หายซ่า!'พ่อจอห์น'ให้ถ้อยคำต่อศาลรธน.ฐานละเมิดอำนาจศาลก่อนชิ่งหลบสื่อกองเชียร์รอเก้อ
30ส.ค.62- ที่สำนักงานศาลรัฐธรรมนูญ แจ้งวัฒนะ นายโกวิท วงศ์สุรวัฒน์ พ่อของพิธีกรชื่อดัง จอห์น วิญญู เดินทางมาให้ถ้อยคำเลขาธิการสำนักงานศาลรัฐธรรมนูญ ตามที่ได้รับหนังสือเชิญ กรณีที่โพสต์ข้อความผ่านทวิตเตอร์วิพากษ์วิจารณ์การทำหน้าที่ของศาลรัฐธรรมนูญ ว่า รับคำร้อง 32 ส.ส. ปมหุ้นสื่อ แต่ไม่ต้องหยุดปฏิบัติหน้าที่ "น่าจะเกินคำว่า ด้..น เสียแล้ว" ซึ่งอาจจะเข้าข่ายละเมิดศาล
โดยนายโกวิท ได้เดินทางมาถึงศาลรัฐธรรมนูญตั้งแต่เวลา 8.50 น. ก่อนเวลานัดหมายในเวลา 10.00 น. และเจ้าหน้าที่ก็ได้พานายโกวิท ขึ้นไปพบเลขาธิการศาลรัฐธรรมนูญทันที ขณะเดียวกันที่บริเวณหน้าสำนักงานศาลรัฐธรรมนูญ ได้มีน.ส.ชลิตา บัณฑุวงศ์ อาจารย์มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ กลุ่มเสรีเกษตรศาสตร์ นายกรกช แสงเย็นพันธ์ นายอภิสิทธิ์ ทรัพย์นภาพันธ์ และน.ส.อรัญญิกา จังหวะ ศิษย์เก่ามหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ เดินทางมาให้กำลังใจโดยมีการนำดอกไม้ธูปเทียน ผ้า7สีมาลัย 7 ศอก ตุ๊กตาม้าลาย ตุ๊กตาไก่ ซึ่งเป็นสัญลักษณ์มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ โดยระบุว่านำมาไหว้สิ่งศักดิ์สิทธิ์เพื่อขอให้นายโกวิท รอดจากการถูกดำเนินคดี ฐานละเมิดอำนาจศาล
น.ส.ชลิตา กล่าวว่า เรามาในนามชาวมหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ โดยมาให้กำลังใจกับอาจารย์โกวิท ที่ทราบว่าได้รับการเชิญตัวมาให้ข้อมูลกับทางศาลรัฐธรรมนูญ จากกรณีที่โพสต์วิพากษ์วิจารณ์ศาล เราเคยได้เรียนและได้รับความรู้จากอาจารย์โกวิท ซึ่งเราเชื่อว่าบทบาทของอาจารย์โกวิท ในการวิพากษ์วิจารณ์สถานการณ์ต่างๆหรือความไม่ถูกต้องในสังคม เป็นเรื่องจำเป็นกับสังคมไทย และส่วนหนึ่งเรามีจุดยืนที่มองว่าศาลรัฐธรรมนูญมีบทบาทในการทำงานที่เกี่ยวข้องกับประชาธิปไตย สิทธิเสรีภาพของประชาชนจึงน่าจะมีความเเตกต่างกับศาลทั่วไป ควรจะเปิดโอกาสให้ประชาชนได้ติดตามหรือข้อคิดเห็นกับการทำงานหรือการตัดสินใจของศาลได้ด้วย ซึ่งก็จะเป็นกระบวนการหนึ่งของการเสริมสร้างประชาธิปไตยและสิทธิเสรีภาพให้มันเกิดขึ้นได้อย่างแท้จริงในประเทศไทย จึงอยากจะขอวิงวอนไม่ให้มีการดำเนินคดีกับอาจารย์โกวิท
