ผมมีโอกาสเข้าอบรมที่ทางฟอร์ดและ จส.100 ร่วมมือกันจัดงานขึ้นครับ ซึ่งจริงๆแล้วกลุ่มเป้าหมายเป็นสุภาพสตรี แต่ด้วยความโชคดีทำให้ได้รับโอกาสนี้ด้วยครับ การอบรมครั้งนี้จัดขึ้นที่สนามสุวรรณภูมิ สปอร์ต พาร์ค (ร่มเกล้า) เมื่อวันที่ 24 ตุลาคมที่ผ่านมา (จัดทุกปี ปีนี้เป็นครั้งที่ 12 แล้ว)
การอบรมกลุ่มผมเป็นช่วงบ่ายครับ มีผู้เรียนประมาณ 30+ คน ใช้เวลาเกือบๆ 4 ชม. เป็นทฤษฎีค่อนข้างนาน ไม่ได้จับเวลาแต่น่าจะราวๆ 1.5-2 ชม. ที่เหลือเป็นภาคสนามราวๆ 2 ชม. ครับ สำหรับผมเป็นคลาสแรกที่ผู้เรียนหญิงเยอะกว่าผู้ชาย ปกติที่ผมเคยเรียนกับทางโตโยต้าและฮอนด้า จะเป็นผู้ชายเกือบทั้งหมดเลยครับ
มีรถ 3 คันเตรียมไว้สำหรับภาคสนาม เป็น Ford Everest 2 คัน และ Ford Ranger อีกคันครับ
ในการอบรมภาคทฤษฎี ทุกคอร์สที่ผมเคยเรียนมาจะต้องสอนในเรื่องการปรับเบาะและการจับพวงมาลัย ซึ่งถือเป็นพื้นฐานที่สำคัญของการขับรถอย่างปลอดภัยครับ ซึ่งในคลาสเรียนนี้ก็ให้ความสำคัญด้วยเช่นกันครับ
สรุปความรู้ในภาคทฤษฎี
1. การขับพวงมาลัย มือซ้ายอยู่ที่ 9 โมง มือขวาอยู่ที่บ่าย 3 ถ้าหักเลี้ยวไม่มากก็ไม่ต้องปล่อยมือจากพวงมาลัยเลย แต่ถ้าหักเลี้ยวมาก อย่างการ U-turn ขวามือขวาที่ปล่อยจากตำแหน่งบ่าย 3 ก็ต้องไขว้กลับไปจับที่ตำแหน่งบ่าย 3 เช่นเดิม
2. รถทั่วไปที่จับพวงมาลัยแบบ 9-3 จะใช้นิ้วโป้งคล้องและกำพวงมาลัยไว้ แต่สำหรับรถออฟโรดนิ้วโป้งจะวางทาบบนพวงมาลัย ไม่กำลงไปบนพวงมาลัย เพราะรถออฟโรดจะตกหลุมบ่อย ตกแล้วพวงมาลัยจะสะบัด จะทำให้นิ้วบาดเจ็บครับ
3. ห้ามสอดมือในพวงมาลัย เพราะถ้าเกิดเหตุฉุกเฉินจะบังคับรถหลบหลีกไม่ได้เลย
4. ควรนั่งห่างจากพวงมาลัยแบบพอดี ตอนขับช่วงแขนต้องงอไม่เหยียดตึง เวลาเหยียบเบรคสุดเท้าขาต้องงออยู่เช่นกัน ไม่อย่างนั้นถ้าเกิดการชน ทั้งแขนและขาที่เหยียดตรงจะหักได้ง่าย
5. แผ่นหลังและสะโพกควรชิดกับเบาะแบบที่ไม่สามารถเอามือสอดได้เลย ถ้าตอนขับเผลอเอนตัวไปข้างหน้ามากๆแบบไม่รู้ตัว (หลังลอยจากเบาะ) เวลาเกิดการชนมีโอกาสที่หน้าจะฟาดเข้ากับพวงมาลัย
