เรื่องเล่าแถวบ้านเกิดใกล้สนามฟุตบอลรถไฟ ตอนแรก

คลิกเพื่อดูคลิปวิดีโอ
หาดใหญ่เจริญด้วยคนจีนในอดีต

ข้อตกลงเบื้องต้น

เรื่องนี้เขียนขึ้นจากความทรงจำเก่า ๆ
บางบทบางตอนอาจจะชำรุดบกพร่อง
ตามประสาความทรงจำเลือนลาง



ปัง ปัง

เสียงปืนดังสองนัดที่หน้าบ้านในคืนวันหนึ่ง เวลาราวตีสอง
แถวถนนตัดตรงจากสถานีรถไฟไปสุดสายที่หาดทรายขาว
(เป็นลำคลองน้ำไหลเชี่ยวมีคนตายมากที่สุด
บางคนว่ามีผีพรายคอยมาเอาชีวิตเด็ก)

" เฮ่ย ๆ เป็นอะไรไหม "
ชายคนหนึ่งที่เพื่อนเรียกผู้การร้องถามเพื่อน

" ไม่ ไม่ เป็นไร " อีกคนหนึ่งตอบแล้วพูดว่า

" เฮ่ย มันวิ่งหนีไปทางนั้นแล้ว " เพื่อนอีกคนตอบ 

" อย่า  อย่า วิ่งตามมัน มันมีปืน " ทุกคนต่างร้องห้าม

" เฮ้ ผู้การ ที่หลังมีเลือดไหล " เพื่อนคนหนึ่งบอก

" เหรอ เออเจ็บจัง " ผู้การบอก

แล้วเพื่อนต่างชุลมุนหามผู้จัดการห้องอาหารรถไฟ
เพื่อนำส่งโรงพยาบาลหาดใหญ่ 
เพราะเริ่มมีไทยมุงมามากแล้ว
เพื่อนจึงพาผู้การขึ้นรถสามล้อรับจ้างไปส่งโรงพยาบาล
ที่มีระยะทางห่างจากสถานที่เกิดเหตุราว 3 กิโลเมตร

" ขอแสดงความเสียใจด้วย " หมอที่มาตรวจอาการบอก

เสียงร่ำไห้จากคุณนายภริยาผู้จัดการก็ดังขึ้น
ท่ามกลางการปลอบใจของเพื่อนผู้จัดการ
ส่วนการสืบสวน ตำรวจสรุปคดีแบบง่าย ๆ
ชู้สาว ขัดผลประโยชน์ จบข่าวไม่ต้องทำคดีต่อ
เพราะทั้งสองเรื่องนี่มักจะเป็นความลับ
ผู้ตายมักจะไม่บอกเล่ากับภริยาหรือคนใกล้ชิด

คุณนายคือ ชื่อเรียกคนที่มีฐานะทางการเงินดีหรือเมียข้าราชการ
ในยุคนั้น  ภริยาของผู้จัดการโรงแรมรถไฟ
ก็ถือว่า เป็นคนมีหน้ามีตา และรายได้จัดว่าดีระดับหนึ่ง
แต่ชุมทางรถไฟหาดใหญ่  จะใช้ตัวย่อว่า  ห. ใ.  แทนคำว่า  ห.ญ
เพราะคนงานรถไฟมักทำเสียงล้อเลียนดัง ๆ ว่า
เห้ ๆ คุณนาย หอ ไย๋ หอ ไย๋ มาแหล่ว
พอเปลี่ยนเป็น หอใอ  ก็ล้อเลียนยากโดยปริยาย

ต่อมา  ไม่นานนักราวครึ่งปีต่อมา
คุณนายก็เสียชีวิตเพราะตรอมใจตาย
ลูกสาวคุณนายอายุก็ราว ๆ รุ่นน้องผม
ผมเคยเจอครั้งสองครั้ง จัดว่าคนงามคนหนึ่ง 
เธอมักอยู่แต่ในบ้าน  แม่เธอไม่ยอมให้ออกมาวิ่งเล่นนอกบ้าน
แม้ว่าแถวนั้นจะมีกลุ่มเด็ก ๆ ข้างบ้านอยู่กันราว 6 คน

