“ผมบอกว่าอย่าไปยุ่งกับมัน”
“ยุ่งอะไร”
“จำไว้เลยนะ ว่าอย่าไปยุ่งกับน้องผมอีก ถ้าน้องผมยังไม่ต้องการคุณ”
ในออฟฟิศเล็กๆแห่งหนึ่งแถวโรงงานอุตสาหกรรม ลักษณะเป็นตึกทาวเฮ้าส์สามชั้นสองคูหา ข้างล่างจัดตั้งเป็นบริษัทออกแบบและรับเหมาก่อสร้าง
บารมีหมุนเก้าอี้ที่นั่งทำงานมาทางอีกคนที่ยืนอยู่โต๊ะทำงานอีกตัว เขาคนนั้นมีตำแหน่งเป็นถึงเจ้าของบริษัท เหมือนว่ากำลังดูงานอะไรสักอย่าง เงยหน้าขึ้นมามอง สีหน้าเรียบเฉยเหมือนรู้ว่าบารมีหมายถึงเรื่องอะไร
“ผมไม่ได้ยุ่งหรอกครับ ผมก็อวยพรปกติเหมือนพ่อคนอื่นๆเขาทำกัน”
ปรมีตอบคนที่นั่งจ้องหน้าอยู่ ซึ่งถ้าเป็นพนักงานคนอื่นได้โดนไล่ออกไปแล้วแน่นอน แต่นี่คือบารมีลูกชายตัวเอง
“อย่าไปยุ่งวุ่นวายกับมันอีกนะ ปาลินไม่ได้ต้องการคุณ”
บารมีหมุนเก้าอี้กลับมาทางเดิม ไม่สนใจว่าคู่สนทนาจะคิดอย่างไร เอนหลังพิงพนักเก้าอี้ มือกดพิมพ์แชทคุยกับน้องสาว
เขายอมเรียนและมาช่วยงานตามที่พ่ออยากให้ทำ แต่ทว่าน้องสาวเขาไม่อยากยุ่งหรือวุ่นวายด้วย เขาก็ไม่บังคับ บารมีแคร์ความรู้สึกน้องมากสำหรับเรื่องนี้ และ ปรมีหรือพ่อก็ห้ามไปยุ่ง ถ้าน้องสาวไม่ต้องการ
หลายวันก่อนที่ผ่านมา
วันเกิดปาลินเธอได้รับข้อความอวยพรมากมาย หลั่งไหลเข้ามาทางโซเชียล ทั้งเค้ก ทั้งของขวัญ ทั้งคำอวยพร จากเพื่อนๆที่ทำงาน เพื่อนประถม มัธยม มหาลัย และจากคนที่ไม่รู้จักทางโซเชียลอีกมากมาย จากครอบครัว ตั้งแต่เที่ยงคืนวันที่27ยันวันที่28 คำอวยพรก็ยังหลั่งไหลเข้ามาประปราย
เธอไม่ได้สนใจข้อความเหล่านั้น แต่มันก็ทำให้เธอยิ้มได้ทั้งวัน มีความสุขที่ได้อ่าน กดถูกใจ ตอบกลับข้อความ ขอบคุณที่อวยพรเธอ
มีข้อความจากคนบุคคลกลุ่มหนึ่งแสดงความยินดีและอวยพรเข้ามา และมีของขวัญจากบุคคลนิรนามส่งมาที่ทำงานให้เธอ ซึ่งเธอก็รู้ว่าเป็นใคร เธอโกรธของเธอคนเดียว ไม่ชอบใจทำไมบุคคลเหล่านั้นถึงกล้า หน้าด้านกับเธอขนาดนี้
มันไม่ใช่เรื่องใหญ่สำหรับหลายๆคน ก็แค่นั้นแค่นี่ เขาส่งมาก็รับไปสิ ทำไมต้องทำให้มันเป็นเรื่อง แต่สำหรับปาลินแล้ว อะไรที่มาจากบุคคลกลุ่มนั้น มันคือเรื่องใหญ่หมด มันคือสิ่งที่น่าเกลียด และไม่สมควรรับ
ไม่มีใครเข้าใจเธอเลย แม้กระทั่งแม่ แม่ที่รู้ดีที่สุดก็ยังบังคับเธอ ไม่เข้าใจเธอแม้แต่นิดเดียว ปาลินคุยกับใครไม่ได้ นอกจากพี่ชาย พี่ชายคนเดียวเท่านั้นที่เข้าใจ รับฟัง และตามใจไม่บังคับ
เธอคุยกับพี่ชายเล่าเรื่องทั้งหมดให้ฟัง เธอไม่ต้องการ ไม่ได้ขอร้อง ทำแบบนี้เพื่ออะไร เธอไม่ชอบ! และไม่อยากให้เกิดขึ้น มาตรฐานของเธอเป็นยังไงก็ยังเป็นอย่างนั้น ไม่มีลดหย่อนผ่อนปรน นอกจากจะตายจากกัน ถ้าเธอตายก่อนก็จบไป ถ้าเขาตายก่อนเธอถึงจะยอมรับ
