นับตั้งแต่ปี 2528 "ไท เอ็นเทอร์เทนเม้นท์" ได้ผลิตภาพยนตร์ไทยออกสู่สาธารณชนอย่างต่อเนื่อง เริ่มจาก "ซึมน้อยหน่อยกะล่อนมากหน่อย", "ปลื้ม" จนกระทั่งเรื่อง "ฉลุย" ที่สามารถทำเงินจากการฉายได้มากพอสมควร
ในปี 2531 "ไทฯ" ได้เปิดตัวภาพยนตร์เอาใจคนรุ่นใหม่ นั่นคือเรื่อง "รักแรกอุ้ม" ส่งผลให้ชื่อของ "คิง-สมจริง ศรีสุภาพ" ผู้กำกับและเขียนบทภาพยนตร์ กับ "ขจรศักดิ์ รัตนนิสสัย" และ "จันทร์จิรา จูแจ้ง" นักแสดงตัวนำของเรื่องแจ้งเกิดอย่างเต็มภาคภูมิ แม้จะมีเสียงวิพากษ์วิจารณ์ด้านการแสดงอยู่บ้างก็ตาม
ปี 2532 "คิง" จึงไม่รอช้าที่จะส่งผลงานเรื่องถัดมาของเขามาอวดสายตาคอหนัง โดยยังใช้พระเอกและนางเอกคู่เดิม แต่ที่ยิ่งไปกว่านั้นคือ...หนังเรื่องนี้ถ่ายทำไกลถึงซานฟรานซิสโก สหรัฐอเมริกา
เรื่องนี้เป็นเรื่องราวในช่วงเวลาหนึ่งของผู้หญิงชื่อ "พิม" ที่ไปร่ำเรียนและเผชิญโชคที่นั่น ระหว่างการเดินทางก็ได้พบเรื่องยุ่งเหยิงต่าง ๆ นานา จนได้ "จอน" เป็นผู้ชายที่รู้ใจเธอและผูกพันกับเธอได้เป็นอย่างดี
นั่นคือที่มาของภาพยนตร์เรื่อง "พริกขึ้หนูกับหมูแฮม" จากฝีมือการตั้งชื่อเรื่องของ "สุชาติ วุฒิวิชัย" ครีเอทีฟมือฉมังของวงการหนังในเมืองไทยแห่งค่ายเอเพ็กซ์ และแน่นอนว่าเรื่องนี้ก็เข้าฉายในโรงภาพยนตร์เครือเอเพ็กซ์อยู่ดี ด้วยการโฆษณาและประชาสัมพันธ์ที่คมและหนักหน่วงกว่าสมัยนี้
แม้ว่า "พริกขี้หนูกับหมูแฮม" จะทำรายได้ไม่มากนัก(ซึ่งในปีนั้นมีหนังเรื่อง "บุญชู 2 น้องใหม่" ที่ทำรายได้สูงสุดของปี) แต่ก็ถือเป็นหนังที่ได้รับความสนใจเป็นอย่างมากและยังถูกถามถึงเรื่อยมาจนปัจจุบัน หากเอ่ยถึง "หนังโรแมนติก" แห่งความทรงจำของคนไทย
ไม่ว่าจะด้วยเรื่องราวแห่งความใฝ่ฝันที่เป็นความจริง การแสดงอันถึงพริกถึงขิง หรือภาพบรรยากาศสวย ๆ จากฝีมือของตากล้องหญิงที่ชื่อ "ศิริเพ็ญ อยู่สมบูรณ์" หรือแม้แต่เพลงนำภาพยนตร์ที่ใช้ชื่อว่า "เติมใจให้กัน" สิ่งเหล่านี้ได้ชูความมีเสน่ห์ของตัวหนังออกมาให้ได้ยินได้เห็นกันเลยทีเดียว
นี่คือหนังเรื่องเดียวของ "ไทฯ" ที่ฉายในปี 2532...ที่ยังคงติดตราตรึงใจมาจนถึงบัดนี้ ถึงแม้จะมีการนำไปฉายตามหลายสื่อหลายครั้งและยังถูกนำไปสร้างเป็นละครทางโทรทัศน์อีกด้วย
คุณมีความประทับใจต่อหนังเรื่องนี้อย่างไร มาเติมแรงใจให้กันพอเต็ม สวัสดี.
