"หนอนบ่อนไส้ ไส้ศึก หรือ คนขายชาติ" (แล้วแต่จะเรียก) ในวงการฟุตบอลไทยเกิดขึ้นแล้ว
....................................................
จากกรณีที่มีผู้สื่อข่าวกีฬาของเวียดนาม เดินทางเข้ามาติดตามทำข่าวการแข่งขันฟุตบอลโลกรอบคัดเลือก ระหว่างทีมชาติไทย กับทีมชาติเวียดนาม ที่จะมีขึ้นในวันที่ 5 กันยายน 2562 ณ สนามกีฬามหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ รังสิต เป็นจำนวนมาก โดยได้ติดตามทำข่าวความเคลื่อนไหวของนักกีฬา ทั้ง ทีมชาติเวียดนาม และทีมชาติไทย นั้น
ในช่วงโค้งสุดท้ายของการเก็บตัว ซึ่งโค้ชของแต่ละทีมกำลังลงรายละเอียดในการฝึกซ้อม ทั้งเรื่องของเทคนิค แทคติก กลยุทธ์ ยุทธวิธีต่างๆ ในการเล่น ซึ่งถือเป็น "หัวใจสำคัญ" ของการแข่งขันครั้งนี้ เพราะมันคือ "แผนการรบ แผนการทำศึก ของช้างศึก"
อากิระ นิชิโนะ หัวหน้าผู้ฝึกสอนคนใหม่ของทัพช้างศึก ได้ให้ความสำคัญกับเรื่องนี้มากถึงมากที่สุด ถึงขนาดขอให้นำสังกะสีมาปิดล้อมเพื่อไม่ให้คนภายนอกเห็นการซ้อม ขณะเดียวกันทางสมาคมกีฬาฟุตบอลแห่งประเทศไทยฯ ได้ขอความร่วมมือกับบรรดาสื่อมวลชนสายกีฬาที่มาทำข่าวทั้งไทยและเทศ ซึ่งก็ได้รับความร่วมมือเป็นอย่างดี
จนกระทั่งเมื่อวานนี้ (3 ก.ย.62) ได้ปรากฏภาพ “แอบถ่ายการซ้อมของแข้งช้างศึก” ทางโซเชียล โดยนักข่าวกีฬาชาวเวียดนามรายหนึ่ง ซึ่งแน่นอนว่าจากเหตุนี้ไม่เพียงแค่ทีมช้างศึก กลุ่มสตาฟฟ์โค้ช และสมาคมกีฬาฟุตบอลฯเท่านั้นที่ไม่พอใจ ประชาชนคนไทยทั้งที่เป็นคอบอล และไม่ใช่คอบอล ต่างแสดงความไม่พอใจอย่างมากเพราะมันเป็นการล้วงความลับ (รู้เขา รู้เรา รบสิบครั้งก็ชนะทั้งสิบครั้ง) จนมีการลบภาพออกไปแล้วก็ตาม
พล.ต.อ.ดร.สมยศ พุ่มพันธุ์ม่วง นายกสมาคมกีฬาฟุตบอลแห่งประเทศไทยฯ ไม่ได้นิ่งนอนใจในเรื่องนี้ ได้มอบหมายให้ พล.ต.ท.อำนวย นิ่มมะโน โฆษกสมาคมกีฬาฟุตบอลแห่งประเทศไทยฯ ซึ่งตำแหน่งสุดท้ายก่อนเกษียณอายุราชการเป็นผู้บัญชาการตำรวจภูธรภาค 1 พื้นที่เกิดเหตุตรงนี้เลยให้ลงไปสืบสวนข้อเท็จจริง
โดยการทำงานครั้งนี้ ร่วมมือกับเจ้าหน้าที่ตำรวจพื้นที่ ซึ่งข้อเท็จจริงปรากฏว่าห้องที่นักข่าวชาวเวียดนามไปเช่าเพื่อยิงกล้องเก็บภาพ ล้วงความลับ ได้มีการมาสำรวจกันก่อนหน้านั้น โดยมีไส้ศึกเป็นคนไทยให้การสนับสนุนช่วยเหลือ คนไทยคนนั้นมีสะพายกล้องถ่ายรูป พร้อมอุปกรณ์ทำข่าวมาด้วย
คราวนี้ก็ไม่ยากที่จะสืบสวนต่อ เขาไม่ใช่คนไทยเท่านั้นแต่อาจจะเป็นนักข่าวกีฬา กีฬาฟุตบอล สำนักใดสำนักหนึ่ง? (ต้องสืบสวนให้รู้ให้ได้) หรืออาจจะรู้แล้ว เห็นหลังไวๆ กำลังจะคว้าคอเสื้อพลิกมาดูหน้า... หรือหากมีประชาชนคนไทยโดยเฉพาะคอบอลที่รักชาติท่านใดรู้เบาะแสช่วยแจ้งมาที่สมาคมฯด้วยจะได้ตรวจทานว่าตรงกันหรือไม่?