6. ยามเบรคฉุกเฉิน แม้จะมีระบบ ABS ช่วย ตอนเบรคล้อควรตั้งตรง กระทืบเบรคค้างไว้ก่อนแล้วจึงสามารถหักหลบสิ่งกีดขวางได้ แต่ถ้าเบรคแรงๆหลังจากหักเลี้ยวไปก่อนแล้ว รถก็มีโอกาสหมุนได้
7. เบรคเท้าจะเป็นการเบรคล้อทั้ง 4 ล้อ ส่วนเบรถมือจะทำการเบรคแค่ 2 ล้อหลังเท่านั้น
8. ก่อนขึ้นรถควรเดินวนรอบรถ 1 รอบ สำรวจดูยางว่าแบนหรือมีแผลไหม มีคราบน้ำหรือน้ำมันหยดไต้ท้องรถไหม ตัวรถอยู่ในสภาพที่ผิดปกติบ้างหรือไม่ ก่อนใช้รถเพื่อความปลอดภัยทุกครั้ง
9. อุณหภูมิลมยางที่สูงขึ้น 10 องศา ทำให้ลมยางแข็งขึ้น 0.1 บาร์ หรือ 1.43 ปอนด์ต่อรางนิ้ว (Google บอกว่า 0.1 bar = 1.45 psi)
10. ควรเว้นระยะห่างจากคันหน้าเป็นเวลา 3 วินาที ถ้าฝนตกจะต้องเพิ่มเป็น 2 เท่า คือ 6 วินาที และถ้าฝนตกหนักมากจนต้องเปิดไฟตัดหมอกให้เพิ่มเป็น 3 เท่า หรือ 9 วินาที (สำหรับกฎ 3 วินาทีนี้ ในการอบรมของ Honda และ Toyota จะใช้เพียง 2 วินาทีเท่านั้น)
11. ในตอนฝนตก ควรเปิดไฟหน้ารถ เพื่อให้รถคันอื่นมองเห็นเราชัดขึ้น ลดโอกาสเกิดอุบัติเหตุ
12. Ford Everest ลุยน้ำได้สูงถึง 80 ซม. (ไม่แน่ใจว่ายี่ห้ออื่นใน Segment เดียวกัน ลุยได้ลึกเท่ากันหรือไม่)
13. การขับรถแล้วคุยโทรศัพท์ไปด้วย สติจะอยู่กับการคุย 70% อยู่ที่การขับเพียง 30% แนะนำให้จอดรถคุยดีกว่า
14. ใช้รอบเครื่องช่วง 1500-2500 รอบ เปลี่ยนเกียร์ ไม่เกิน 2500 รอบ ขับเดินทางเกียร์สุดท้ายใช้ 2000 รอบ จะช่วยให้ประหยัดน้ำมัน
15. สูตรคำนวนระยะเบรคคือ ความเร็ว x 0.1 x 2 x 3 เช่น ขับความเร็ว 100 ระยะเบรคโดยประมาณเท่ากับ 100 x 0.1 x 2 x 3 = 60 เมตร โดยที่ 2 คือ ระยะการรับรู้ (Reaction time) ส่วน 3 คือ ระยะที่ใช้หลังกดเบรค (Brake distance)
การเรียนภาคสนาม
ในภาคสนามจะให้ผู้เรียนได้ทดลองใช้ระบบ ABS ในการเบรคและหักหลบสิ่งกีดขวางครับ ซึ่งในรถที่ไม่มี ABS นั้นการเบรคจะทำให้ล้อล็อคหรือล้อตาย ซึ่งเมื่อล้อล็อคแล้วไม่ว่าเราจะหักหลบยังไงรถมันก็ไม่ไปตามที่เลี้ยว แต่มันจะไปตรงๆ ทำให้เกิดการชนถ้าระยะเบรคไม่พอ สำหรับคนที่ขับเก่งกว่านั้น ก็จะใช้วิธีเบรคๆปล่อยๆ ไปเรื่อยๆ ถ้าทำดีก็ทำให้สามารถหักหลบได้ แต่ถ้าทำไม่ดีมันก็เป็นการเพิ่มระยะเบรค ทำให้ยิ่งเสียงต่อการชนครับ