แม่เธอบอกว่า โตขึ้นจะให้ลูกสาวไปประกวดนางงาม
เพราะตอนนั้นเมืองไทยมีประกวดนางงามกันมากแล้ว
บางคนจบลงด้วยเป็นอนุภริยา จอมพลสฤษดิ์  ธนะรัชต์
แบบลูกผู้ชายลายมือนั้นคือทรัพย์ ส่วนนารีมีรูปโฉมคือทรัพย์
แต่พอแม่เธอตาย  เธอต้องไปอยู่กับญาติแถวบ้านพักคนงานรถไฟ
พี่สาวเล่าว่าเคยเจอเธอ  แต่ลักษณะแบบเด็กอมทุกข์

ผมไม่เคยเจอเธออีกเลย  หลังจากเธอย้ายบ้านไปอยู่กับญาติเธอ
ถ้าเจอก็คงจำไม่ได้แล้วเช่นกัน  เว้นแต่เธอจะเล่าเรื่องราวให้ฟัง



โรงแรมรถไฟหาดใหญ่ในยุคนั้นเป็นอาคารไม้ยกพื้น
จัดว่าเป็นโรงแรมของคนเดินทางที่มีระดับ
และไว้รับรองเจ้านาย/ข้าราชการระดับสูง
ที่มาพักเบิกหลวงได้ หรือมีพ่อค้าจ่ายเงินให้พักฟรี
เพื่อแลกเปลี่ยนกับผลประโยชน์ทางธุรกิจต่าง ๆ
เพราะหาดใหญ่ติดชายแดนสินค้าชายแดนจึงขายดีมากในยุคนั้น
ชายแดนไทยมาเลย์มีสองด่านคือ
ด่านนอก(จังโหลน ช้างหล่น(เขา) หรือใบจังหล่น)
ปาดังเบซาร์ ทั้งสองด่านห่างจากอำเภอสะเดา 12  กิโลเมตร
สินค้ามาเลย์เป็นของนอกจากอังกฤษ พวกปูน เหล็ก ไม้ ในช่วงก่อนปี 2500
ต่อมามาเลย์ได้รับเอกราชก็จะเป็นพวกสินค้าจีนแดง ญี่ปุ่น
สินค้าไทยเป็นพวกข้าวสาร น้ำตาล ยางพารา ดีบุก

ด้านล่างโรงแรมเป็นที่เก็บของพวกลังน้ำดื่ม ของใช้โรงแรมที่ชำรุด
โรงแรมมีห้องพักไม่เกินกว่า 20 ห้องพัก สร้างเป็นรูปตัว L
โรงแรมแห่งนี้ อาภัสรา หงสกุล  เคยมาพักและโชว์ตัว
ในสมัยที่ได้นางงามจักรวาลโลกครั้งแรก
เพราะเธอต้องกลับไปปีนัง  ทำเรื่องลาออกจากการเรียน
ผมยังไปยืนเหิดดู  แบบอาหารลูกสุนัขแหงนมองเจ้าของ
เพราะตอนนันยังเด็กมาก  เลยแทรก ๆ เบียดเข้าไปดูด้านหน้าได้

ที่โรงแรมรถไฟมีห้องอาหารไทย จีน ฝรั่ง
ที่ขายเหล้าบุหรี่อาหารฝรั่งจากกุ๊กจีนไหหลำ
เป็นที่นิยมของคนมีระดับและมีเงินในยุคนั้น
เรียกว่า แข่งกับ ภัตตาคารไหหว้าเทียน
ที่อยู่บนถนนสายเดียวกัน แต่ห่างออกไปราว 100 เมตร