กรณีนี้คงไม่ผิดฐานอนาจารเหมือนกับถ้ำมองไปแอบดูคนอาบน้ำ แต่ต้องถามว่า มารยาท ศีลธรรม จรรยาบรรณ ของผู้กระทำและร่วมกระทำมีหรือไม่..?
ยิ่งถ้าเป็นคนไทย เป็นนักข่าวสายกีฬา โดยเฉพาะกีฬาฟุตบอล แล้วไปร่วมกระทำก็ไม่ต่างกับการไปทำตัวเป็นไส้ศึก เกลือเป็นหนอน หนอนบ่อนไส้ คนขายชาติ เราเคยศึกษาประวัติศาสตร์กันมา กรุงศรีอยุธยาต้องเสียกรุงให้กับพม่าเป็นครั้งที่สองเพราะอะไร?
ช้างศึกกำลังจะทำศึก ขอพี่น้องประชาชนคนไทยมารวมพลังกันส่งแรงใจไปเชียร์ช้างศึกไทย และกำจัดคนขายชาติที่ทำตัวเป็นไส้ศึกให้หมดสิ้นไป
บทสรุปจุดจบของคนที่เป็นไส้ศึกไม่ว่าจะเป็นใคร จะมีจุดจบทำนองเดียวกับที่ประวัติศาสตร์จารึก บันทึกไว้ หากไม่อยากค้นคว้าให้ไปดูภาพยนตร์เรื่องตำราสมเด็จพระนเรศวรแล้วจะรู้ซึ้ง
สมาคมกีฬาฟุตบอลแห่งประเทศไทย ขอเชิญชวนพี่น้องประชาชนคนไทยไปร่วมเชียร์ ส่งกำลังใจไปเชียร์ทีมช้างศึกไทยให้ทำศึกครั้งสำคัญครานี้ ณ ทุ่งรังสิตให้ประสพความสำเร็จนำชัยชนะมาสู่ประชาชนคนไทยทั้งประเทศ
สมาคมกีฬาฟุตบอลแห่งประเทศไทย ในพระบรมราชูปถัมภ์
"หนอนบ่อนไส้ ไส้ศึก หรือ คนขายชาติ" (แล้วแต่จะเรียก) ในวงการฟุตบอลไทยเกิดขึ้นแล้ว
....................................................
จากกรณีที่มีผู้สื่อข่าวกีฬาของเวียดนาม เดินทางเข้ามาติดตามทำข่าวการแข่งขันฟุตบอลโลกรอบคัดเลือก ระหว่างทีมชาติไทย กับทีมชาติเวียดนาม ที่จะมีขึ้นในวันที่ 5 กันยายน 2562 ณ สนามกีฬามหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ รังสิต เป็นจำนวนมาก โดยได้ติดตามทำข่าวความเคลื่อนไหวของนักกีฬา ทั้ง ทีมชาติเวียดนาม และทีมชาติไทย นั้น
ในช่วงโค้งสุดท้ายของการเก็บตัว ซึ่งโค้ชของแต่ละทีมกำลังลงรายละเอียดในการฝึกซ้อม ทั้งเรื่องของเทคนิค แทคติก กลยุทธ์ ยุทธวิธีต่างๆ ในการเล่น ซึ่งถือเป็น "หัวใจสำคัญ" ของการแข่งขันครั้งนี้ เพราะมันคือ "แผนการรบ แผนการทำศึก ของช้างศึก"
อากิระ นิชิโนะ หัวหน้าผู้ฝึกสอนคนใหม่ของทัพช้างศึก ได้ให้ความสำคัญกับเรื่องนี้มากถึงมากที่สุด ถึงขนาดขอให้นำสังกะสีมาปิดล้อมเพื่อไม่ให้คนภายนอกเห็นการซ้อม ขณะเดียวกันทางสมาคมกีฬาฟุตบอลแห่งประเทศไทยฯ ได้ขอความร่วมมือกับบรรดาสื่อมวลชนสายกีฬาที่มาทำข่าวทั้งไทยและเทศ ซึ่งก็ได้รับความร่วมมือเป็นอย่างดี