- - - - - - - - - - เรื่องของพิมกับจอน - - - - - - - - - -
พิมสายมาพร้อมกับสายลมแห่งฤดูใบไม้ผลิ
เธอจากกรุงเทพฯ มาพร้อมกับความหวังเต็มเปี่ยมสำหรับชีวิตใหม่ 2 ปีหลังจากที่เรียนจบ พิมเปลี่ยนงานมาครั้งแล้วครั้งเล่า จนกระทั่งพ่อแม่เอือมระอา และไม่ได้เลื่อมใสศรัทธาแต่อย่างใดเลยเมื่อเธอบอกหลังจากลาออกจากงานครั้งหลังว่าจะไปเรียนต่อเมืองนอก
พิมไม่รู้จักใครเลยที่อเมริกานอกจากนัท
อเมริกา...ชื่อนี้สำหรับหนุ่มสาวชาวไทยหลาย ๆ คน มันคือดินแดนแห่งโอกาส หลายคนใฝ่ฝันที่จะได้ไปเรียนต่อที่นั่น เพื่อที่สักวันจะได้กลับเมืองไทยอย่างโก้หรูในฐานะนักเรียนนอก หลายคนหวังว่าจะไปขุดทองสร้างเนื้อสร้างตัว และปะเหมาะเคราะห์ดีก็อาจตั้งรกรากอยู่ที่นั่นเสียเลย อเมริกาเป็นขุมความรู้ เป็นสถานที่ท่องเที่ยวที่น่าตื่นตา เป็นบ่อเงินบ่อทอง เป็นอะไรต่ออะไรอีกหลายอย่างที่น่าจะอยู่ในความฝันที่ดีของใครสักคนหนึ่ง
พิมกลับพบตัวเองตกอยู่ในฝันร้าย
ไม่มีนัทอยู่ที่อพาร์ทเมนท์ที่เธอแชร์ค่าเช่ากับเขา มีแต่ชายคนหนึ่งซึ่งมีหลักฐานยืนยันว่านัทขายห้องต่อให้เขาแล้ว เขาเป็นโรบินฮู้ดที่ท่าทางไม่น่าไว้วางใจ แต่ก็ไม่แน่นัก หญิงไทยหน้าตาซื่อ ๆ ชื่อมะลิก็สำแดงเดชล้วงกระเป๋าเธอมาก่อนแล้ว พิมอยู่ในสภาพสิ้นไร้ ไม่มีเงิน ไม่มีคนรัก
เธอไม่มีใครเลยที่จะหันหน้าเข้าหาได้ในอเมริกา นอกจากจอน
โรบินฮู้ดท่าทางไม่น่าไว้วางใจคนนั้นนั่นเอง
จอนทำงานที่อู่ซ่อมรถ และเวลาว่างก็รับจ๊อบสารพัด เขาเป็นคนสู้ชีวิตคนหนึ่ง มาอยู่อเมริกานานแล้ว แต่ยังตั้งเนื้อตั้งตัวกับเขาไม่ได้ จะกลับไปเมืองไทยก็ไม่รู้ว่าจะไปทำอะไร เขาเหมือนกับคนไทยอีกหลาย ๆ คนที่ไปดิ้นรนอยู่ในอเมริกาอย่างนักแสวงโชค ไม่มี “บุญเก่า” ไม่มีหลักฐานอะไรที่จะประกันความมั่นคงในชีวิต ความฝันของจอนคือการที่จะได้เป็นเจ้าของปั๊มน้ำมันที่ทาโฮ่ทุ่งริมทาง บางครั้งเขาจะไปนั่งที่นั่น และฝัน
ภาพชีวิตของจอนกับนัทแตกต่างกันราวหน้ามือกับหลังมือ ขณะที่จอนเป็นคนทำงาน และเป็นผู้ชายที่อาจจะห่ามห้าวอยู่สักนิด นัทก็เป็นชายหนุ่มรูปงามที่ดีแต่โฉบเฉี่ยวไปมา ใช้ชีวิตปราศจากแก่นสารและความรับผิดชอบ แต่รูปโฉมและความช่างเอาอกเอาใจก็อาจทำให้ผู้หญิงหลงใหลไปได้ ดังที่พิมหลงมาแล้ว
