ช่อง3- jkn ส่งออก ละครไทย โมเดลผลักดัน ญาญ่า สู่ตลาดโลก ทุกแพลตฟอร์ม ใน ฐานะแฟนละครไทย คุณรู้สึกอย่างไรคะ

ละครช่อง3 ส่งออกขายทั่วโลกทุกแพลตฟอร์ม ใน ฐานะแฟนละครไทย คุณรู้สึกอย่างไรคะ
ช่อง 3 จับมือ JKN เปิดตลาดจำหน่ายละครไทยในต่างประเทศ ต่อเนื่องเป็นปีที่ 2
บริษัท บีอีซีเวิลด์ จำกัด (มหาชน) โดยนายอริยะ พนมยงค์ กรรมการผู้อำนวยการ และ บริษัท เจเคเอ็น โกลบอล มีเดีย จำกัด (มหาชน) โดย คุณแอน จักรพงษ์ จักราจุฑาธิบดิ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร ได้ร่วมลงนามในการขายลิขสิทธิ์ละครไทยในต่างประเทศ ต่อเนื่องเป็นปีที่ 2 โดยปีนี้ บีอีซีเวิลด์ได้บรรลุข้อตกลงให้ เจเคเอ็น โกลบอล มีเดีย เป็นตัวแทนจัดจำหน่ายงานที่มีลิขสิทธิ์ถูกต้อง เพื่อนำละครยอดฮิตของช่อง 3-70 เรื่อง ไปจำหน่ายยังต่างประเทศ เช่น ฟิลิปปินส์ อินโดนีเซีย มาเลเซีย สิงคโปร์ บรูไน เกาหลี ญี่ปุ่น ตะวันออกกลาง ประเทศในทวีปยุโรป แคนาดา รวมถึงลาตินอเมริกา ซึ่งในการดำเนินงานในปีที่ผ่านมา เจเคเอ็น โกลบอล มีเดีย ประสบความสำเร็จเป็นอย่างดี และเป็นการสร้างมูลค่าของละครไทยในต่างประเทศให้เพิ่มมากขึ้น 

นายอริยะ พนมยงค์ กรรมการผู้อำนวยการ บริษัท บีอีซีเวิลด์ จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า ตลาดละครในต่างประเทศมีการเติบโตอย่างต่อเนื่อง และเป็นโอกาสสำคัญทางรายได้ของ บีอีซีเวิลด์ ที่ผ่านมาละครของช่อง 3 ได้รับความนิยมเป็นอย่างมากในหลายประเทศ อาทิ ประเทศฟิลิบปินส์ และประเทศมาเลเซีย และ ตอนนี้ช่อง 3 ได้ร่วมกับ เจเคเอ็น โกลบอล มีเดีย ในการขยายการขายคอนเทนต์ไปยังประเทศใหม่ ๆ โดยเฉพาะในกลุ่มประเทศที่ ช่อง 3 ยังไม่เคยจำหน่าย โดยยกเว้น จีน ฮ่องกง มาเก๊า กัมพูชา เวียดนาม พม่า ไทย ลาว และ สหรัฐอเมริกา ที่ช่อง 3 ได้มีตลาดละครอยู่แล้ว
http://news.ch3thailand.com/economy/98433

คลิกเพื่อดูคลิปวิดีโอ
ดิฉัน เป็นแฟนละครช่อง3 รู้สึกภาคภูมิใจ มากค่ะ ละครไทยไม่แพ้ชาติใดในโลก
ขอบคุณช่อง3 ที่สร้างสรรค์ละคร เนื้องานคุณภาพ ให้แฟนละครรับชมค่ะ

ช่อง 3 – JKN “ส่งออก” ละครไทย โมเดลผลักดัน “ญาญ่า” สู่ตลาดโลก
ไม่เพียงจะเป็นเจ้าแม่แห่งวงการ “นำเข้า” คอนเทนต์จากต่างประเทศ โดยเฉพาะซิรี่ส์อินเดีย ที่มีปรากฏอยู่ในผังรายการแทบจะทุกช่อง ถือเป็นการปูพรมความสำเร็จระดับที่สื่อทุกสำนักต้องจับตามองของ “แอน-จักรพงษ์ จักราจุฑาธิบดิ์” ผู้บริหารข้ามเพศแห่งบริษัท เจเคเอ็น โกลบอล มีเดีย จำกัด (มหาชน) ที่โกยรายได้ระดับพันล้านจากการบริหารคอนเทนต์ระดับสากล