ปาลินไม่เคยชอบใจที่พี่ชายยอมทำงานกับปรมี สมัยก่อนตอนเด็กๆพี่ชายก็ดูเหมือนจะสนิทกับเขา ยอมทำตามที่เขาต้องการ บอกอะไรก็ทำหมด แม้แต่แม่ แม่ที่ต้องการให้พี่ชายรับราชการ แต่พี่ก็ยังกล้าที่จะขัดใจ เรียนในสิ่งที่ปรมีอยากให้เรียน ไม่ใช่หรอกเธอรู้ว่ามันคือความชอบของพี่ ไม่ได้อยากขัดใจแม่ หรือทำตามเขาเลย
เธอไม่เคยบังคับพี่ชาย และพี่ชายก็ไม่เคยบังคับความรู้สึกเธอ นอกจากคำพูดของเธอจะไม่ค่อยน่าฟัง มีบ้างที่พี่ดุห้ามปรามไว้ เพราะคำพูดที่รุนแรงเหล่านั้น
บารมีทราบทุกอย่าง น้องสาวเล่าให้ฟังหมดทุกเรื่อง แถมปาลินยังพาลมาโกรธเขาอีก อยู่ด้วยกันทำไมไม่บอกกัน ได้ตัวเขามาใกล้ชิดแล้วยังไม่พอ ยังอยากจะไปสนิทกับน้องสาวอีก
“อ่อ มีอีกเรื่องที่อยากฝาก” บารมีลุกขึ้นยืน เก็บกระเป๋า สวมสูทจัดระเบียบให้เรียบร้อย หลังจากที่แชทคุยกับน้องสาวเสร็จเรียบร้อย
“อะไรอีกอ่ะ”
ปรมีที่นั่งดูแฟ้มต่างๆเกี่ยวกับงาน เหลือบสายตาขึ้นมามองลูกชาย ผ่านแว่นสายตาที่สวมอยู่ แววตามีความภูมิใจในตัวลูกชายคนโตคนนี้มากๆ อยากจะพูดอะไรก็พูดมาเถอะ เขาไม่ใส่ใจและสนใจอยู่แล้ว
ใจจริงเขาอยากได้ลูกสาวคนโตมาช่วยงานเหมือนกัน จัดการเกี่ยวกับข้อมูลคนงาน หรือที่เรียกว่าฝ่ายบุคคล บริษัทเล็กๆจ้างพนักงานเยอะไม่ได้ ถ้าได้อีกคนมาช่วยคงดีกว่านี้ หน้าที่นี้กับบัญชีก็มีภรรยา กับพนักงานไม่กี่คนดูแลอยู่
แต่ก็ไม่เคยสำเร็จ จะเข้าหายังยากเลย ส่วนลูกๆอีกสองคนยังเล็กเรียนยังไม่จบ เหลืออีกตั้งหลายปี เขาได้แต่แอบมองลูกสาวคนโตห่างๆ มีเผลอลืมตัวไปบ้าง ทำให้บารมีต้องมาว่าตนเองเช่นวันนี้
“บอกครอบครัวตัวเองด้วยนะ อย่าไปยุ่งวุ่นวายกับมัน”
แล้วบารมีก็เดินออกไป เพราะต้องไปทำธุระดูคนงานที่ไซต์งานก่อสร้าง
“พวกเขาก็ไม่ได้อะไรนิ เฮ้อ! ไปๆจะไปไซต์งานก็รีบไป ไร้สาระ” ปรมีกวักมือไล่ลูกชาย เขารู้ดีแก่ใจอยู่แล้ว โชคดีที่ลูกคนนี้ไม่คิดแบบนั้น เขายังถือว่าโชคดี โชคดีมากๆ จะดีกว่านี้ถ้าคนน้องเข้าใจเหมือนคนพี่ แต่ปรมีก็เข้าใจและยอมรับ
“เดี๋ยว ตอนเย็นฝากไปรับลิลลี่กับเจที่โรงเรียนด้วยนะ ผมมีธุระ อ่อ ว่างๆพาเด็กๆมาหาผมบ้างนะ”
ปรมียิ้มๆเขาหมายถึงหลานๆลูกของบารมี ที่เขาไม่เคยได้เจอแบบตั้งใจสักที มีเจอบ้างที่ไม่ได้ตั้งใจ บังเอิญผ่านมาเจอแป๊บเดียว เขาหมายถึงเขาอยากอยู่เล่นด้วย ที่จริงเขาไม่เคยได้อุ้มเลยต่างหาก
“ครับ... อืม!แค่ตัวผมคนเดียวไม่พอเหรอ อย่าไปยุ่งกับพวกเขาเลย กับน้อง กับครอบครัวของผม ต่างคนต่างอยู่นะ
ว่าแต่อีกแล้วเหรอ ให้ผมไปรับอ่ะบอกลูกๆตัวเองด้วยไม่ต้องโพสต์ ไม่ต้องเช็คอิน ไม่ต้องดีใจขนาดนั้น ไม่ชอบ!”