พิมได้รู้ว่าคนเรานั้นจะตัดสินกันโดยรูปลักษณ์ภายนอกหรือการมองอย่างผิวเผินไม่ได้ คนหลายคนที่เธอได้รู้จักผ่านทางจอนไม่ใช่คนที่หากเป็นแต่ก่อนเธอจะอยากคบหาหรือว่ามีโอกาสคบหาด้วย แต่ในยามที่เธอตกระกำลำบาก เธอและเขาเหล่านี้คือเพื่อน
พอูน สาวใหญ่เจ้าของร้านอาหารไทยในซานฟรานซิสโกเป็นตัวอย่างของนักสู้ที่น่านับถือคนหนึ่ง เธอติดตามสามีซึ่งเป็นจีไอสมัยสงครามเวียดนามมาอยู่อเมริกานานมาแล้ว ด้วยความที่เป็นคนบ้านนอก มีการศึกษาน้อย เธอมักจะถูกคนไทยด้วยกันดูแคลนว่าเป็นเมียเช่า ก็ต้องอดกลั้นกัดฟันสร้างเนื้อสร้างตัว โดยเฉพาะเมื่อสามีตายจากไป พอูนก็เหมือนจอน ที่ไม่มีอะไรเหลือรออยู่ที่เมืองไทยอีกแล้ว มันทำให้เธอต้องทนอยู่ และต่อสู้จนถึงที่สุด
พิมได้รับความห่วงใยอย่างบริสุทธิ์ใจจากชัย เด็กหนุ่มเพื่อนรุ่นน้องของจอน และได้พบว่าแม้แต่มะลิ โดยเนื้อแท้แล้วก็ไม่ใช่คนเลวร้าย หากแต่ความจำเป็นทำให้ต้องหากินในทางทุจริตเล็ก ๆ น้อย ๆ
เหนือใคร ๆ คือจอน ผู้ชายที่มีอะไรหลาย ๆ อย่างมากกว่าที่เธอเคยคิด
“ตัวผมเองคุณก็รู้ว่าเอาอะไรแน่นอนไม่ได้หรอก” เขาบอกกับเธอในครั้งหนึ่ง “เห็นนกนั่นไหม...เขาบอกว่าบ้านจริงมันอยู่ทางเหนือโน้นแน่ะ หนาวทีก็อพยพลงมาหาความอบอุ่นทางใต้ที”
“มันคงมาไกล จะคิดถึงบ้านบ้างไหมนะ” เธอถามลอย ๆ
“คงคิดฮะ” คือคำตอบ “แต่มันยังโชคดีจำทางกลับบ้านได้ ไม่เหมือนบางตัวที่หลงทางไปเสียก่อน”
ขณะที่พิมผิดหวังจากนัท จอนก็ผิดหวังจากแพ็ท ผู้หญิงเซ็กซี่ที่เขามีความสัมพันธ์ด้วย เธอไม่อาจทนรอการสร้างเนื้อสร้างตัวของเขา เมื่อมีทางเลือกที่ดีกว่าเธอก็จากไปอย่างไม่ยี่หระ นกหลงทางอย่างจอนหากดูเผิน ๆ ก็ช่างไร้คุณค่า
ฤดูใบไม้ผลิผ่านไป พิมค่อย ๆ ตื่นจากฝันร้ายมารับความสดใสในฤดูร้อน และเมื่อฤดูใบไม้ร่วงมาถึงพร้อมกับการเปลี่ยนแปลงบางอย่าง เธอก็บอกตัวเองได้ว่าการมาอเมริกาครั้งนี้ เธอไม่เพียงได้รู้จักอเมริกาในแบบที่ไม่เคยรู้จักเท่านั้น หากแต่ยังรู้จักชีวิต
“เรื่องวุ่นวายของฉันก็เคลียร์กันไปเรียบร้อยแล้วกับทางบ้าน” เธอเขียนจดหมายถึงเพื่อนรักที่เมืองไทย “ตอนนี้ฉันอยู่กับป้าที่นิวยอร์ก ตอนนี้หายหนาวแล้ว Winter ที่ผ่านมาฉันแทบแข็งตาย นิวยอร์กไม่ได้น่าตื่นตะลึงอย่างที่คิดเลย มันดูใหญ่โต แต่ไม่มีจิตใจ ฉันคงเลิกฮัมเพลง I Love New York แล้วละ แต่กลับมาฮัมเพลง San Francisco แทน”
“แปลกนะที่คราวนี้ฉันประนีประนอมกับผู้ใหญ่ได้มากขึ้น แม้แต่กับป้าหญิงจอมเ-ียบ...”