จึงเป็นการถือกำเนิดระบบ ABS ซึ่งรถที่อายุไม่เกิน 10-15 ปีน่าจะมีกันทุกคันอยู่แล้วครับ แต่บางคนอาจจะไม่เคยได้ลองใช้ พอมันทำงานขึ้นมาอาจทำให้ตกใจได้ (อ่านเพิ่มเติมเกี่ยวกับระบบ ABS ได้ที่กระทู้นี้ครับ
https://ppantip.com/topic/37111507) ซึ่งระบบ ABS นี้จะทำงานโดยการเบรคปล่อยๆๆ ด้วยความเร็วสูงประมาณ 40 ครั้ง/วินาที ช่วยให้เราสามารถกระทืบเบรคคาไว้ได้เลย แล้วเพ่งสมาธิไปที่การหักหลบอย่างเดียวได้เต็มที่ครับ
ผมได้ถ่ายคลิปการขับรถในภาคสนามของเพื่อนร่วมชั้น เป็นสุภาพบุรุษและสุภาพสตรีอย่างละ 1 ท่าน เชิญทุกท่านรับชมเพื่อที่จะได้เห็นภาพบรรยากาศในการเรียนในภาคสนามของงานนี้กันครับ..
สุดท้ายนี้ หวังว่าข้อมูลที่ผมตั้งใจแชร์นี้ จะเป็นประโยชน์สำหรับท่านที่สนใจไม่มากก็น้อยนะครับ ถ้าหากมีสิ่งใดที่ผมทำผิดพลาด หรือใช้คำไม่สุภาพ ผมต้องขออภัยไว้ ณ ที่นี้ด้วยครับ..
ฝากกดไลค์เป็นกำลังใจ และติดตามผลงานได้ที่เพจ "Need For Slow - ดังแต่ท่อ ล้อไม่หมุน" ครับ:
https://www.facebook.com/Needforslow247/
แชร์ประสบการณ์ ในการอบรมหลักสูตรฉลาดขับ ประหยัด ปลอดภัย จัดโดย จส.100 ร่วมกับ Ford ครับ
การอบรมกลุ่มผมเป็นช่วงบ่ายครับ มีผู้เรียนประมาณ 30+ คน ใช้เวลาเกือบๆ 4 ชม. เป็นทฤษฎีค่อนข้างนาน ไม่ได้จับเวลาแต่น่าจะราวๆ 1.5-2 ชม. ที่เหลือเป็นภาคสนามราวๆ 2 ชม. ครับ สำหรับผมเป็นคลาสแรกที่ผู้เรียนหญิงเยอะกว่าผู้ชาย ปกติที่ผมเคยเรียนกับทางโตโยต้าและฮอนด้า จะเป็นผู้ชายเกือบทั้งหมดเลยครับ
มีรถ 3 คันเตรียมไว้สำหรับภาคสนาม เป็น Ford Everest 2 คัน และ Ford Ranger อีกคันครับ
ในการอบรมภาคทฤษฎี ทุกคอร์สที่ผมเคยเรียนมาจะต้องสอนในเรื่องการปรับเบาะและการจับพวงมาลัย ซึ่งถือเป็นพื้นฐานที่สำคัญของการขับรถอย่างปลอดภัยครับ ซึ่งในคลาสเรียนนี้ก็ให้ความสำคัญด้วยเช่นกันครับ
สรุปความรู้ในภาคทฤษฎี