ด้านนายกรกช เเสงเย็นพันธ์ หนึ่งในลูกศิษย์ กล่าวว่า ตนเคยเป็นศิษย์ของอาจารย์โกวิท และเคยโดนดำเนินคดีเกี่ยวกับการทำประชามติร่างรัฐธรรมนูญ ซึ่งการที่ศาลเรียกตัวอาจารย์โกวิท ถือว่าเป็นการคุกคามสิทธืเสรีภาพในการแวดงออก จึงขอให้กำลังใจ และขอให้อาจารย์ปลอดภัยไม่ถูกดำเนินคดี เพราะในความเชื่อมั่นต่อกระบวนการยุติธรรมกับสิ่งที่เกิดขึ้นในปัจจุบัน คิดว่าเราต้องพึ่งพาไสยศาสตร์มากกว่ากระบวนการยุติธรรม
ส่วนนายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า เราอยากจะทราบว่าศาลจะรักษาความศักดิ์สิทธิ์หรือความยุติธรรม หากศาลจะรักษาเพียงความศักดิ์สิทธิ์ก็ให้ลงมารับของเซ่นไหว้ แต่ถ้ารักษาความยุติธรรมก็ต้องพร้อมรับฟังการวิพากษ์วิจารณ์จากประชาชนเพื่อปรับปรุงการทำงาน และต้องพิสูจน์ความยุติธรรมเอง ศาลต้องเขื่อมั่นว่าจะไม่ตกเป็นเครืองมือของใคร เเละพร้อมที่จะถูกตรงตสอบ โดยเฉพาะอย่างยิ่งศาลที่ไม่ได้มีที่มาจากประชาชน หรือไม่ได้มีที่มาจากการเลือกของประชาชนก็ต้องยิ่งได้รับการตรวจสอบมากยิ่งขึ้น ก็เลยมาบ่นบานสานกล่าวให้อาจารย์โกวิท ปลอดภัย
อย่างไรก็ตามศาลรัฐธรรมนูญได้เพิ่มกำลังเจ้าหน้าที่ตำรวจทั้งในและนอกเครืองเเบบจาก สน.ทุ่งสองห้อง เพื่อดูแลความปลอดภัย และใช้มาตราการเข้มทั้งบุคคลทั่วไปและผู้สื่อข่าวจำเป็นต้องสแกนกระเป๋าอุปกรณ์และเเลกบัตร ที่สำคัญต้องเป็นบัตรสื่อมวลชนที่มีการรับรองจากต้นสังกัด ทำให้กลุ่มผู้ที่เดินทางมาให้กำลังจะอยู่ได้บริเวณหน้าศาลรัฐธรรมนูญเท่านั้น ซึ่งภาพรวมทั่วไปก็เป็นไปด้วยความเรียบร้อย
ผู้สื่อข่าวรายงานว่าการชี้แจงของนายโกวิท ต่อเลขาธิการศาลรัฐธรรมนูญ ใช้เวลากว่า 1 ชั่วโมง จากนั้นนายโกวิท ก็ไม่ได้ให้สัมภาษณ์ใดๆ แต่ได้ให้คนขับรถส่วนตัว ลงไปรอรับบริเวณชั้นล่างของศาลรัฐธรรมนูญ และได้มอบหมายให้คนใกล้ชิดมาแลกบัตรคืนบริเวณด้านหน้าศาลรัฐธรรมนูญ ซึ่งเป็นความตั้งใจของนายโกวิท ที่ไม่ต้องการพบกับสื่อมวลชนที่มารอทำข่าวเป็นจำนวนมาก และได้หลบสื่อมวลชนในช่วงเสร็จสิ้นการชี้แจง และเดินทางกลับไปทันที แม้แต่กลุ่มผู้ที่เดินทางมาให้กำลังใจก็ยังไม่ทราบ และยังรอที่จะมอบดอกไม้ให้กำลังใจ แต่เมื่อเจ้าหน้าที่ศาลได้ยืนยันว่านายโกวิท เดินทางกลับไปแล้ว ทางกลุ่มผู้ให้กำลังใจก็ได้
สลายตัว
https://www.thaipost.net/main/detail/44628
ล่าสุดนายชูชาติ ศรีแสง อดีตหัวหน้าผู้พิพากษาศาลฎีกา ได้โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊ก Chuchart Srisaeng ระบุถึงข้อความดังกล่าวของพ่อจอห์น ซึ่งมีลักษณะเข้าข่ายหมิ่นศาลรัฐธรรมนูญว่า
