ตอนที่ 23/24 : “สมรรถภาพที่แข็งแกร่งในร่างคนขี้ก้าง”
——————————————
บทความรีวิว โรงพยาบาลพิษณุเวช, พิษณุโลก
หัวข้อ : 'เมื่อผมคิดว่าตัวเองเป็นไข้ แต่มารู้ตัวอีกทีว่ากำลังจะตายเพราะหัวใจล้มเหลว’
เริ่มตั้งแต่เที่ยงวันที่ 21 สิงหาคม...
....จนถึง 26 ออกจากโรงพยาบาล
ไม่มีวันไหนเลย....
....ที่ผมจะรอดพ้นเงื้อมมือนักกายภาพบำบัด
....จากแผนกเวชศาสตร์ฟื้นฟูได้
การปรากฏตัวของพวกเขา...
เป็นสัญญาณว่า
‘ยังไงซะ...
...นายก็หนีความเหนื่อยไปไม่พ้นว่ะ’
‘ยอมรับชะตากรรม
....แล้วลงมาวอร์ด 3 ซะดีๆ’
……..
สิ่งที่เริ่มแสดงถึงความเปลี่ยนแปลงมากขึ้น
ระหว่างที่ทำกายภาพบำบัดนั้น....
......ก็คืออัตราการเต้นของหัวใจ
แบบลิ้นโลหะที่เปลี่ยนมาใหม่
นับแต่วันแรกที่ฟื้นในห้องไอซียู
.....คือ 110-130 ครั้งต่อนาที (วิกฤติ)
แล้วก็ลงมาแทบจะวันละ 10 ครั้งต่อนาที
ล่าสุดคือ 68-78 ครั้งต่อนาที
แบบคนไม่ออกกำลังกายด้วยนะ
…….
สิ่งนี้ช่วยให้ผมรู้สึกทนทาน
.....กับกิจกรรมความเหนื่อยระดับเบื้องต้น
ได้อย่างค่อนข้างต่อเนื่อง
ผิดกับตอนหัวใจยังไม่ได้รักษามาก
…….
มากไปกว่านั้น....
.....การได้ออกกำลังทดสอบ
การเต้นของหัวใจใหม่
ผลที่ได้ค่อนข้างเสถียรดีด้วย
โดยที่ระหว่างช่วงการเดินบนลู่วิ่ง...
.....หัวใจก็จะเต้นอยู่ในระดับ 70-90 ครั้งต่อนาที
ไม่เหนื่อยมาก
และยังเดินได้เรื่อยไป.... แบบไม่รู้สึกล้า....
....นานเกินกว่าเวลาที่ทดสอบไปอีก
สิ่งที่น่าสนใจอีกอย่างหนึ่ง....
.....ก็คือช่วงเวลาคูลดาวน์
หรือหยุดกิจกรรมที่ทำ
หัวใจก็จะเต้นต่ำลง..... จากเต้นเร็วๆ
....ก็กลับเข้าที่ปกติในเวลาไม่นาน
……..
เรื่องแบบนี้ ต้องมีคำอธิบาย....
นักกายภาพกล่าวว่า
.....โดยชีวิตปกติพื้นฐานของผู้ป่วยนั้น
......น่าจะเป็นคนที่ทำอะไรแบบมีความตื่นตัวตลอดเวลา
เช่น เป็นคนคิดเร็วทำเร็ว
....ไฮเปอร์แอคทีฟเป็นทุนเดิม
หัวใจก็ต้องเต้นเร็วตามไป....
......และเมื่ออยู่ในสภาพนั้นบ่อยๆ
จึงเกิดการปรับตัวต่อความเปลี่ยนแปลงได้ดี
เป็นผลทำให้หัวใจ
.....ลดอัตราการเต้นได้เร็วมาก
.....จากที่เต้นถี่เพราะออกกำลังกาย
เมื่อหยุดมันก็พร้อมจะพักมาระดับปกติเลย
ปัญญาเกิดเลยผม...
.....สว่างวาบเหมือนหลอดไฟ
…….
‘แล้วมีคนที่หัวใจเต้นค้าง
....ไม่ยอมลงด้วยเหรอครับ?’
นักกายภาพบอกว่า ‘มีสิ’
สรุปคือผมควรจะดีใจที่มันลงไวสินะ
…….
แต่ตอนนี้
.....ความทนทานของเซลล์ในร่างกายนั้น
มีความจุต่ำมาก
มีพละกำลังแต่ก็ระยะสั้นๆ....
....ความอึดเป็นศูนย์
ดังนั้นสิ่งที่ต้องทำหลังจากกลับบ้านไป
....เรื่องของการออกกำลังกาย
....หนีไม่ได้อีกแล้ว
เพราะหัวใจครั้งนี้...
....กระหายการออกกำลังกาย
ถ้าเราทำให้มันเห็นว่า ขีดจำกัดนั้น
..... ขยายไปไกลกว่าที่คิด
ศักยภาพที่แท้จริง
.....ก็จะปรากฏออกมา
ส่วนถ้าพูดเรื่องหนีนั้น..... เลิกคิดได้เลย
เพราะแฟนผมเธอคงล็อกตัวไว้ยิมเรียบร้อย
แถมนักกายภาพ
......ก็มากลายเป็นเพื่อนในรายชื่อเฟซบุ๊กอีก
ตั้งหน้าตั้งตาออกกำลังกายได้แล้วล่ะ
ปั่นไปเรื่อยๆก็สนุกดีแฮะ
[ตอนที่ 23/24] "เมื่อผมคิดว่าตัวเองเป็นไข้ แต่รู้ตัวอีกทีว่ากำลังจะตายจากโรคหัวใจล้มเหลว"
——————————————
บทความรีวิว โรงพยาบาลพิษณุเวช, พิษณุโลก
หัวข้อ : 'เมื่อผมคิดว่าตัวเองเป็นไข้ แต่มารู้ตัวอีกทีว่ากำลังจะตายเพราะหัวใจล้มเหลว’
เริ่มตั้งแต่เที่ยงวันที่ 21 สิงหาคม...
