เรื่องสั้นเรื่องสุดท้ายครับ สำหรับรอบนี้ เป็นการจับคู่ ร่วมกันเขียนของ 2 ถุงมือ ^^
เมื่อรอบที่แล้ว วีคที่ผ่านมา เราได้อ่านบทกวีเรื่องการเจอกันของสองพญาลิง คือ หนุมาน กับ เห้งเจีย หรือ ซุนหงอคง มาแล้ว
คราวนี้ มีให้อ่านกันอีกครับ ในเวอร์ชั่น เรื่องสั้น
จะสนุกมันส์อะไรยังไงเพียงใด ลองอ่านกันดูครับ
ครั้งหนึ่งในอดีตกาล ยังมีพญาวานรตัวหนึ่ง มีฤทธิ์มาก มีบริวารวานรนับร้อยนับพัน
ชื่อของมันคือ
เห้งเจีย ซึ่งภายหลังระบือลือเลื่องไปทั่ว ทั้งบนโลก และภพสวรรค์
ก่อนหน้าที่เห้งเจียจะได้พบกับ
สหายหมูตู้ ตือโป๊ยก่าย ซัวเจ๋ง และ พระอาจารย์ถังซำจั๋ง นั้น มันประพฤติตนเกรียนมาก ก่อกวนไปทั่ว
ทั้งชาวโลกและชาวสวรรค์ ปวดหัวกับเจ้าวานรอันธพาลตัวนี้มาก
มันคิดการใหญ่ ถึงขั้นจะท้ารบกับเง็กเซียนฮ่องเต้บนสวรรค์ หมายจะยึดครองบัลลังก์เง็กเซียนฮ่องเต้
ทำไมน่ะหรือ ก็เพราะบนสวรรค์เต็มไปด้วยนางฟ้าที่งดงาม มันเห็นนางฟ้านางใดก็ใคร่เชยชมไปหมด
ถ้ามันได้ครอบครองบัลลังก์เง็กเซียนฮ่องเต้ละก็ นางฟ้าเหล่านั้นจะไปไหนเสีย
เห้งเจียคิดวางแผนไว้คร่าว ๆ แล้ว แต่ยังก่อน ยังไม่ถึงเวลา
เพราะว่า บนโลกมนุษย์นี้ ยังมีบางที่บางแห่งที่มันยังไม่เคยไป อย่างเช่น แถว ๆ สุวรรณภูมิ เป็นต้น
ฟังว่า สตรีในดินแดนนั้น งดงาม ไม่แพ้ในตงง้วนเลย
และมันคิดว่า การหาสตรีชาวโลกมาเสพสม น่าจะง่ายดายกว่าการเหาะขึ้นไปหาเหล่านางฟ้า
ถ้ามันเหาะขึ้นไปบนสวรรค์ ก็ต้องมีเรื่องกับพวกเทพ คงจะเหนื่อยหน่อย
แต่ถ้าเป็นบนโลกนี้ เพียงเกี้ยวพาราสีเล็กน้อย มนุษย์สาว ๆ ก็อ่อนระทวยให้กับมันอย่างง่ายดายด้วยมนต์เสน่หา
เพราะฉะนั้น อย่ากระนั้นเลย ไปเที่ยวแถว ๆ สุวรรณภูมิ คงจะดีกว่าเป็นแน่แท้
คิดแล้ว เห้งเจียจึงอำลาบรรดาบริวารวานรเป็นการชั่วคราว และตั้งวานรนามว่า เฮ็กยี้ เป็นผู้รักษาการแทน
"จะไปหาสาว ๆ ที่อื่นล่ะเสะ ลูกเพ่" วานรเฮ็กยี้กล่าวถาม
"เพ้ย ข้ามีธุระจำเป็น เจ้าไม่ต้องซักถามอะไรมากนัก ทำหน้าที่รักษาการแทนข้าให้ดีก็แล้วกัน"
แล้วเห้งเจีย ก็เหาะเหินเดินอากาศ มาถึงสุวรรณภูมิ