.....กรณีที่ศาลรัฐธรรมนูญมีคำสั่งให้รับเรื่อง ส.ส. 32 คนไว้พิจารณาว่ามีคุณสมบัติต้องห้ามตามรัฐธรรมนูญมาตรา 98(3) หรือไม่ แต่ไม่ได้สั่งให้หยุดปฏิบัติหน้าที่นั้น
.....ข่าวสำนักงานศาลรัฐธรรมนูญได้กล่าวถึงเหตุผลที่ศาลรัฐธรรมนูญไม่สั่งให้ ส.ส.32 คนหยุดปฏิบัติหน้าที่ว่า เนื่องจากไม่มีหลักฐานเกี่ยวกับการประกอบธุรกิจของห้างหุ้นส่วนหรือบริษัทที่ผู้ถูกร้องถือหุ้นอยู่และไม่มีแบบแสดงงบการเงินว่าห้างหุ้นส่วนหรือบริษัทว่ามีรายได้จากกิจการใด กรณีจึงยังไม่มีความชัดเจน ว่า ผู้ถูกร้องประกอบธุรกิจใด ซึ่งศาลจะต้องดำเนินการไต่สวนเพื่อหาข้อเท็จจริงที่ฟังได้ยุติต่อไป เมื่อไม่ปรากฎเหตุอันควรสงสัยว่า ผู้ถูกร้องมีกรณีตามที่ถูกร้อง ในชั้นนี้จึงยังไม่เข้าเงื่อนไขที่จะสั่งให้ผู้ถูกร้องทั้งสามสิบสองคนหยุดปฏิบัติหน้าที่
.....ข้อความในข่าวสำนักงานศาลรัฐธรรมนูญเป็นภาษาไทย คนไทยที่อ่านภาษาไทยเข้าใจและมีสติสัมปชัญญะบริบูรณ์ครบถ้วนอ่านแล้วน่าจะรู้เรื่องและเข้าใจถึงเหตุผลที่ศาลรัฐธรรมนูญไม่สั่งให้ ส.ส. 32 คนหยุดปฏิบัติหน้าที่
.....แต่ยังมีบุคคลซึ่งน่าจะเป็นคนไทยแต่ไม่อ่านเหตุผลดังกล่าวหรืออ่านแล้วไม่เข้าใจหรือเข้าใจ แต่ต้องการด่าศาลรัฐธรรมนูญ โดยกล่าวว่า
.....ศาลรัฐธรรมนูญ รับคำร้อง 32 ส.ส. ปมหุ้นสื่อ แต่ไม่ต้องหยุดปฏิบัติหน้าที่ น่าจะเกินคำว่า"ด้..น"เสียแล้ว
.....ข้อความที่ว่า "น่าจะเกินคำว่าน่า"ด้..น"เสียแล้ว" เป็นการ ดูหมิ่นศาลรัฐธรรมนูญหรือตุลาการศาลรัฐธรรมนูญในการพิจารณาคดี มีโทษจำคุกตั้งแต่ 1 ปี ถึง 7 ปี หรือปรับตั้งแต่ 20,000 บาท ถึง 140,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ
.....การกล่าวข้อความดังกล่าวในทวิตเตอร์ซึ่งเผยแพร่ไปทั่วประเทศ จึงเป็นการกระทำผิดที่เกิดขึ้นทั่วราชอาณาจักรไทยและความผิดตามมาตรานี้เป็นความผิดอาญาแผ่นดิน ประชาชนทุกคนมีสิทธิไปแจ้งความกล่าวโทษได้
.....ดังนั้นประชาชนไทยคนหนึ่งคนใดจะไปแจ้งความกล่าวโทษบุคคลนี้ต่อพนักงานสอบสวนได้ทุกสถานีตำรวจในประเทศไทย ไม่ว่าภาคเหนือ ตะวันออกเฉียงเหนือ ภาคกลางหรือภาคใต้
.....อยากขอร้องลูกศิษย์ที่สำนักอบรมศึกษากฎหมายแห่งเนติบัณฑิตยสภาที่ประกอบอาชีพทนายความหรือทนายความท่านอื่นที่แม้จะไม่ได้เป็นลูกศิษย์ กรุณาช่วยจัดการเรื่องนี้ให้ด้วย
.....ขอเพิ่มเติมว่า มีผู้ไปแจ้งความกล่าวโทษที่สถานีตำรวจปากเกร็ดแล้วครับ
https://www.tnews.co.th/politic/512954/อดีตหน.ผู้พิพากษาศาลฏีกา-เปิดกม.ชี้ชัด!ข้อความพ่อจอห์นหมิ่นศาล
ติดตามเรื่องนี้กันต่อค่ะ....ว่าใครจะซ่าส์ต่อไปหรือไม่....!