เจ้าของปั๊มน้ำมันกลางทุ่งหญ้าแห่งหนึ่งในซานฟรานซิสโกเฝ้ารอสายลมแห่งฤดูใบไม้ผลิ ปีหนึ่งผ่านมาแล้วที่ผู้หญิงคนหนึ่งมาปรากฏตัวพร้อมกับมัน
เธอสัญญาว่าจะกลับมาอีก
- - - - - ภาพและข้อมูลจาก นสพ.ไทยรัฐ ปี 2532 / หนังและวิดีโอ ฉบับพิเศษ พริกขี้หนูกับหมูแฮม ปี 2532. - - - - -
รำลึก 30 ปี "พริกขี้หนูกับหมูแฮม" หนังรักขึ้นหิ้งที่คุณไม่ลืมเลือน
ในปี 2531 "ไทฯ" ได้เปิดตัวภาพยนตร์เอาใจคนรุ่นใหม่ นั่นคือเรื่อง "รักแรกอุ้ม" ส่งผลให้ชื่อของ "คิง-สมจริง ศรีสุภาพ" ผู้กำกับและเขียนบทภาพยนตร์ กับ "ขจรศักดิ์ รัตนนิสสัย" และ "จันทร์จิรา จูแจ้ง" นักแสดงตัวนำของเรื่องแจ้งเกิดอย่างเต็มภาคภูมิ แม้จะมีเสียงวิพากษ์วิจารณ์ด้านการแสดงอยู่บ้างก็ตาม
ปี 2532 "คิง" จึงไม่รอช้าที่จะส่งผลงานเรื่องถัดมาของเขามาอวดสายตาคอหนัง โดยยังใช้พระเอกและนางเอกคู่เดิม แต่ที่ยิ่งไปกว่านั้นคือ...หนังเรื่องนี้ถ่ายทำไกลถึงซานฟรานซิสโก สหรัฐอเมริกา
เรื่องนี้เป็นเรื่องราวในช่วงเวลาหนึ่งของผู้หญิงชื่อ "พิม" ที่ไปร่ำเรียนและเผชิญโชคที่นั่น ระหว่างการเดินทางก็ได้พบเรื่องยุ่งเหยิงต่าง ๆ นานา จนได้ "จอน" เป็นผู้ชายที่รู้ใจเธอและผูกพันกับเธอได้เป็นอย่างดี
นั่นคือที่มาของภาพยนตร์เรื่อง "พริกขึ้หนูกับหมูแฮม" จากฝีมือการตั้งชื่อเรื่องของ "สุชาติ วุฒิวิชัย" ครีเอทีฟมือฉมังของวงการหนังในเมืองไทยแห่งค่ายเอเพ็กซ์ และแน่นอนว่าเรื่องนี้ก็เข้าฉายในโรงภาพยนตร์เครือเอเพ็กซ์อยู่ดี ด้วยการโฆษณาและประชาสัมพันธ์ที่คมและหนักหน่วงกว่าสมัยนี้
แม้ว่า "พริกขี้หนูกับหมูแฮม" จะทำรายได้ไม่มากนัก(ซึ่งในปีนั้นมีหนังเรื่อง "บุญชู 2 น้องใหม่" ที่ทำรายได้สูงสุดของปี) แต่ก็ถือเป็นหนังที่ได้รับความสนใจเป็นอย่างมากและยังถูกถามถึงเรื่อยมาจนปัจจุบัน หากเอ่ยถึง "หนังโรแมนติก" แห่งความทรงจำของคนไทย
ไม่ว่าจะด้วยเรื่องราวแห่งความใฝ่ฝันที่เป็นความจริง การแสดงอันถึงพริกถึงขิง หรือภาพบรรยากาศสวย ๆ จากฝีมือของตากล้องหญิงที่ชื่อ "ศิริเพ็ญ อยู่สมบูรณ์" หรือแม้แต่เพลงนำภาพยนตร์ที่ใช้ชื่อว่า "เติมใจให้กัน" สิ่งเหล่านี้ได้ชูความมีเสน่ห์ของตัวหนังออกมาให้ได้ยินได้เห็นกันเลยทีเดียว
นี่คือหนังเรื่องเดียวของ "ไทฯ" ที่ฉายในปี 2532...ที่ยังคงติดตราตรึงใจมาจนถึงบัดนี้ ถึงแม้จะมีการนำไปฉายตามหลายสื่อหลายครั้งและยังถูกนำไปสร้างเป็นละครทางโทรทัศน์อีกด้วย
คุณมีความประทับใจต่อหนังเรื่องนี้อย่างไร มาเติมแรงใจให้กันพอเต็ม สวัสดี.