กุ๊กไหหลำนอกจากทำอาหารนานาชาติ
ก็ยังทำขนมปังได้เก่งมาก
จนทุกวันนี้ลูกชายแกก็ยังทำขายอยู่ในหาดใหญ่
โดยใช้เครื่องจักรจากอิตาลี
ที่เคยผ่านน้ำท่วมมาหลายครั้ง
ก็ยังทนถึก ใช้ทน ใช้นาน ใช้จนรำคาญ
ครั้งหลังสุดต้องซ่อมมอร์เตอร์ใหม่ เปลี่ยนบูท 
แล้วยกขึ้นชั้นสามที่อาคารพาณิชย์แห่งหนึ่ง
เพราะโรงแรมรถไฟเดิมถูกรื้อที่กลายเป็นอาคารพาณิชย์
กับที่จอดรถยนต์ของห้างสรรพสินค้าโรบินสัน

บริเวณด้านหลังโรงแรมรถไฟจะมีบ้านพักคนงานรถไฟ
(สภาพตอนนี้คือ ที่จอดรถยนต์กับจัดงานเฉพาะกิจ)
ส่วนด้านข้างที่ตรงข้ามกับโรงแรมรถไฟ มีถนนรัถการคั่นกลาง
ปัจจุบันคือ อาคารพาณิชย์ ห้างสรรพสินค้าโรบินสันกับอาพาณิชย์
เดิมคือ สนามฟุตบอลรถไฟ  ขนาดพอ ๆ กับสนามฟุตบอลทุกวันนี้
แต่ไม่มีอัศจรรย์ ใช้การยืนมุงดู รอบ ๆ ขอบสนาม
ที่นี่นอกจากเป็นสนามฟุตบอลของคนงานรถไฟ/ลูกหลาน
ก็ยังเคยเป็นสนามแข่งกีฬาฟุตบอลของโรงเรียนต่าง ๆ
และครูสว่างครูโรงเรียนม.ชาย (มัธยมชาย)
ชอบเอาไม้ไล่ตีไทยมุงที่ลงไปยืนล้ำเส้นขอบสนาม
คนถูกตีก็เฮ ๆ กันแบบสนุกสนาน
ในยุคนั้น ชาวบ้านยังให้ความเคารพอาชีพครูมาก
กอปรกับท่านมีคนรู้จักมากในหาดใหญ่ยุคนั้น
ถ้าเป็นปัจจุบันไม่แน่  ท่านอาจจะเจ็บตัวก็ได้

สมัยนั้นระดับมัธยมยังมีโรงเรียน ม.หญิง (มัธยมสตรี)
ยังไม่เรียนรวมกันเป็นสหศึกษาแบบทุกวันนี้
เหมือนกับโรงเรียนราษฏร์แคลอลิคนิกายซาเลเซียนที่โด่งดัง
คือ โรงเรียนแสงทองวิทยา(ชาย) 
โรงเรียนธิดานุเคราะห์(หญิง)
ส่วนโรงเรียนเทศบาลและเอกชนจะรับรวบแบบสหศึกษา
แต่การสอนส่วนมากแค่ประถมปีที่ 4 ก่อนขยายเป็น 7

ต่อมา มีการสร้างสนามกีฬากลางหาดใหญ่ 
หรือชื่อ สนามจิระนคร นามสกุล เจียกีซี(ขุนนิพัทธ์จีนนคร)
จึงเลิกใช้สนามฟุตบอลแห่งนี้ไป  ปล่อยทิ้งร้าง เป็นที่ให้วัวมากินหญ้า
หรือที่หัดขับรถจักรยาน หรือ รถยนต์
และเป็นสนามฟุตบอลของเด็กแถวบ้านพักรถไฟ กับชุมชนใกล้เคียง
นาน ๆ จึงจะมีคนงานรถไฟมาตัดหญ้าในสนาม
ไม่มีการซ่อมแซมจนสนามฟุตบอลชำรุดไปมาก