⏺⏺⏺มาลาริน/ไม่แน่จริงค่ะ...คนปากดี พูดจาทำกริยาไม่เหมาะสม..พอเจอของจริงก็หายซ่าส์ทุกราย
30ส.ค.62- ที่สำนักงานศาลรัฐธรรมนูญ แจ้งวัฒนะ นายโกวิท วงศ์สุรวัฒน์ พ่อของพิธีกรชื่อดัง จอห์น วิญญู เดินทางมาให้ถ้อยคำเลขาธิการสำนักงานศาลรัฐธรรมนูญ ตามที่ได้รับหนังสือเชิญ กรณีที่โพสต์ข้อความผ่านทวิตเตอร์วิพากษ์วิจารณ์การทำหน้าที่ของศาลรัฐธรรมนูญ ว่า รับคำร้อง 32 ส.ส. ปมหุ้นสื่อ แต่ไม่ต้องหยุดปฏิบัติหน้าที่ "น่าจะเกินคำว่า ด้..น เสียแล้ว" ซึ่งอาจจะเข้าข่ายละเมิดศาล
โดยนายโกวิท ได้เดินทางมาถึงศาลรัฐธรรมนูญตั้งแต่เวลา 8.50 น. ก่อนเวลานัดหมายในเวลา 10.00 น. และเจ้าหน้าที่ก็ได้พานายโกวิท ขึ้นไปพบเลขาธิการศาลรัฐธรรมนูญทันที ขณะเดียวกันที่บริเวณหน้าสำนักงานศาลรัฐธรรมนูญ ได้มีน.ส.ชลิตา บัณฑุวงศ์ อาจารย์มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ กลุ่มเสรีเกษตรศาสตร์ นายกรกช แสงเย็นพันธ์ นายอภิสิทธิ์ ทรัพย์นภาพันธ์ และน.ส.อรัญญิกา จังหวะ ศิษย์เก่ามหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ เดินทางมาให้กำลังใจโดยมีการนำดอกไม้ธูปเทียน ผ้า7สีมาลัย 7 ศอก ตุ๊กตาม้าลาย ตุ๊กตาไก่ ซึ่งเป็นสัญลักษณ์มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ โดยระบุว่านำมาไหว้สิ่งศักดิ์สิทธิ์เพื่อขอให้นายโกวิท รอดจากการถูกดำเนินคดี ฐานละเมิดอำนาจศาล
น.ส.ชลิตา กล่าวว่า เรามาในนามชาวมหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ โดยมาให้กำลังใจกับอาจารย์โกวิท ที่ทราบว่าได้รับการเชิญตัวมาให้ข้อมูลกับทางศาลรัฐธรรมนูญ จากกรณีที่โพสต์วิพากษ์วิจารณ์ศาล เราเคยได้เรียนและได้รับความรู้จากอาจารย์โกวิท ซึ่งเราเชื่อว่าบทบาทของอาจารย์โกวิท ในการวิพากษ์วิจารณ์สถานการณ์ต่างๆหรือความไม่ถูกต้องในสังคม เป็นเรื่องจำเป็นกับสังคมไทย และส่วนหนึ่งเรามีจุดยืนที่มองว่าศาลรัฐธรรมนูญมีบทบาทในการทำงานที่เกี่ยวข้องกับประชาธิปไตย สิทธิเสรีภาพของประชาชนจึงน่าจะมีความเเตกต่างกับศาลทั่วไป ควรจะเปิดโอกาสให้ประชาชนได้ติดตามหรือข้อคิดเห็นกับการทำงานหรือการตัดสินใจของศาลได้ด้วย ซึ่งก็จะเป็นกระบวนการหนึ่งของการเสริมสร้างประชาธิปไตยและสิทธิเสรีภาพให้มันเกิดขึ้นได้อย่างแท้จริงในประเทศไทย จึงอยากจะขอวิงวอนไม่ให้มีการดำเนินคดีกับอาจารย์โกวิท