เธอจากกรุงเทพฯ มาพร้อมกับความหวังเต็มเปี่ยมสำหรับชีวิตใหม่ 2 ปีหลังจากที่เรียนจบ พิมเปลี่ยนงานมาครั้งแล้วครั้งเล่า จนกระทั่งพ่อแม่เอือมระอา และไม่ได้เลื่อมใสศรัทธาแต่อย่างใดเลยเมื่อเธอบอกหลังจากลาออกจากงานครั้งหลังว่าจะไปเรียนต่อเมืองนอก
พิมไม่รู้จักใครเลยที่อเมริกานอกจากนัท
อเมริกา...ชื่อนี้สำหรับหนุ่มสาวชาวไทยหลาย ๆ คน มันคือดินแดนแห่งโอกาส หลายคนใฝ่ฝันที่จะได้ไปเรียนต่อที่นั่น เพื่อที่สักวันจะได้กลับเมืองไทยอย่างโก้หรูในฐานะนักเรียนนอก หลายคนหวังว่าจะไปขุดทองสร้างเนื้อสร้างตัว และปะเหมาะเคราะห์ดีก็อาจตั้งรกรากอยู่ที่นั่นเสียเลย อเมริกาเป็นขุมความรู้ เป็นสถานที่ท่องเที่ยวที่น่าตื่นตา เป็นบ่อเงินบ่อทอง เป็นอะไรต่ออะไรอีกหลายอย่างที่น่าจะอยู่ในความฝันที่ดีของใครสักคนหนึ่ง
พิมกลับพบตัวเองตกอยู่ในฝันร้าย
ไม่มีนัทอยู่ที่อพาร์ทเมนท์ที่เธอแชร์ค่าเช่ากับเขา มีแต่ชายคนหนึ่งซึ่งมีหลักฐานยืนยันว่านัทขายห้องต่อให้เขาแล้ว เขาเป็นโรบินฮู้ดที่ท่าทางไม่น่าไว้วางใจ แต่ก็ไม่แน่นัก หญิงไทยหน้าตาซื่อ ๆ ชื่อมะลิก็สำแดงเดชล้วงกระเป๋าเธอมาก่อนแล้ว พิมอยู่ในสภาพสิ้นไร้ ไม่มีเงิน ไม่มีคนรัก
เธอไม่มีใครเลยที่จะหันหน้าเข้าหาได้ในอเมริกา นอกจากจอน
โรบินฮู้ดท่าทางไม่น่าไว้วางใจคนนั้นนั่นเอง
จอนทำงานที่อู่ซ่อมรถ และเวลาว่างก็รับจ๊อบสารพัด เขาเป็นคนสู้ชีวิตคนหนึ่ง มาอยู่อเมริกานานแล้ว แต่ยังตั้งเนื้อตั้งตัวกับเขาไม่ได้ จะกลับไปเมืองไทยก็ไม่รู้ว่าจะไปทำอะไร เขาเหมือนกับคนไทยอีกหลาย ๆ คนที่ไปดิ้นรนอยู่ในอเมริกาอย่างนักแสวงโชค ไม่มี “บุญเก่า” ไม่มีหลักฐานอะไรที่จะประกันความมั่นคงในชีวิต ความฝันของจอนคือการที่จะได้เป็นเจ้าของปั๊มน้ำมันที่ทาโฮ่ทุ่งริมทาง บางครั้งเขาจะไปนั่งที่นั่น และฝัน
ภาพชีวิตของจอนกับนัทแตกต่างกันราวหน้ามือกับหลังมือ ขณะที่จอนเป็นคนทำงาน และเป็นผู้ชายที่อาจจะห่ามห้าวอยู่สักนิด นัทก็เป็นชายหนุ่มรูปงามที่ดีแต่โฉบเฉี่ยวไปมา ใช้ชีวิตปราศจากแก่นสารและความรับผิดชอบ แต่รูปโฉมและความช่างเอาอกเอาใจก็อาจทำให้ผู้หญิงหลงใหลไปได้ ดังที่พิมหลงมาแล้ว
พิมได้รู้ว่าคนเรานั้นจะตัดสินกันโดยรูปลักษณ์ภายนอกหรือการมองอย่างผิวเผินไม่ได้ คนหลายคนที่เธอได้รู้จักผ่านทางจอนไม่ใช่คนที่หากเป็นแต่ก่อนเธอจะอยากคบหาหรือว่ามีโอกาสคบหาด้วย แต่ในยามที่เธอตกระกำลำบาก เธอและเขาเหล่านี้คือเพื่อน