หาดใหญ่ในยุคนั้นมักจะมีน้ำหลากทุกปี
แบบน้ำท่วมเข้าไปในบ้านราวชั่วโมงสองชั่วโมงก็ลดแล้ว
เว้นแต่บางครั้งที่ท่วมนานราวสองถึงสามวัน
สนามฟุตบอลแห่งนี้ก็เช่นกัน
พอน้ำท่วมขัง สภาพก็เละไปหมดใช้การไม่ได้
จะมีคนไปคอยจับปลาตอนน้ำลด
ก็มักจะได้ปลาช่อน ปลาดุก ปลากะดี่ และกุ้งบ้าง

แต่ที่สนามฟุตบอลแห่งนี้จะมี หลุมดำ
คือ  พอน้ำเริ่มลดแล้วจะมีหลุมขนาดกว้างราว 1 ฟุต ลึกราวฟุตเศษ
มักจะมีปลาช่วยกันขุดเพื่อลงไปซ่อนตัวอยู่ในโคลนแห่งนั้น
ผมเคยเมียงมองตั้งหลายครั้ง
จำได้ไม่ต่ำกว่า 4 ครั้ง
แต่ไม่กล้าเอามือล้วงลงไปเพราะปอดแหก
กลัวว่าอาจจะถูกงูกัดตายได้
แต่คนงานรถไฟที่กล้า ๆ มักจะล้วงลงไป
มักจะได้ปลาจำนวนหนึ่งกลับบ้านไป

ส่วนพวกเด็ก ๆ ที่จะเล่นฟุตบอลบนสนามฟุตบอลรถไฟ
มักจะช่วยกันเขี่ยดินทรายหรือหาดินมาเทลงกลบหลุมนั้น
หลังจากหกล้มหรือเท้าเหยียบลงในหลุม จนเท้าแพลง



ส่วนด้านหน้าห้างสรรพสินค้าโรบินสัน
เคยเป็นอาคารพาณิชย์ครึ่งตึกครึ่งไม้ 2 ชั้น
สร้างเป็นรูปตัว L คนบ้านติดกันจะรู้จักกันหมด
มีบ้านอาคารราว 12 หลังที่ติด ๆ กันในบริเวณนั้น
มีโรงแรมศรีทักษิณ  ที่โด่งดังในเรื่องตลาดพระเครื่อง
นักเล่นพระมักจะมาชมพระหลังบ่ายโมง
เพราะรถไฟสายหลัก ๆ เริ่มวายแล้วในช่วงนี้
จนเรียกกันว่า ท่าพระจันทร์หาดใหญ่
ก่อนที่ตลาดพระจะย้ายไปเปิดกันมากที่ใต้สะพานลอย 

ที่โรงแรมศรีทักษิณเคยมีการใช้ชั้นสองเป็นที่สังเกตการณ์
ก่อนปล้นร้านทองในหาดใหญ่
เสียงว่าหัวหน้าโจรเป็นครูโรงเรียนแห่งหนึ่งด้วย
เพราะเลียนแบบภาพยนตร์  ชุมทางหาดใหญ่
ที่มาถ่ายทำบนถนนสายนี้ และเข้าฉายข้ามปีแล้ว
ผมยังเคยเป็นไทยมุง ไปยืนมุงดูตอนถ่ายทำเลย
แม้ว่าจะเอาตำรวจมาช่วยกันไทยมุง
ก็มักจะไม่ได้ผล  ในภาพยนตร์จึงเห็นคนมุง

การปล้นร้านทองเริ่มราว 4 โมงเช้า(ตี 10)
กะว่ารถไฟขบวนกรุงเทพฯ - หาดใหญ่ ลงมาพอดี
จะได้ชุลมุนหลบหนีไปได้ง่าย
ตอนกำลังปล้น  จ่าตุ้ย ขี่รถเครื่องรุ่นเก่าคันใหญ่สีดำผ่าน
(น่าจะ บีซ่า BSA หรือ  Triump)
แต่แกทำเป็นไม่รู้ไม่เห็น เพียงแต่ขับไปแจ้งที่สถานีตำรวจ
และร้านทองมีการกดสัญญาณว่า ถูกปล้น ไปโรงพักแล้ว