ด้านนายกรกช เเสงเย็นพันธ์ หนึ่งในลูกศิษย์ กล่าวว่า ตนเคยเป็นศิษย์ของอาจารย์โกวิท และเคยโดนดำเนินคดีเกี่ยวกับการทำประชามติร่างรัฐธรรมนูญ ซึ่งการที่ศาลเรียกตัวอาจารย์โกวิท ถือว่าเป็นการคุกคามสิทธืเสรีภาพในการแวดงออก จึงขอให้กำลังใจ และขอให้อาจารย์ปลอดภัยไม่ถูกดำเนินคดี เพราะในความเชื่อมั่นต่อกระบวนการยุติธรรมกับสิ่งที่เกิดขึ้นในปัจจุบัน คิดว่าเราต้องพึ่งพาไสยศาสตร์มากกว่ากระบวนการยุติธรรม
ส่วนนายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า เราอยากจะทราบว่าศาลจะรักษาความศักดิ์สิทธิ์หรือความยุติธรรม หากศาลจะรักษาเพียงความศักดิ์สิทธิ์ก็ให้ลงมารับของเซ่นไหว้ แต่ถ้ารักษาความยุติธรรมก็ต้องพร้อมรับฟังการวิพากษ์วิจารณ์จากประชาชนเพื่อปรับปรุงการทำงาน และต้องพิสูจน์ความยุติธรรมเอง ศาลต้องเขื่อมั่นว่าจะไม่ตกเป็นเครืองมือของใคร เเละพร้อมที่จะถูกตรงตสอบ โดยเฉพาะอย่างยิ่งศาลที่ไม่ได้มีที่มาจากประชาชน หรือไม่ได้มีที่มาจากการเลือกของประชาชนก็ต้องยิ่งได้รับการตรวจสอบมากยิ่งขึ้น ก็เลยมาบ่นบานสานกล่าวให้อาจารย์โกวิท ปลอดภัย
อย่างไรก็ตามศาลรัฐธรรมนูญได้เพิ่มกำลังเจ้าหน้าที่ตำรวจทั้งในและนอกเครืองเเบบจาก สน.ทุ่งสองห้อง เพื่อดูแลความปลอดภัย และใช้มาตราการเข้มทั้งบุคคลทั่วไปและผู้สื่อข่าวจำเป็นต้องสแกนกระเป๋าอุปกรณ์และเเลกบัตร ที่สำคัญต้องเป็นบัตรสื่อมวลชนที่มีการรับรองจากต้นสังกัด ทำให้กลุ่มผู้ที่เดินทางมาให้กำลังจะอยู่ได้บริเวณหน้าศาลรัฐธรรมนูญเท่านั้น ซึ่งภาพรวมทั่วไปก็เป็นไปด้วยความเรียบร้อย
ผู้สื่อข่าวรายงานว่าการชี้แจงของนายโกวิท ต่อเลขาธิการศาลรัฐธรรมนูญ ใช้เวลากว่า 1 ชั่วโมง จากนั้นนายโกวิท ก็ไม่ได้ให้สัมภาษณ์ใดๆ แต่ได้ให้คนขับรถส่วนตัว ลงไปรอรับบริเวณชั้นล่างของศาลรัฐธรรมนูญ และได้มอบหมายให้คนใกล้ชิดมาแลกบัตรคืนบริเวณด้านหน้าศาลรัฐธรรมนูญ ซึ่งเป็นความตั้งใจของนายโกวิท ที่ไม่ต้องการพบกับสื่อมวลชนที่มารอทำข่าวเป็นจำนวนมาก และได้หลบสื่อมวลชนในช่วงเสร็จสิ้นการชี้แจง และเดินทางกลับไปทันที แม้แต่กลุ่มผู้ที่เดินทางมาให้กำลังใจก็ยังไม่ทราบ และยังรอที่จะมอบดอกไม้ให้กำลังใจ แต่เมื่อเจ้าหน้าที่ศาลได้ยืนยันว่านายโกวิท เดินทางกลับไปแล้ว ทางกลุ่มผู้ให้กำลังใจก็ได้
สลายตัว
https://www.thaipost.net/main/detail/44628
ล่าสุดนายชูชาติ ศรีแสง อดีตหัวหน้าผู้พิพากษาศาลฎีกา ได้โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊ก Chuchart Srisaeng ระบุถึงข้อความดังกล่าวของพ่อจอห์น ซึ่งมีลักษณะเข้าข่ายหมิ่นศาลรัฐธรรมนูญว่า
