ไต้หวันออก “บัตรประชาชนดิจิทัล” เติมคำว่า Taiwan-เอื้ออนาคตไม่ต้องพกบัตรแข็ง

สภาบริหารไต้หวันผ่านมติ "บัตรประชาชนดิจิทัล" รูปแบบใหม่ มีธงชาติและชื่อสาธารณรัฐจีนโดยเติมคำว่า "ไต้หวัน" เข้าไปข้างหน้า เผยใช้งบประมาณ 4,800 ล้านดอลล์ไต้หวัน โดยใช้เวลาเปลี่ยน 2 ปี ชี้เอื้อต่อการเชื่อมโยงกับแอปพลิเคชัน ทำให้ในอนาคตไม่ต้องพกบัตรตัวจริง ด้านกลุ่มสิทธิมนุษยชนหวั่นเกิดการละเมิดสิทธิง่ายขึ้น

เมื่อวันที่ 23 สิงหาคมที่ผ่านมา เว็บไซต์ PTS โฟกัสไต้หวัน (ภาคภาษาไทย) รายงานว่า เมื่อวันที่ 22 สิงหาคม 2562 ที่ประชุมสภาบริหารไต้หวันมีมติผ่านการรับรองรูปแบบใหม่ของ “บัตรประชาชนดิจิทัล (中華民國國民身份證)” ซึ่งในรุ่นล่าสุดนี้บนบัตรจะมี รูปธงชาติและชื่อของสาธารณรัฐจีน ที่เติมคำว่าไต้หวันไว้ข้างหน้าหรือ Taiwan,Republic of China เข้าไปด้วย เช่นเดียวกับระบุในหนังสือเดินทาง โดยบัตรประชาชนรูปแบบใหม่นี้ซึ่งจะเริ่มใช้ตั้งแต่เดือนตุลาคม 2563 เป็นต้นไป 

นายเฉิน จงเยี่ยน (陳宗彥) รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงมหาดไทยไต้หวันเปิดเผยว่า กล่าวว่า “ช่วงระหว่างการเปลี่ยนบัตรใหม่จะยกเว้นค่าธรรมเนียมทั้งหมดเราจะออกบัตรใหม่ให้แก่ประชาชนทั้งหมดภายในเวลา 2 ปี”

ขณะที่งบประมาณที่จะต้องใช้ในการเปลี่ยนบัตรประชาชนรูปแบบใหม่นี้อยู่ที่ราว 4,800 ล้านดอลลาร์ไต้หวัน ทั้งนี้บัตรใหม่จะปรากฎชื่อ-นามสกุล รูปถ่าย วันเดือนปีเกิด หมายเลขบัตรประจำตัวประชาชน สถานภาพสมรส และเลขประจำตัวผู้เสียภาษีด้วย ทั้งนี้ในอนาคต บัตรประชาชนรูปแบบใหม่จะเอื้อต่อการผูกรายละเอียดเข้ากับแอปพลิเคชันในโทรศัพท์มือถือ รวมถึงการใช้บาร์โค้ดแทนการพกบัตรประชาชนตัวจริงด้วย อย่างไรก็ตาม ในขั้นต้นจะยังไม่มีการผนวกเอาบัตรประกันสุขภาพและใบขับขี่เข้าไปด้วยเพื่อป้องกันการรั่วไหลของข้อมูลส่วนบุคคล

อย่างไรก็ตาม กลุ่มสิทธิมนุษยชนของไต้หวันกลับออกมาให้ความเห็นต่อกรณีดังกล่าว โดยแสดงความกังวลว่า การใช้หมายเลขบัตรประชาชนหมายเลขเดียวสามารถอ่านข้อมูลส่วนตัวได้ทั้งหมดอาจทำให้เกิดการละเมิดสิทธิได้ง่าย ขณะที่กระทรวงมหาดไทยของไต้หวัน ยืนยันว่าการผูกบัตรประชาชนดิจิทัลเข้ากับมือถือก็เหมือนกับการผูกบัตรอีซี่การ์ดกับมือถือ ทำให้ไม่ต้องพกบัตรจริง ซึ่งศูนย์ข้อมูลจะไม่ทำการบันทึกข้อมูลของผู้ใช้ และไม่เชื่อมต่อไปที่คลังข้อมูลของกระทรวงมหาดไทย ดังนั้นขอให้ประชาชนอย่างวิตกกังวลว่าจะถูกภาครัฐสอดส่อง หรือละเมิดสิทธิ


คลิปข่าวเริ่มประมาณนาทีที่ 03:06 น.
คลิกเพื่อดูคลิปวิดีโอ
เครดิตคลิปจาก 公視印泰越語新聞 PTS ITV NEWS

ข่าวจาก : MGR Online
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่