ที่เขาไม่ชอบเขากลัวปาลินไม่ชอบใจต่างหากล่ะ เขาแคร์ความรู้สึกน้องสาวคนนี้มากที่สุดอย่างที่เคยบอกมาแล้ว
“ลับสุดยอดเหรอ ฮ่าๆ”
“พ่อ!”
“พ่อเข้าใจ”
บารมีเขาไม่คิดมากเรื่องพวกนี้อยู่แล้ว ส่วนน้องสาวเขาก็ไม่อยากทำร้ายความรู้สึก ดังนั้นที่พ่อให้ทำอะไรเกี่ยวกับน้องคนละแม่ มันจึงเป็นความลับที่สุด แต่ก็ไม่ลับ ปาลินก็รู้อยู่ดี ถ้าไม่จำเป็นบารมีก็จะไม่ยุ่งกับครอบครัวนี้เลย นอกจากเวลางาน คือทุกๆวันต้องมาทำงานกับพ่ออยู่แล้ว ยุ่งเกี่ยวกันแค่ตรงนี้พอ
เรื่องราว... บทที่1
“ยุ่งอะไร”
“จำไว้เลยนะ ว่าอย่าไปยุ่งกับน้องผมอีก ถ้าน้องผมยังไม่ต้องการคุณ”
ในออฟฟิศเล็กๆแห่งหนึ่งแถวโรงงานอุตสาหกรรม ลักษณะเป็นตึกทาวเฮ้าส์สามชั้นสองคูหา ข้างล่างจัดตั้งเป็นบริษัทออกแบบและรับเหมาก่อสร้าง
บารมีหมุนเก้าอี้ที่นั่งทำงานมาทางอีกคนที่ยืนอยู่โต๊ะทำงานอีกตัว เขาคนนั้นมีตำแหน่งเป็นถึงเจ้าของบริษัท เหมือนว่ากำลังดูงานอะไรสักอย่าง เงยหน้าขึ้นมามอง สีหน้าเรียบเฉยเหมือนรู้ว่าบารมีหมายถึงเรื่องอะไร
“ผมไม่ได้ยุ่งหรอกครับ ผมก็อวยพรปกติเหมือนพ่อคนอื่นๆเขาทำกัน”
ปรมีตอบคนที่นั่งจ้องหน้าอยู่ ซึ่งถ้าเป็นพนักงานคนอื่นได้โดนไล่ออกไปแล้วแน่นอน แต่นี่คือบารมีลูกชายตัวเอง
“อย่าไปยุ่งวุ่นวายกับมันอีกนะ ปาลินไม่ได้ต้องการคุณ”
บารมีหมุนเก้าอี้กลับมาทางเดิม ไม่สนใจว่าคู่สนทนาจะคิดอย่างไร เอนหลังพิงพนักเก้าอี้ มือกดพิมพ์แชทคุยกับน้องสาว
เขายอมเรียนและมาช่วยงานตามที่พ่ออยากให้ทำ แต่ทว่าน้องสาวเขาไม่อยากยุ่งหรือวุ่นวายด้วย เขาก็ไม่บังคับ บารมีแคร์ความรู้สึกน้องมากสำหรับเรื่องนี้ และ ปรมีหรือพ่อก็ห้ามไปยุ่ง ถ้าน้องสาวไม่ต้องการ
หลายวันก่อนที่ผ่านมา
วันเกิดปาลินเธอได้รับข้อความอวยพรมากมาย หลั่งไหลเข้ามาทางโซเชียล ทั้งเค้ก ทั้งของขวัญ ทั้งคำอวยพร จากเพื่อนๆที่ทำงาน เพื่อนประถม มัธยม มหาลัย และจากคนที่ไม่รู้จักทางโซเชียลอีกมากมาย จากครอบครัว ตั้งแต่เที่ยงคืนวันที่27ยันวันที่28 คำอวยพรก็ยังหลั่งไหลเข้ามาประปราย