.....กรณีที่ศาลรัฐธรรมนูญมีคำสั่งให้รับเรื่อง ส.ส. 32 คนไว้พิจารณาว่ามีคุณสมบัติต้องห้ามตามรัฐธรรมนูญมาตรา 98(3) หรือไม่ แต่ไม่ได้สั่งให้หยุดปฏิบัติหน้าที่นั้น
.....ข่าวสำนักงานศาลรัฐธรรมนูญได้กล่าวถึงเหตุผลที่ศาลรัฐธรรมนูญไม่สั่งให้ ส.ส.32 คนหยุดปฏิบัติหน้าที่ว่า เนื่องจากไม่มีหลักฐานเกี่ยวกับการประกอบธุรกิจของห้างหุ้นส่วนหรือบริษัทที่ผู้ถูกร้องถือหุ้นอยู่และไม่มีแบบแสดงงบการเงินว่าห้างหุ้นส่วนหรือบริษัทว่ามีรายได้จากกิจการใด กรณีจึงยังไม่มีความชัดเจน ว่า ผู้ถูกร้องประกอบธุรกิจใด ซึ่งศาลจะต้องดำเนินการไต่สวนเพื่อหาข้อเท็จจริงที่ฟังได้ยุติต่อไป เมื่อไม่ปรากฎเหตุอันควรสงสัยว่า ผู้ถูกร้องมีกรณีตามที่ถูกร้อง ในชั้นนี้จึงยังไม่เข้าเงื่อนไขที่จะสั่งให้ผู้ถูกร้องทั้งสามสิบสองคนหยุดปฏิบัติหน้าที่
.....ข้อความในข่าวสำนักงานศาลรัฐธรรมนูญเป็นภาษาไทย คนไทยที่อ่านภาษาไทยเข้าใจและมีสติสัมปชัญญะบริบูรณ์ครบถ้วนอ่านแล้วน่าจะรู้เรื่องและเข้าใจถึงเหตุผลที่ศาลรัฐธรรมนูญไม่สั่งให้ ส.ส. 32 คนหยุดปฏิบัติหน้าที่
.....แต่ยังมีบุคคลซึ่งน่าจะเป็นคนไทยแต่ไม่อ่านเหตุผลดังกล่าวหรืออ่านแล้วไม่เข้าใจหรือเข้าใจ แต่ต้องการด่าศาลรัฐธรรมนูญ โดยกล่าวว่า
.....ศาลรัฐธรรมนูญ รับคำร้อง 32 ส.ส. ปมหุ้นสื่อ แต่ไม่ต้องหยุดปฏิบัติหน้าที่ น่าจะเกินคำว่า"ด้..น"เสียแล้ว
.....ข้อความที่ว่า "น่าจะเกินคำว่าน่า"ด้..น"เสียแล้ว" เป็นการ ดูหมิ่นศาลรัฐธรรมนูญหรือตุลาการศาลรัฐธรรมนูญในการพิจารณาคดี มีโทษจำคุกตั้งแต่ 1 ปี ถึง 7 ปี หรือปรับตั้งแต่ 20,000 บาท ถึง 140,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ
.....การกล่าวข้อความดังกล่าวในทวิตเตอร์ซึ่งเผยแพร่ไปทั่วประเทศ จึงเป็นการกระทำผิดที่เกิดขึ้นทั่วราชอาณาจักรไทยและความผิดตามมาตรานี้เป็นความผิดอาญาแผ่นดิน ประชาชนทุกคนมีสิทธิไปแจ้งความกล่าวโทษได้
.....ดังนั้นประชาชนไทยคนหนึ่งคนใดจะไปแจ้งความกล่าวโทษบุคคลนี้ต่อพนักงานสอบสวนได้ทุกสถานีตำรวจในประเทศไทย ไม่ว่าภาคเหนือ ตะวันออกเฉียงเหนือ ภาคกลางหรือภาคใต้
.....อยากขอร้องลูกศิษย์ที่สำนักอบรมศึกษากฎหมายแห่งเนติบัณฑิตยสภาที่ประกอบอาชีพทนายความหรือทนายความท่านอื่นที่แม้จะไม่ได้เป็นลูกศิษย์ กรุณาช่วยจัดการเรื่องนี้ให้ด้วย
.....ขอเพิ่มเติมว่า มีผู้ไปแจ้งความกล่าวโทษที่สถานีตำรวจปากเกร็ดแล้วครับ
https://www.tnews.co.th/politic/512954/อดีตหน.ผู้พิพากษาศาลฏีกา-เปิดกม.ชี้ชัด!ข้อความพ่อจอห์นหมิ่นศาล
ติดตามเรื่องนี้กันต่อค่ะ....ว่าใครจะซ่าส์ต่อไปหรือไม่....!