ขณะที่กำลังเหยียบเมฆเหินฟ้าอยู่เหนือแม่น้ำสายใหญ่ เห้งเจียยกมือป้องหน้า มองลงมาข้างล่าง
ตาลุกวาว เกิดอาการกระสันทันทีทันใด เพราะกลางแม่น้ำนั้น นารีหนึ่งกำลังแหวกว่าย เล่นน้ำอย่างสบายอารมณ์
ปทุมถันเปลือย อล่างฉ่าง สร้างความรัญจวนจิตแก่พญาวานรเหลือเกิน
ทว่า นางนั้น มีหางดังมัจฉา
"โอ้ เจอของดีเข้าให้แล้วสิเรา"
เห้งเจียยิ้มกรุ้มกริ่ม เหาะลงมาใกล้ ๆ นาง
นางสะดุ้งตกใจ แหงนหน้าเอ่ยถาม "ท่านคือผู้ใด"
"ข้ามีนามว่า เห้งเจีย เป็นพญาวานร มาจากดินแดนตงง้วน" วานรขี้หลีแนะนำตัวเอง แล้วถามกลับ "แล้วเจ้าเล่า มีนามว่ากระไร"
"ข้าชื่อ
สุวรรณมัจฉา" นางเงือกสาวตอบอย่างเอียงอาย สองมือยกขึ้นปกปิดยอดปทุมถัน
"โอ ตัวก็งาม นามก็ไพเราะ" เห้งเจียเริ่มเกี้ยวพาราสี "เจ้าอยู่แต่ผู้เดียว ณ ที่นี้หรือ"
"ใช่ ขณะนี้ ข้าอยู่แต่ผู้เดียว"
"อย่างนั้น เจ้าคงเหงาเปล่าเปลี่ยวเอกา อย่ากระนั้นเลย" พญาวานรยิ้ม ส่งแววหื่นออกสายตา "เราสอง มาร่วมสัมพันธ์แนบชิดกัน ณ กาลบัดนี้เถิด"
"เกรงว่า คงจะไม่ได้ดอก" นางสุวรรณมัจฉาปฏิเสธ
"เพราะเหตุใดเล่า" เห้งเจียถามนาง ตอนนี้มันเหาะลงมายืนอยู่กลางแม่น้ำร่วมกับนางแล้ว
"ข้ามิอาจ สัมพันธ์สนิทกับท่านได้" นางสุวรรณมัจฉายังคงปฏิเสธ
"เถิดน่า แม่สุวรรณมัจฉาคนงาม" เห้งเจียพยายามชักชวนโน้มน้าว ยื่นสองมือเข้าไป หมายจะกอดนาง
"ไม่ได้ อย่านะ" เงือกสาวยกสองมือป้องปัด
"เหตุไฉนจึงไม่ได้เล่า" พญาวานรยังรุกลวนลามต่อ
ทว่า มันจำต้องหยุดชะงัก เพราะได้ยินเสียงใครบางคน ตวาดก้อง จากด้านหลัง
"ไม่ได้ เพราะนางมีสามี คือข้าไงเล่า เจ้าลิงสกปรก!"
เห้งเจียโมโหที่ถูกขัดจังหวะ หันไปทั้งตัว เพื่อจะดูว่าผู้พูดนั้นคือใคร
และมันประหลาดใจ สงสัย
เพราะผู้นั้น มีลักษณะเป็นวานรเช่นกัน แต่มีร่างเผือก ทรงเครื่องประดับ แถมยังมีสิ่งที่คล้ายมงกุฏสวมบนศีรษะ มือขวาถืออาวุธคือกริชเป็นดุจสามง่าม มือซ้ายชี้หน้ามัน ส่งสายตาดุดัน
"เจ้าน่ะหรือคือสามีของนาง เจ้าลิงเผือกทุเรศ! เจ้าคือผู้ใด"
"ข้าคือ หนุมาน!"
