่ยแหละ อยู่ๆชื่อของลุงแดงและเบอร์โทรก็มาปรากฏตรงหน้าเรา ลุงเขาเป็นวินมอไซต์ที่ใครจ้างพาเที่ยวก็ไป ลุงแกอยู่แถวๆบขส.เก่านั่นแหละ จากเท่าที่อ่านมาลุงแกดูไว้ใจได้ เราก้ไปจ้ะ โทรไปหาลุง ลุงว่าง เราก็โอเคให้ลุงพาไปเที่ยวเกือบทั่วภูเก็ตค่ะ(ใครอยากได้เบอร์ลุงทักมาได้นะคะ เราไม่อยากพิมพ์ลงในนี้)
แต่ก่อนนั้นเราต้องไปเช็คอินตอนบ่าย เราเลยเดินแถวๆย่านเมืองเก่าที่เป็นตึกสถาปัตยกรรมแนวชิโน โปรตุกีส ที่มีอยู่มากมายแถวๆนั้น สไตล์คล้ายที่สิงคโปร์เลยค่ะ
เดินๆไปเรื่อยๆ ฝนตกจ้าา เลยหลบแถวข้างทางไปก่อน
โชคดีที่ตกไม่นานมาก พอฝนซา เราเลยรีบเดินไปที่พิพิธภัณฑ์ภูเก็ตไทยหัว เป็นบ้านแนวชิโน โปรตุกีสที่ภายในมีนิทรรศการจัดเพื่อเล่าความเป็นมาของย่านเมืองเก่าภูเก็ตนี้เองค่ะ ถือว่าสวยมากๆ เสียค่าเข้าคนละ 50 บาท มีพี่ๆเจ้าหน้าที่แนะนำสถานที่และหลังจากนั้นก็สามารถเดินไปตามอัศยาศัยค่ะ
นับว่าโชคดีที่พอออกจากพิพิธภัณฑ์แล้วฝนหยุดแถมแดดเริ่มออก แต่ก้ใกล้จะเที่ยงแล้ว เราเลยเดินกลับไปแถวๆที่พักเพื่อหาของกินค่ะ ระหว่างทางเลยแวะไปถ่ายตึกเหลืองหรือพิพิธภัณฑ์บ๊าบ๋า แต่เราไม่ได้เข้าไปชมนะคะ สามารถเข้าไปชมได้ฟรีด้วยน้าา
จากนั้นเราเดินไปเรื่อยๆก้ไปเจอกับร้านผัดไทค่ะ ผัดไทประตูหมี จัดว่าดีแล้วก้อร่อยยย
พอกินเสร็จและเงินหมด ชำเลืองมองไปเห็นธนาคารกสิกรที่น่าเข้ามากที่สุดค่ะ สวยยยย ท้องฟ้าเป็นสีฟ้าแล้ว ถ่ายรูปอะไรก้สวย55555
แล้วเราก็เดินกลับไปโรงแรมซึ่งอยู๋ใกล้ๆธนาคารนี่แหละค่ะ เพื่อไปเช็คอิน แล้วเราก็ไปเที่ยวทะเลกันนน
คือตอนแรกเราตั้งใจว่าจะไปแหลมพรหมเทพตอนเย็นเพื่อดูพระอาทิตย์ตก แต่คุยกับลุงแล้วก็คิดได้ว่า ตอนเย็นฝนตกแน่จ้าา เราเลยตัดสินใจไปแหลมพรหมเทพที่แรกเลย อย่างน้อยถ่ายตอนแดดดีก็ยังสวยกว่าตอนไปตอนเย็นแล้วฝนตก จากตัวเมืองนั่งรถไปประมาณ 20 กิโลเมตรก็จะถึงแหลมพรหมเทพ ที่เที่ยวยอดฮิตตลอดกาลของจังหวัดภูเก็ต ถ้าอยากจะมาดูพระอาทิตย์ตกสวยๆ แนะนำให้มาหน้าร้านและมรสุมไม่เข้านะคะ รับรอง ฟินลืมม แต่ที่เรามามันตอนบ่าย แดดเปรี้ยง แถมคนน้อย เลยได้รูปมาประมาณนี้