1. การขับพวงมาลัย มือซ้ายอยู่ที่ 9 โมง มือขวาอยู่ที่บ่าย 3 ถ้าหักเลี้ยวไม่มากก็ไม่ต้องปล่อยมือจากพวงมาลัยเลย แต่ถ้าหักเลี้ยวมาก อย่างการ U-turn ขวามือขวาที่ปล่อยจากตำแหน่งบ่าย 3 ก็ต้องไขว้กลับไปจับที่ตำแหน่งบ่าย 3 เช่นเดิม
2. รถทั่วไปที่จับพวงมาลัยแบบ 9-3 จะใช้นิ้วโป้งคล้องและกำพวงมาลัยไว้ แต่สำหรับรถออฟโรดนิ้วโป้งจะวางทาบบนพวงมาลัย ไม่กำลงไปบนพวงมาลัย เพราะรถออฟโรดจะตกหลุมบ่อย ตกแล้วพวงมาลัยจะสะบัด จะทำให้นิ้วบาดเจ็บครับ
3. ห้ามสอดมือในพวงมาลัย เพราะถ้าเกิดเหตุฉุกเฉินจะบังคับรถหลบหลีกไม่ได้เลย
4. ควรนั่งห่างจากพวงมาลัยแบบพอดี ตอนขับช่วงแขนต้องงอไม่เหยียดตึง เวลาเหยียบเบรคสุดเท้าขาต้องงออยู่เช่นกัน ไม่อย่างนั้นถ้าเกิดการชน ทั้งแขนและขาที่เหยียดตรงจะหักได้ง่าย
5. แผ่นหลังและสะโพกควรชิดกับเบาะแบบที่ไม่สามารถเอามือสอดได้เลย ถ้าตอนขับเผลอเอนตัวไปข้างหน้ามากๆแบบไม่รู้ตัว (หลังลอยจากเบาะ) เวลาเกิดการชนมีโอกาสที่หน้าจะฟาดเข้ากับพวงมาลัย
6. ยามเบรคฉุกเฉิน แม้จะมีระบบ ABS ช่วย ตอนเบรคล้อควรตั้งตรง กระทืบเบรคค้างไว้ก่อนแล้วจึงสามารถหักหลบสิ่งกีดขวางได้ แต่ถ้าเบรคแรงๆหลังจากหักเลี้ยวไปก่อนแล้ว รถก็มีโอกาสหมุนได้
7. เบรคเท้าจะเป็นการเบรคล้อทั้ง 4 ล้อ ส่วนเบรถมือจะทำการเบรคแค่ 2 ล้อหลังเท่านั้น
8. ก่อนขึ้นรถควรเดินวนรอบรถ 1 รอบ สำรวจดูยางว่าแบนหรือมีแผลไหม มีคราบน้ำหรือน้ำมันหยดไต้ท้องรถไหม ตัวรถอยู่ในสภาพที่ผิดปกติบ้างหรือไม่ ก่อนใช้รถเพื่อความปลอดภัยทุกครั้ง
9. อุณหภูมิลมยางที่สูงขึ้น 10 องศา ทำให้ลมยางแข็งขึ้น 0.1 บาร์ หรือ 1.43 ปอนด์ต่อรางนิ้ว (Google บอกว่า 0.1 bar = 1.45 psi)
10. ควรเว้นระยะห่างจากคันหน้าเป็นเวลา 3 วินาที ถ้าฝนตกจะต้องเพิ่มเป็น 2 เท่า คือ 6 วินาที และถ้าฝนตกหนักมากจนต้องเปิดไฟตัดหมอกให้เพิ่มเป็น 3 เท่า หรือ 9 วินาที (สำหรับกฎ 3 วินาทีนี้ ในการอบรมของ Honda และ Toyota จะใช้เพียง 2 วินาทีเท่านั้น)
11. ในตอนฝนตก ควรเปิดไฟหน้ารถ เพื่อให้รถคันอื่นมองเห็นเราชัดขึ้น ลดโอกาสเกิดอุบัติเหตุ
12. Ford Everest ลุยน้ำได้สูงถึง 80 ซม. (ไม่แน่ใจว่ายี่ห้ออื่นใน Segment เดียวกัน ลุยได้ลึกเท่ากันหรือไม่)