(จบ ส่วนแรก โดย ถุงมือกะปิ)
🐵💥🐵THE LEISURE GLOVES ถุงมือยามว่าง# 14 เรื่องสั้น-3 จับคู่ "ศึกสองพญาวานร" (ถุงมือกะปิ+ถุงมือวานอน)🐵💥🐵
เมื่อรอบที่แล้ว วีคที่ผ่านมา เราได้อ่านบทกวีเรื่องการเจอกันของสองพญาลิง คือ หนุมาน กับ เห้งเจีย หรือ ซุนหงอคง มาแล้ว
คราวนี้ มีให้อ่านกันอีกครับ ในเวอร์ชั่น เรื่องสั้น
จะสนุกมันส์อะไรยังไงเพียงใด ลองอ่านกันดูครับ
ครั้งหนึ่งในอดีตกาล ยังมีพญาวานรตัวหนึ่ง มีฤทธิ์มาก มีบริวารวานรนับร้อยนับพัน
ชื่อของมันคือ เห้งเจีย ซึ่งภายหลังระบือลือเลื่องไปทั่ว ทั้งบนโลก และภพสวรรค์
ก่อนหน้าที่เห้งเจียจะได้พบกับ สหายหมูตู้ ตือโป๊ยก่าย ซัวเจ๋ง และ พระอาจารย์ถังซำจั๋ง นั้น มันประพฤติตนเกรียนมาก ก่อกวนไปทั่ว
ทั้งชาวโลกและชาวสวรรค์ ปวดหัวกับเจ้าวานรอันธพาลตัวนี้มาก
มันคิดการใหญ่ ถึงขั้นจะท้ารบกับเง็กเซียนฮ่องเต้บนสวรรค์ หมายจะยึดครองบัลลังก์เง็กเซียนฮ่องเต้
ทำไมน่ะหรือ ก็เพราะบนสวรรค์เต็มไปด้วยนางฟ้าที่งดงาม มันเห็นนางฟ้านางใดก็ใคร่เชยชมไปหมด
ถ้ามันได้ครอบครองบัลลังก์เง็กเซียนฮ่องเต้ละก็ นางฟ้าเหล่านั้นจะไปไหนเสีย
เห้งเจียคิดวางแผนไว้คร่าว ๆ แล้ว แต่ยังก่อน ยังไม่ถึงเวลา
เพราะว่า บนโลกมนุษย์นี้ ยังมีบางที่บางแห่งที่มันยังไม่เคยไป อย่างเช่น แถว ๆ สุวรรณภูมิ เป็นต้น
ฟังว่า สตรีในดินแดนนั้น งดงาม ไม่แพ้ในตงง้วนเลย
และมันคิดว่า การหาสตรีชาวโลกมาเสพสม น่าจะง่ายดายกว่าการเหาะขึ้นไปหาเหล่านางฟ้า
ถ้ามันเหาะขึ้นไปบนสวรรค์ ก็ต้องมีเรื่องกับพวกเทพ คงจะเหนื่อยหน่อย
แต่ถ้าเป็นบนโลกนี้ เพียงเกี้ยวพาราสีเล็กน้อย มนุษย์สาว ๆ ก็อ่อนระทวยให้กับมันอย่างง่ายดายด้วยมนต์เสน่หา
เพราะฉะนั้น อย่ากระนั้นเลย ไปเที่ยวแถว ๆ สุวรรณภูมิ คงจะดีกว่าเป็นแน่แท้
คิดแล้ว เห้งเจียจึงอำลาบรรดาบริวารวานรเป็นการชั่วคราว และตั้งวานรนามว่า เฮ็กยี้ เป็นผู้รักษาการแทน
"จะไปหาสาว ๆ ที่อื่นล่ะเสะ ลูกเพ่" วานรเฮ็กยี้กล่าวถาม
"เพ้ย ข้ามีธุระจำเป็น เจ้าไม่ต้องซักถามอะไรมากนัก ทำหน้าที่รักษาการแทนข้าให้ดีก็แล้วกัน"