ตอนนั้นที่โด่งดัง คือ พันตำรวจตรี สล้าง  บุนนาค
ได้มาดวลปืนกับโจรที่ปล้นร้านทอง
เหมือนหนังเลย ตามที่ชาวบ้านเห็นเหตุการณ์
โจรได้ยิงกระสุนใส่หน้าต่างบ้านหลังหนึ่งชั้นสอง
กระสุนเฉี่ยวแก้มคนงานคนหนึ่ง แต่ไม่ได้รับบาดเจ็บอย่างไร
และไม่มีการแจ้งความเรื่องนี้  เพราะต่างตกใจ
กับกลัวว่าโจรถ้ารอดไปได้อาจจะมาเอาเรื่อง

การปะทะในครั้งนั้น
ผลคือ โจรตายไปสามศพ 
และยังเกี่ยวพันกับ  ลุงถิง
ชายชราชาวไทยที่เป็นตำนานของบ้านพัก

โจรอีกสองคนวิ่งหนีเข้าทางตรอก
ที่มีอยู่ทั้งสองด้าน  คนแรกวิ่งหนีไปทางตรอกติดกับร้านโปจิน
ร้านถ่ายรูปแห่งแรกของบ้านทุ่งหาดใหญ่
ด้านหลังเป็นบ้านพักคนงานรถไฟ
วิ่งไปออกถนนประชาธิปัตย์กะว่าไปตลาดสด
ก่อนถูกจับตัวได้แถวสะพานลอย

อีกคนวิ่งไปตรอกที่ติดกับธนาคารนครหลวง (ธนาคารธนชาติในปัจจุบัน)
แต่เดิมเป็นบ้านไม้สองชั้นติดกับร้านอาหารแขกกับร้านบาจา
โจรวิ่งไปเคาะประตูบ้านคนแถวนั้น  แต่ไม่มีใครกล้าเปิดให้เข้าบ้าน
เลยหนีไปหลบซ่อนที่บ้านพักคนงานรถไฟแถวหลังอู่
หนีไปหลบอยู่ราวร่วมอาทิตย์ก่อนจะจับตัวได้
เพราะมอบทองคำให้คนที่ให้บ้านหลบซ่อน
นำไปขายในร้านทองในหาดใหญ่
ปกติทองคำแต่ละเจ้าจะมีตำหนิที่รู้กันในวงการ
พอมีคนนำไปขาย  เจ้าของร้านที่รับซื้อก็แจ้งตำรวจ
จนตามไปจับตัวได้ในที่สุดก็ถูกติดคุกตามระเบียบ
ส่วนอีกคนหนีหายไปจนน่าจะหมดอายุความแล้ว

หลังจากเหตุการณ์ปล้นร้านทองในหาดใหญ่
ตำรวจเลยขอความร่วมมือปิดตายตรอกทุกแห่งในหาดใหญ่

อนึ่งตรงตรอกข้างธนาคารนครหลวง
เดิมเป็นบ้านไม้สองชั้นเป็นร้านค้าทั่วไป
โจรวิ่งงู (วิ่งราวสร้อย) ต้องวิ่งหลบซ้ายหลบขวา
ไม่กล้าวิ่งตรง ๆ กลัวคนเตะตัดขาให้ล้มกลิ้งลง
เลยเรียกกันว่าพวกวิ่งงู
ชอบวิ่งออกทางตรอกนี้  บางครั้งก็วิ่งทะลุบ้านคนที่อยู่ตรงหน้าโรบินสันปัจจุบัน
วิ่งออกไปถนนธรรมนูญวิถี  ก่อนวิ่งหายไปกับสายลม

แก้ไขข้อความเมื่อ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่