....จนถึง 26 ออกจากโรงพยาบาล
ไม่มีวันไหนเลย....
....ที่ผมจะรอดพ้นเงื้อมมือนักกายภาพบำบัด
....จากแผนกเวชศาสตร์ฟื้นฟูได้
การปรากฏตัวของพวกเขา...
เป็นสัญญาณว่า
‘ยังไงซะ...
...นายก็หนีความเหนื่อยไปไม่พ้นว่ะ’
‘ยอมรับชะตากรรม
....แล้วลงมาวอร์ด 3 ซะดีๆ’
……..
สิ่งที่เริ่มแสดงถึงความเปลี่ยนแปลงมากขึ้น
ระหว่างที่ทำกายภาพบำบัดนั้น....
......ก็คืออัตราการเต้นของหัวใจ
แบบลิ้นโลหะที่เปลี่ยนมาใหม่
นับแต่วันแรกที่ฟื้นในห้องไอซียู
.....คือ 110-130 ครั้งต่อนาที (วิกฤติ)
แล้วก็ลงมาแทบจะวันละ 10 ครั้งต่อนาที
ล่าสุดคือ 68-78 ครั้งต่อนาที
แบบคนไม่ออกกำลังกายด้วยนะ
…….
สิ่งนี้ช่วยให้ผมรู้สึกทนทาน
.....กับกิจกรรมความเหนื่อยระดับเบื้องต้น
ได้อย่างค่อนข้างต่อเนื่อง
ผิดกับตอนหัวใจยังไม่ได้รักษามาก
…….
มากไปกว่านั้น....
.....การได้ออกกำลังทดสอบ
การเต้นของหัวใจใหม่
ผลที่ได้ค่อนข้างเสถียรดีด้วย
โดยที่ระหว่างช่วงการเดินบนลู่วิ่ง...
.....หัวใจก็จะเต้นอยู่ในระดับ 70-90 ครั้งต่อนาที
ไม่เหนื่อยมาก
และยังเดินได้เรื่อยไป.... แบบไม่รู้สึกล้า....
....นานเกินกว่าเวลาที่ทดสอบไปอีก
สิ่งที่น่าสนใจอีกอย่างหนึ่ง....
.....ก็คือช่วงเวลาคูลดาวน์
หรือหยุดกิจกรรมที่ทำ
หัวใจก็จะเต้นต่ำลง..... จากเต้นเร็วๆ
....ก็กลับเข้าที่ปกติในเวลาไม่นาน
……..
เรื่องแบบนี้ ต้องมีคำอธิบาย....
นักกายภาพกล่าวว่า
.....โดยชีวิตปกติพื้นฐานของผู้ป่วยนั้น
......น่าจะเป็นคนที่ทำอะไรแบบมีความตื่นตัวตลอดเวลา
เช่น เป็นคนคิดเร็วทำเร็ว
....ไฮเปอร์แอคทีฟเป็นทุนเดิม
หัวใจก็ต้องเต้นเร็วตามไป....
......และเมื่ออยู่ในสภาพนั้นบ่อยๆ
จึงเกิดการปรับตัวต่อความเปลี่ยนแปลงได้ดี
เป็นผลทำให้หัวใจ
.....ลดอัตราการเต้นได้เร็วมาก
.....จากที่เต้นถี่เพราะออกกำลังกาย
เมื่อหยุดมันก็พร้อมจะพักมาระดับปกติเลย
ปัญญาเกิดเลยผม...
.....สว่างวาบเหมือนหลอดไฟ
…….
‘แล้วมีคนที่หัวใจเต้นค้าง
....ไม่ยอมลงด้วยเหรอครับ?’
นักกายภาพบอกว่า ‘มีสิ’
สรุปคือผมควรจะดีใจที่มันลงไวสินะ
…….
แต่ตอนนี้
.....ความทนทานของเซลล์ในร่างกายนั้น
มีความจุต่ำมาก
มีพละกำลังแต่ก็ระยะสั้นๆ....
....ความอึดเป็นศูนย์
ดังนั้นสิ่งที่ต้องทำหลังจากกลับบ้านไป
....เรื่องของการออกกำลังกาย
....หนีไม่ได้อีกแล้ว
เพราะหัวใจครั้งนี้...
....กระหายการออกกำลังกาย
ถ้าเราทำให้มันเห็นว่า ขีดจำกัดนั้น
..... ขยายไปไกลกว่าที่คิด
ศักยภาพที่แท้จริง
.....ก็จะปรากฏออกมา
ส่วนถ้าพูดเรื่องหนีนั้น..... เลิกคิดได้เลย
เพราะแฟนผมเธอคงล็อกตัวไว้ยิมเรียบร้อย
แถมนักกายภาพ
......ก็มากลายเป็นเพื่อนในรายชื่อเฟซบุ๊กอีก
ตั้งหน้าตั้งตาออกกำลังกายได้แล้วล่ะ