จนกระทั่งเมื่อวานนี้ (3 ก.ย.62) ได้ปรากฏภาพ “แอบถ่ายการซ้อมของแข้งช้างศึก” ทางโซเชียล โดยนักข่าวกีฬาชาวเวียดนามรายหนึ่ง ซึ่งแน่นอนว่าจากเหตุนี้ไม่เพียงแค่ทีมช้างศึก กลุ่มสตาฟฟ์โค้ช และสมาคมกีฬาฟุตบอลฯเท่านั้นที่ไม่พอใจ ประชาชนคนไทยทั้งที่เป็นคอบอล และไม่ใช่คอบอล ต่างแสดงความไม่พอใจอย่างมากเพราะมันเป็นการล้วงความลับ (รู้เขา รู้เรา รบสิบครั้งก็ชนะทั้งสิบครั้ง) จนมีการลบภาพออกไปแล้วก็ตาม
พล.ต.อ.ดร.สมยศ พุ่มพันธุ์ม่วง นายกสมาคมกีฬาฟุตบอลแห่งประเทศไทยฯ ไม่ได้นิ่งนอนใจในเรื่องนี้ ได้มอบหมายให้ พล.ต.ท.อำนวย นิ่มมะโน โฆษกสมาคมกีฬาฟุตบอลแห่งประเทศไทยฯ ซึ่งตำแหน่งสุดท้ายก่อนเกษียณอายุราชการเป็นผู้บัญชาการตำรวจภูธรภาค 1 พื้นที่เกิดเหตุตรงนี้เลยให้ลงไปสืบสวนข้อเท็จจริง
โดยการทำงานครั้งนี้ ร่วมมือกับเจ้าหน้าที่ตำรวจพื้นที่ ซึ่งข้อเท็จจริงปรากฏว่าห้องที่นักข่าวชาวเวียดนามไปเช่าเพื่อยิงกล้องเก็บภาพ ล้วงความลับ ได้มีการมาสำรวจกันก่อนหน้านั้น โดยมีไส้ศึกเป็นคนไทยให้การสนับสนุนช่วยเหลือ คนไทยคนนั้นมีสะพายกล้องถ่ายรูป พร้อมอุปกรณ์ทำข่าวมาด้วย
คราวนี้ก็ไม่ยากที่จะสืบสวนต่อ เขาไม่ใช่คนไทยเท่านั้นแต่อาจจะเป็นนักข่าวกีฬา กีฬาฟุตบอล สำนักใดสำนักหนึ่ง? (ต้องสืบสวนให้รู้ให้ได้) หรืออาจจะรู้แล้ว เห็นหลังไวๆ กำลังจะคว้าคอเสื้อพลิกมาดูหน้า... หรือหากมีประชาชนคนไทยโดยเฉพาะคอบอลที่รักชาติท่านใดรู้เบาะแสช่วยแจ้งมาที่สมาคมฯด้วยจะได้ตรวจทานว่าตรงกันหรือไม่?
กรณีนี้คงไม่ผิดฐานอนาจารเหมือนกับถ้ำมองไปแอบดูคนอาบน้ำ แต่ต้องถามว่า มารยาท ศีลธรรม จรรยาบรรณ ของผู้กระทำและร่วมกระทำมีหรือไม่..?
ยิ่งถ้าเป็นคนไทย เป็นนักข่าวสายกีฬา โดยเฉพาะกีฬาฟุตบอล แล้วไปร่วมกระทำก็ไม่ต่างกับการไปทำตัวเป็นไส้ศึก เกลือเป็นหนอน หนอนบ่อนไส้ คนขายชาติ เราเคยศึกษาประวัติศาสตร์กันมา กรุงศรีอยุธยาต้องเสียกรุงให้กับพม่าเป็นครั้งที่สองเพราะอะไร?
ช้างศึกกำลังจะทำศึก ขอพี่น้องประชาชนคนไทยมารวมพลังกันส่งแรงใจไปเชียร์ช้างศึกไทย และกำจัดคนขายชาติที่ทำตัวเป็นไส้ศึกให้หมดสิ้นไป
บทสรุปจุดจบของคนที่เป็นไส้ศึกไม่ว่าจะเป็นใคร จะมีจุดจบทำนองเดียวกับที่ประวัติศาสตร์จารึก บันทึกไว้ หากไม่อยากค้นคว้าให้ไปดูภาพยนตร์เรื่องตำราสมเด็จพระนเรศวรแล้วจะรู้ซึ้ง
สมาคมกีฬาฟุตบอลแห่งประเทศไทย ขอเชิญชวนพี่น้องประชาชนคนไทยไปร่วมเชียร์ ส่งกำลังใจไปเชียร์ทีมช้างศึกไทยให้ทำศึกครั้งสำคัญครานี้ ณ ทุ่งรังสิตให้ประสพความสำเร็จนำชัยชนะมาสู่ประชาชนคนไทยทั้งประเทศ
สมาคมกีฬาฟุตบอลแห่งประเทศไทย ในพระบรมราชูปถัมภ์