พอูน สาวใหญ่เจ้าของร้านอาหารไทยในซานฟรานซิสโกเป็นตัวอย่างของนักสู้ที่น่านับถือคนหนึ่ง เธอติดตามสามีซึ่งเป็นจีไอสมัยสงครามเวียดนามมาอยู่อเมริกานานมาแล้ว ด้วยความที่เป็นคนบ้านนอก มีการศึกษาน้อย เธอมักจะถูกคนไทยด้วยกันดูแคลนว่าเป็นเมียเช่า ก็ต้องอดกลั้นกัดฟันสร้างเนื้อสร้างตัว โดยเฉพาะเมื่อสามีตายจากไป พอูนก็เหมือนจอน ที่ไม่มีอะไรเหลือรออยู่ที่เมืองไทยอีกแล้ว มันทำให้เธอต้องทนอยู่ และต่อสู้จนถึงที่สุด
พิมได้รับความห่วงใยอย่างบริสุทธิ์ใจจากชัย เด็กหนุ่มเพื่อนรุ่นน้องของจอน และได้พบว่าแม้แต่มะลิ โดยเนื้อแท้แล้วก็ไม่ใช่คนเลวร้าย หากแต่ความจำเป็นทำให้ต้องหากินในทางทุจริตเล็ก ๆ น้อย ๆ
เหนือใคร ๆ คือจอน ผู้ชายที่มีอะไรหลาย ๆ อย่างมากกว่าที่เธอเคยคิด
“ตัวผมเองคุณก็รู้ว่าเอาอะไรแน่นอนไม่ได้หรอก” เขาบอกกับเธอในครั้งหนึ่ง “เห็นนกนั่นไหม...เขาบอกว่าบ้านจริงมันอยู่ทางเหนือโน้นแน่ะ หนาวทีก็อพยพลงมาหาความอบอุ่นทางใต้ที”
“มันคงมาไกล จะคิดถึงบ้านบ้างไหมนะ” เธอถามลอย ๆ
“คงคิดฮะ” คือคำตอบ “แต่มันยังโชคดีจำทางกลับบ้านได้ ไม่เหมือนบางตัวที่หลงทางไปเสียก่อน”
ขณะที่พิมผิดหวังจากนัท จอนก็ผิดหวังจากแพ็ท ผู้หญิงเซ็กซี่ที่เขามีความสัมพันธ์ด้วย เธอไม่อาจทนรอการสร้างเนื้อสร้างตัวของเขา เมื่อมีทางเลือกที่ดีกว่าเธอก็จากไปอย่างไม่ยี่หระ นกหลงทางอย่างจอนหากดูเผิน ๆ ก็ช่างไร้คุณค่า
ฤดูใบไม้ผลิผ่านไป พิมค่อย ๆ ตื่นจากฝันร้ายมารับความสดใสในฤดูร้อน และเมื่อฤดูใบไม้ร่วงมาถึงพร้อมกับการเปลี่ยนแปลงบางอย่าง เธอก็บอกตัวเองได้ว่าการมาอเมริกาครั้งนี้ เธอไม่เพียงได้รู้จักอเมริกาในแบบที่ไม่เคยรู้จักเท่านั้น หากแต่ยังรู้จักชีวิต
“เรื่องวุ่นวายของฉันก็เคลียร์กันไปเรียบร้อยแล้วกับทางบ้าน” เธอเขียนจดหมายถึงเพื่อนรักที่เมืองไทย “ตอนนี้ฉันอยู่กับป้าที่นิวยอร์ก ตอนนี้หายหนาวแล้ว Winter ที่ผ่านมาฉันแทบแข็งตาย นิวยอร์กไม่ได้น่าตื่นตะลึงอย่างที่คิดเลย มันดูใหญ่โต แต่ไม่มีจิตใจ ฉันคงเลิกฮัมเพลง I Love New York แล้วละ แต่กลับมาฮัมเพลง San Francisco แทน”
“แปลกนะที่คราวนี้ฉันประนีประนอมกับผู้ใหญ่ได้มากขึ้น แม้แต่กับป้าหญิงจอมเ-ียบ...”
เจ้าของปั๊มน้ำมันกลางทุ่งหญ้าแห่งหนึ่งในซานฟรานซิสโกเฝ้ารอสายลมแห่งฤดูใบไม้ผลิ ปีหนึ่งผ่านมาแล้วที่ผู้หญิงคนหนึ่งมาปรากฏตัวพร้อมกับมัน
เธอสัญญาว่าจะกลับมาอีก