เธอไม่ได้สนใจข้อความเหล่านั้น แต่มันก็ทำให้เธอยิ้มได้ทั้งวัน มีความสุขที่ได้อ่าน กดถูกใจ ตอบกลับข้อความ ขอบคุณที่อวยพรเธอ
มีข้อความจากคนบุคคลกลุ่มหนึ่งแสดงความยินดีและอวยพรเข้ามา และมีของขวัญจากบุคคลนิรนามส่งมาที่ทำงานให้เธอ ซึ่งเธอก็รู้ว่าเป็นใคร เธอโกรธของเธอคนเดียว ไม่ชอบใจทำไมบุคคลเหล่านั้นถึงกล้า หน้าด้านกับเธอขนาดนี้
มันไม่ใช่เรื่องใหญ่สำหรับหลายๆคน ก็แค่นั้นแค่นี่ เขาส่งมาก็รับไปสิ ทำไมต้องทำให้มันเป็นเรื่อง แต่สำหรับปาลินแล้ว อะไรที่มาจากบุคคลกลุ่มนั้น มันคือเรื่องใหญ่หมด มันคือสิ่งที่น่าเกลียด และไม่สมควรรับ
ไม่มีใครเข้าใจเธอเลย แม้กระทั่งแม่ แม่ที่รู้ดีที่สุดก็ยังบังคับเธอ ไม่เข้าใจเธอแม้แต่นิดเดียว ปาลินคุยกับใครไม่ได้ นอกจากพี่ชาย พี่ชายคนเดียวเท่านั้นที่เข้าใจ รับฟัง และตามใจไม่บังคับ
เธอคุยกับพี่ชายเล่าเรื่องทั้งหมดให้ฟัง เธอไม่ต้องการ ไม่ได้ขอร้อง ทำแบบนี้เพื่ออะไร เธอไม่ชอบ! และไม่อยากให้เกิดขึ้น มาตรฐานของเธอเป็นยังไงก็ยังเป็นอย่างนั้น ไม่มีลดหย่อนผ่อนปรน นอกจากจะตายจากกัน ถ้าเธอตายก่อนก็จบไป ถ้าเขาตายก่อนเธอถึงจะยอมรับ
ปาลินไม่เคยชอบใจที่พี่ชายยอมทำงานกับปรมี สมัยก่อนตอนเด็กๆพี่ชายก็ดูเหมือนจะสนิทกับเขา ยอมทำตามที่เขาต้องการ บอกอะไรก็ทำหมด แม้แต่แม่ แม่ที่ต้องการให้พี่ชายรับราชการ แต่พี่ก็ยังกล้าที่จะขัดใจ เรียนในสิ่งที่ปรมีอยากให้เรียน ไม่ใช่หรอกเธอรู้ว่ามันคือความชอบของพี่ ไม่ได้อยากขัดใจแม่ หรือทำตามเขาเลย
เธอไม่เคยบังคับพี่ชาย และพี่ชายก็ไม่เคยบังคับความรู้สึกเธอ นอกจากคำพูดของเธอจะไม่ค่อยน่าฟัง มีบ้างที่พี่ดุห้ามปรามไว้ เพราะคำพูดที่รุนแรงเหล่านั้น
บารมีทราบทุกอย่าง น้องสาวเล่าให้ฟังหมดทุกเรื่อง แถมปาลินยังพาลมาโกรธเขาอีก อยู่ด้วยกันทำไมไม่บอกกัน ได้ตัวเขามาใกล้ชิดแล้วยังไม่พอ ยังอยากจะไปสนิทกับน้องสาวอีก
“อ่อ มีอีกเรื่องที่อยากฝาก” บารมีลุกขึ้นยืน เก็บกระเป๋า สวมสูทจัดระเบียบให้เรียบร้อย หลังจากที่แชทคุยกับน้องสาวเสร็จเรียบร้อย
“อะไรอีกอ่ะ”
ปรมีที่นั่งดูแฟ้มต่างๆเกี่ยวกับงาน เหลือบสายตาขึ้นมามองลูกชาย ผ่านแว่นสายตาที่สวมอยู่ แววตามีความภูมิใจในตัวลูกชายคนโตคนนี้มากๆ อยากจะพูดอะไรก็พูดมาเถอะ เขาไม่ใส่ใจและสนใจอยู่แล้ว
