นิยาย...emergency love วิกฤตรักฉบับฉุกเฉิน

บทนำ
 
เมื่อโลกก้าวพ้นจากความล้าหลัง ความเจริญในทุกด้านค่อยๆ ดีดตัวเข้ามา ขณะที่ ‘ครรชิต’ ศัลยแพทย์มือหนึ่งของโรงพยาบาลเอกชนที่ดีสุดในกรุงเทพมหานคร ยังคงทำหน้าที่ที่ได้รับมอบหมายอย่างดีเยี่ยม แม้ในบางครั้งต้องเจอกับอุปสรรคและปัญหาอยู่บ้าง แต่นั่นไม่ใช่เหตุผลที่ดีพอจะให้แผนการเดินทางของชีวิตสิ้นสุดลง


ความตายเท่านั้นที่จะพรากทุกอย่างไป


 
[6.00 น. ของวันที่ 13 เมษายน 2562]


บริเวณหน้าห้องผ่าตัดใหญ่ยังคงหนาตาด้วยคนจำนวนหนึ่งหรือจะพูดให้ถูก มันวุ่นวายตั้งแต่เมื่อกลางดึกที่ผ่านมาแล้ว

เครื่องบินวีไอพีลำหนึ่งลงจอดกะทันหันพร้อมคนไข้หมดสติที่ถูกนำส่งเข้ามา และศัลยแพทย์มือหนึ่งก็ถูกเรียกตัวให้มาผ่าตัดตอนตีสี่ทั้งที่ได้เขียนใบลาพักร้อนตั้งเอาไว้แล้ว

“คุณหมอนี่สุดยอดไปเลยค่ะ ถูกเลือดกระเด็นใส่ตัวแบบนั้นก็ยังผ่าตัดต่อได้อีก นี่ถ้าเป็นหมอคนอื่นคงหยุดการผ่าตัดกลางคันไปแล้ว”

คือคำพูดประโยคหนึ่งที่ออกมาจากปากพยาบาลแผนกผ่าตัด นายแพทย์ครรชิตฟังแล้วยิ้ม เขาเพิ่งเสร็จจากการอาบน้ำล้างตัวหลังการผ่าตัดผ่านพ้นไปด้วยดี อาจเพราะหาตำแหน่งที่เส้นเลือดแตกได้ทันท่วงที ไม่เช่นนั้นทุกอย่างคงไม่ราบรื่นแบบนี้

บางที หากการผ่าตัดผิดพลาด ทั้งเขาและทีมอาจต้องมีการชี้แจงอย่างละเอียด ด้วยคนไข้รายนั้นเป็นถึงเครือพระญาติของกษัตริย์แถบตะวันออกกลาง        
    
                หนุ่มหล่อลูกครึ่งไทย-ญี่ปุ่น เอียงหน้ามองพยาบาลที่เข้าร่วมการผ่าตัดในครั้งนี้ด้วยกัน คลี่ยิ้มให้เล็กน้อย ที่จริงมันไม่ใช่เวรผ่าตัดของเขาเลยแต่ที่ต้องทำเพราะถูกโรงพยาบาลเรียกตัวมากะทันหัน เนื่องด้วยเหตุผลที่ฟังแล้วค่อนข้างหดหูใจอย่างมาก

            เป็น case วีไอพีที่ไม่มีหมอคนไหนกล้าผ่าตัดเลยซักคน


                นายแพทย์หนุ่มได้แต่คิดปลงอยู่ในใจ หากข่าวที่ว่าแพทย์ปฏิเสธการผ่าตัดคนไข้ถูกแพร่ออกไป นอกจากจะถูกสังคมออนไลน์โจมตีแล้ว โรงพยาบาลเองก็อาจจะถูกเลื่อนอันดับลง ดังนั้น การตัดสินใจครั้งนี้ของเขาก็เพื่อรักษาผลประโยชน์โรงพยาบาลให้ได้มากที่สุด

                “เพราะผมรู้ไงว่าผลเลือดคนไข้ปกติ ไม่อย่างนั้นก็คงไม่กล้าเสี่ยงเหมือนกัน ถึงจะเป็นเครือญาติของกษัตริย์ก็เถอะ เอดส์มันไม่เข้าใครออกใครหรอก ยังไงก็ต้องขอบคุณมากๆ ที่อยู่ช่วยเหลือจนการผ่าตัดเสร็จสิ้นไปด้วยดี ความจริงคุณเองก็โดนเลือดคนไข้มาเหมือนกันนี่ครับ”

คำพูดของเขาไม่เพียงแต่ทำให้คนฟังใจชื่นที่อย่างน้อยคนเป็นหมอก็ยังมีอารมณ์มาใส่ใจคนระดับล่าง มันถือเป็นการสร้างเสริมสัมพันธภาพไมตรีกับผู้ร่วมงานอย่างหนึ่ง เท้าหนาเดินมาถึงชั้นวางของ มือหนึ่งหยิบระเป๋ามาสะพาย ยังได้ยินเสียงพยาบาลคนเดิมพูดอยู่

                “ฟังดูอาจเหมือนเป็นเรื่องตลก วันนี้มันวันสงกรานต์แท้ๆ คนอื่นเขาสาดน้ำใส่กันอย่างทีความสุขแต่เรากลับโดนเลือดสาดมาแทน”

                “คงเป็นเรื่องตลกที่อาจกลายเป็นเรื่องน่าเศร้าถ้าการผ่าตัดครั้งนี้ล้มเหลว” เขาเสริมให้แล้วยิ้ม ก่อนจะกระชับกระเป๋าสะพายแล้วพูดต่อ

“ถ้าจะให้คิดบวก สงกรานต์ปีนี้เราได้ช่วยชีวิตคนเพิ่มขึ้นอีกหนึ่งคน บุญกุศลอาจทำให้เราได้เจอสิ่งดีๆ” เขาเอ่ยแค่นั้นก่อนเสียงแหลมๆ จากพยาบาลอีกคนจะดังเข้ามา

                “หมอเคนคะ มีสายเข้าจาก Intern อัฐบอกว่าติดต่อคุณหมอเวรไม่ได้ เลยโทรเข้ามาที่ห้องผ่าตัดบอกว่ามี case ด่วนจาก ER จะขอปรึกษาค่ะ”

                นายแพทย์ครรชิตพยักหน้าอย่างรับทราบ จำได้ว่าก่อนผ่าตัดนั้นตนปิดมือถือเอาไว้จนถึงตอนนี้ก็ยังไม่ได้เปิดเครื่องจึงหันมาเอ่ยกับพยาบาลคนเดิมอย่างขำๆ

                “สงสัยคงต้องกลับมาเปลี่ยนใส่เสื้อกาวน์ใหม่อีกรอบแล้วสิครับ บุญดีจริงๆ เลยพูดยังไม่ทันขาด”

                “เอาใจช่วยเต็มที่นะคะ ยังไงซะทางนี้จะเตรียมความพร้อมเอาไว้รอรับเลยค่ะ”

                นายแพทย์ครรชิตยิ้มส่งท้ายให้พยาบาล บางทีก็ควรยิ้มให้กำลังใจตัวเองบ้างเพราะขนาดลาพักร้อนไว้แล้วก็ยังถูกตามตัวมาอีกแถมตอนนี้ยังต้องกลายไปเป็นที่รับคำปรึกษาให้กับหมอรุ่นน้องอีก
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่