13. การขับรถแล้วคุยโทรศัพท์ไปด้วย สติจะอยู่กับการคุย 70% อยู่ที่การขับเพียง 30% แนะนำให้จอดรถคุยดีกว่า
14. ใช้รอบเครื่องช่วง 1500-2500 รอบ เปลี่ยนเกียร์ ไม่เกิน 2500 รอบ ขับเดินทางเกียร์สุดท้ายใช้ 2000 รอบ จะช่วยให้ประหยัดน้ำมัน
15. สูตรคำนวนระยะเบรคคือ ความเร็ว x 0.1 x 2 x 3 เช่น ขับความเร็ว 100 ระยะเบรคโดยประมาณเท่ากับ 100 x 0.1 x 2 x 3 = 60 เมตร โดยที่ 2 คือ ระยะการรับรู้ (Reaction time) ส่วน 3 คือ ระยะที่ใช้หลังกดเบรค (Brake distance)
การเรียนภาคสนาม
ในภาคสนามจะให้ผู้เรียนได้ทดลองใช้ระบบ ABS ในการเบรคและหักหลบสิ่งกีดขวางครับ ซึ่งในรถที่ไม่มี ABS นั้นการเบรคจะทำให้ล้อล็อคหรือล้อตาย ซึ่งเมื่อล้อล็อคแล้วไม่ว่าเราจะหักหลบยังไงรถมันก็ไม่ไปตามที่เลี้ยว แต่มันจะไปตรงๆ ทำให้เกิดการชนถ้าระยะเบรคไม่พอ สำหรับคนที่ขับเก่งกว่านั้น ก็จะใช้วิธีเบรคๆปล่อยๆ ไปเรื่อยๆ ถ้าทำดีก็ทำให้สามารถหักหลบได้ แต่ถ้าทำไม่ดีมันก็เป็นการเพิ่มระยะเบรค ทำให้ยิ่งเสียงต่อการชนครับ
จึงเป็นการถือกำเนิดระบบ ABS ซึ่งรถที่อายุไม่เกิน 10-15 ปีน่าจะมีกันทุกคันอยู่แล้วครับ แต่บางคนอาจจะไม่เคยได้ลองใช้ พอมันทำงานขึ้นมาอาจทำให้ตกใจได้ (อ่านเพิ่มเติมเกี่ยวกับระบบ ABS ได้ที่กระทู้นี้ครับ https://ppantip.com/topic/37111507) ซึ่งระบบ ABS นี้จะทำงานโดยการเบรคปล่อยๆๆ ด้วยความเร็วสูงประมาณ 40 ครั้ง/วินาที ช่วยให้เราสามารถกระทืบเบรคคาไว้ได้เลย แล้วเพ่งสมาธิไปที่การหักหลบอย่างเดียวได้เต็มที่ครับ
ผมได้ถ่ายคลิปการขับรถในภาคสนามของเพื่อนร่วมชั้น เป็นสุภาพบุรุษและสุภาพสตรีอย่างละ 1 ท่าน เชิญทุกท่านรับชมเพื่อที่จะได้เห็นภาพบรรยากาศในการเรียนในภาคสนามของงานนี้กันครับ..
สุดท้ายนี้ หวังว่าข้อมูลที่ผมตั้งใจแชร์นี้ จะเป็นประโยชน์สำหรับท่านที่สนใจไม่มากก็น้อยนะครับ ถ้าหากมีสิ่งใดที่ผมทำผิดพลาด หรือใช้คำไม่สุภาพ ผมต้องขออภัยไว้ ณ ที่นี้ด้วยครับ..
ฝากกดไลค์เป็นกำลังใจ และติดตามผลงานได้ที่เพจ "Need For Slow - ดังแต่ท่อ ล้อไม่หมุน" ครับ:
https://www.facebook.com/Needforslow247/