แดดร้อนจนแสบมากๆ แต่เราก็ต้องเดินทางกันต่อเพื่อไปหาดในหานค่ะ ระหว่างทางมันผ่านหาดยะนุ้ย เป็นหาดเล็กๆที่อยู่ข้างๆแหลมพรหมเทพ ที่น้ำสวยจนต้องกรีดร้องงง
พอเราออกจากหาดยะนุ้ยมุ่งหน้าไปหาดในหาน ก็จะเจอกับอีกหนึ่งจุดชมวิวหาดยะนุ้ยที่มองลงมาแล้วสวยมากๆเลยค่ะ
เมื่อมาถึงหาดในหาน เราชอบที่นี่นะคะ เรารู้สึกว่ามันสงบมากๆ ส่วนมากก็จะเจอแต่ฝรั่งมานอนอาบแดดหรือคุยกันมากกว่า เราชอบฟีลแบบนี้ ไม่วุ่นวายดีน่าจะสงบกว่าทางป่าตองมาก
น้องสองตัวน่ารักมากกกก วิ่งริมหาดกันแบบชิวๆ
พอเก็บบรรยากาศแล้ว เราก็ออกเดินทางต่อไปยังพระพุทธมิ่งมงคลเอกนาคคีรี อีกหนึ่งจุดชมวิวที่สวยของภูเก็ตเลยค่ะ ต้องขึ้นเขา สามารถเอารถขึ้นไปได้นะคะ แต่ว่าขับกันระวังๆนิดนึง เพราะรถค่อนข้างเยอะ ระหว่างทางที่ขับรถขึ้นมา อากาศเย็นมากก อย่างกะขึ้นเขาทางเหนือเลยอ่ะ อากาศดีมากก
พอลงมาจากเขาแล้ว เราไปแวะกันที่สุดท้ายก่อนจะกลับคือ วัดฉลองหรือวัดไชยธาราราม วัดชื่อดังของภูเก็ตเลย ใครไปใครมาก็จะแวะมานมัสการหลวงพ่อแช่ม เกจิชื่อดังที่มีคนเคารพ สักการะเยอะมากค่ะ มีเจดีย์ที่สวยมากกกก
แถมเจอเจ้าถิ่นขวางทางด้วย555555
จากนั้นเราก็กลับไปยังที่พักเพราะฝนเริ่มเหมือนจะตกแล้วด้วย ต้องขอบคุณคุณลุงมากจริงๆค่ะที่พาแว้นกลับมาทัน555555
พอตกเย็นก้เริ่มหิวค่ะ แต่ ณ ตอนนั้น ไม่รู้เลยว่าจะกินอะไรดี เลยลองเสริชหาดู สรุปร้านที่อร่อยและราคาไม่แรงไปตกที่โกเบนซ์ข้าวต้มแห้งหมู ร้านที่อยู่ใน Guide book ของมิชลินสตาร์ที่ไม่ควรพลาด เราเลยเดินจากโฮสเทลไประยะทางประมาณ 1 กิโลเมตร เอ่อ คือเราอ่ะเดินเป็นปกติ แต่ถ้าใครไม่ชอบเดิน แนะนำวินมอไซต์นะคะ55555
ไปถึงร้าน 18.30 ร้านเปิด 19.00 แต่ให้ลูกค้าเข้าไปนั่งรอในร้านได้ พอทุ่มนึง พนักงานเดินมาบอกว่า วันนี้ไม่ทันนะคะ เลื่อนเปิดเป็นทุ่มครึ่ง ตอนนั้นคือหิวอ่ะ แต่ทำไงได้ เอาตูดเข้ามาหย่อนในร้านนี้แล้ว รอต่อไป แต่ร้านคือคนเต็มและมีคนมาต่อแถวแล้วนะคะ คือคนมารอกินกันเยอะมาก
แต่พอได้กินปุ๊ป ฟินมากค่ะ อร่อยสมการรอคอย