แล้วเห้งเจีย ก็เหาะเหินเดินอากาศ มาถึงสุวรรณภูมิ
ขณะที่กำลังเหยียบเมฆเหินฟ้าอยู่เหนือแม่น้ำสายใหญ่ เห้งเจียยกมือป้องหน้า มองลงมาข้างล่าง
ตาลุกวาว เกิดอาการกระสันทันทีทันใด เพราะกลางแม่น้ำนั้น นารีหนึ่งกำลังแหวกว่าย เล่นน้ำอย่างสบายอารมณ์
ปทุมถันเปลือย อล่างฉ่าง สร้างความรัญจวนจิตแก่พญาวานรเหลือเกิน
ทว่า นางนั้น มีหางดังมัจฉา
"โอ้ เจอของดีเข้าให้แล้วสิเรา"
เห้งเจียยิ้มกรุ้มกริ่ม เหาะลงมาใกล้ ๆ นาง
นางสะดุ้งตกใจ แหงนหน้าเอ่ยถาม "ท่านคือผู้ใด"
"ข้ามีนามว่า เห้งเจีย เป็นพญาวานร มาจากดินแดนตงง้วน" วานรขี้หลีแนะนำตัวเอง แล้วถามกลับ "แล้วเจ้าเล่า มีนามว่ากระไร"
"ข้าชื่อ สุวรรณมัจฉา" นางเงือกสาวตอบอย่างเอียงอาย สองมือยกขึ้นปกปิดยอดปทุมถัน
"โอ ตัวก็งาม นามก็ไพเราะ" เห้งเจียเริ่มเกี้ยวพาราสี "เจ้าอยู่แต่ผู้เดียว ณ ที่นี้หรือ"
"ใช่ ขณะนี้ ข้าอยู่แต่ผู้เดียว"
"อย่างนั้น เจ้าคงเหงาเปล่าเปลี่ยวเอกา อย่ากระนั้นเลย" พญาวานรยิ้ม ส่งแววหื่นออกสายตา "เราสอง มาร่วมสัมพันธ์แนบชิดกัน ณ กาลบัดนี้เถิด"
"เกรงว่า คงจะไม่ได้ดอก" นางสุวรรณมัจฉาปฏิเสธ
"เพราะเหตุใดเล่า" เห้งเจียถามนาง ตอนนี้มันเหาะลงมายืนอยู่กลางแม่น้ำร่วมกับนางแล้ว
"ข้ามิอาจ สัมพันธ์สนิทกับท่านได้" นางสุวรรณมัจฉายังคงปฏิเสธ
"เถิดน่า แม่สุวรรณมัจฉาคนงาม" เห้งเจียพยายามชักชวนโน้มน้าว ยื่นสองมือเข้าไป หมายจะกอดนาง
"ไม่ได้ อย่านะ" เงือกสาวยกสองมือป้องปัด
"เหตุไฉนจึงไม่ได้เล่า" พญาวานรยังรุกลวนลามต่อ
ทว่า มันจำต้องหยุดชะงัก เพราะได้ยินเสียงใครบางคน ตวาดก้อง จากด้านหลัง
"ไม่ได้ เพราะนางมีสามี คือข้าไงเล่า เจ้าลิงสกปรก!"
เห้งเจียโมโหที่ถูกขัดจังหวะ หันไปทั้งตัว เพื่อจะดูว่าผู้พูดนั้นคือใคร
และมันประหลาดใจ สงสัย
เพราะผู้นั้น มีลักษณะเป็นวานรเช่นกัน แต่มีร่างเผือก ทรงเครื่องประดับ แถมยังมีสิ่งที่คล้ายมงกุฏสวมบนศีรษะ มือขวาถืออาวุธคือกริชเป็นดุจสามง่าม มือซ้ายชี้หน้ามัน ส่งสายตาดุดัน
"เจ้าน่ะหรือคือสามีของนาง เจ้าลิงเผือกทุเรศ! เจ้าคือผู้ใด"
"ข้าคือ หนุมาน!"
(จบ ส่วนแรก โดย ถุงมือกะปิ)