ใจจริงเขาอยากได้ลูกสาวคนโตมาช่วยงานเหมือนกัน จัดการเกี่ยวกับข้อมูลคนงาน หรือที่เรียกว่าฝ่ายบุคคล บริษัทเล็กๆจ้างพนักงานเยอะไม่ได้ ถ้าได้อีกคนมาช่วยคงดีกว่านี้ หน้าที่นี้กับบัญชีก็มีภรรยา กับพนักงานไม่กี่คนดูแลอยู่
แต่ก็ไม่เคยสำเร็จ จะเข้าหายังยากเลย ส่วนลูกๆอีกสองคนยังเล็กเรียนยังไม่จบ เหลืออีกตั้งหลายปี เขาได้แต่แอบมองลูกสาวคนโตห่างๆ มีเผลอลืมตัวไปบ้าง ทำให้บารมีต้องมาว่าตนเองเช่นวันนี้
“บอกครอบครัวตัวเองด้วยนะ อย่าไปยุ่งวุ่นวายกับมัน”
แล้วบารมีก็เดินออกไป เพราะต้องไปทำธุระดูคนงานที่ไซต์งานก่อสร้าง
“พวกเขาก็ไม่ได้อะไรนิ เฮ้อ! ไปๆจะไปไซต์งานก็รีบไป ไร้สาระ” ปรมีกวักมือไล่ลูกชาย เขารู้ดีแก่ใจอยู่แล้ว โชคดีที่ลูกคนนี้ไม่คิดแบบนั้น เขายังถือว่าโชคดี โชคดีมากๆ จะดีกว่านี้ถ้าคนน้องเข้าใจเหมือนคนพี่ แต่ปรมีก็เข้าใจและยอมรับ
“เดี๋ยว ตอนเย็นฝากไปรับลิลลี่กับเจที่โรงเรียนด้วยนะ ผมมีธุระ อ่อ ว่างๆพาเด็กๆมาหาผมบ้างนะ”
ปรมียิ้มๆเขาหมายถึงหลานๆลูกของบารมี ที่เขาไม่เคยได้เจอแบบตั้งใจสักที มีเจอบ้างที่ไม่ได้ตั้งใจ บังเอิญผ่านมาเจอแป๊บเดียว เขาหมายถึงเขาอยากอยู่เล่นด้วย ที่จริงเขาไม่เคยได้อุ้มเลยต่างหาก
“ครับ... อืม!แค่ตัวผมคนเดียวไม่พอเหรอ อย่าไปยุ่งกับพวกเขาเลย กับน้อง กับครอบครัวของผม ต่างคนต่างอยู่นะ
ว่าแต่อีกแล้วเหรอ ให้ผมไปรับอ่ะบอกลูกๆตัวเองด้วยไม่ต้องโพสต์ ไม่ต้องเช็คอิน ไม่ต้องดีใจขนาดนั้น ไม่ชอบ!”
ที่เขาไม่ชอบเขากลัวปาลินไม่ชอบใจต่างหากล่ะ เขาแคร์ความรู้สึกน้องสาวคนนี้มากที่สุดอย่างที่เคยบอกมาแล้ว
“ลับสุดยอดเหรอ ฮ่าๆ”
“พ่อ!”
“พ่อเข้าใจ”
บารมีเขาไม่คิดมากเรื่องพวกนี้อยู่แล้ว ส่วนน้องสาวเขาก็ไม่อยากทำร้ายความรู้สึก ดังนั้นที่พ่อให้ทำอะไรเกี่ยวกับน้องคนละแม่ มันจึงเป็นความลับที่สุด แต่ก็ไม่ลับ ปาลินก็รู้อยู่ดี ถ้าไม่จำเป็นบารมีก็จะไม่ยุ่งกับครอบครัวนี้เลย นอกจากเวลางาน คือทุกๆวันต้องมาทำงานกับพ่ออยู่แล้ว ยุ่งเกี่ยวกันแค่ตรงนี้พอ