ขณะเดียวกัน ก็ยังเป็นตัวแทนหนึ่งเดียวที่จับมือกับไทยทีวีสีช่อง 3 ในการ “ส่งออก” คอนเทนต์ละครไทย เพื่อไปตีตลาดโลก ซึ่งถือเป็นช่องทางใหม่ในการดึงดูดเม็ดเงิน เพื่อเพิ่มรายได้ให้กับช่องได้เป็นอย่างดี

อารมณ์เดียวกับที่คนไทยจำนวนไม่น้อย ที่เป็น “ติ่ง” ตัวยงของซิรี่ส์เกาหลี ไม่ว่าจะเป็นซิรี่ส์ในตระกูลยัยตัวร้ายต่างๆ นานา หรือซิรี่ส์ย้อนยุค ที่แสดงถึงวัฒนธรรมโบร่ำโบราณของเกาหลี อย่าง “แดจังกึม” ถึงขนาดมีการเดินทางตามรอยไปถึงถิ่นกำเนิดเรื่องราวต่างๆ ในซิรี่ส์เหล่านั้น กลายเป็นการเพิ่มมูลค่าให้กับการท่องเที่ยวเกาหลีไปอีก

หรือก่อนหน้านี้ ที่กระแสซิรี่ส์อินเดียมาแรงแซงหน้าละครไทย เรียกว่าเปิดหน้าจอรอดูกันแทบจะทุกครัวเรือน แม้จะมีจำนวนตอนที่ลากยาวกันแบบข้ามปี ก็ไม่ได้เป็นปัญหาสำหรับการติดตาม

ละครไทยเอง ก็เป็นที่ชื่นชอบของตลาดต่างประเทศไม่แพ้กัน

ก่อนหน้านี้ เราอาจจะรับรู้ข้อมูลมาบ้างว่าประเทศบ้านใกล้เรือนเคียงอย่างพม่า กัมพูชา เวียดนาม ลาว เป็นแฟน

ประจำของละครไทย มีดาราระดับพระเอก นางเอก หลายคน ที่ไปโด่งดัง และเป็นที่คลั่งไคล้ของผู้คนในตลาดดังกล่าว

อย่างเช่นพระเอกหนุ่มลูกครึ่ง “มาริโอ้ เมาเร่อ” ที่โด่งดังและมีแฟนคลับคลับกลุ่มใหญ่ให้การต้อนรับทุกครั้งที่มีโอกาสได้ไปเยือนที่ประเทศเพื่อนบ้าน ถึงระดับที่เคยสร้างปรากฏการณ์ “ห้างแตก” มาแล้ว

หรืออย่าง “เจมส์-จิรายุ” เอง ก็เป็นที่ชื่นชอบของแฟนๆ ต่างประเทศ จนถึงขนาดเคยจัดงานแฟนมิตติ้งที่ประเทศกัมพูชา และสามารถจำหน่ายบัตรจำนวน 3,000 ใบ หมดเกลี้ยงภายในพริบตา

เจ้าแม่นาคี อย่าง “แต้ว-ณฐพร เตมีย์รักษ์” ก็เป็นที่นักแสดงระดับนางเอกหัวแถวของเมืองไทย ที่เพื่อนบ้านละแวกใกล้เคียงเทใจให้ ขนาดว่าครั้งที่เธอเดินทางไปเที่ยวลาวแบบเงียบๆ ก็ยังมีคนจำได้ และเข้ามาทักทายขอถ่ายรูป ซึ่งส่วนใหญ่ก็จะชื่นชมในความเป็นคนติดดินของเธอ

ไม่ต้องพูดถึงตัวแม่อย่าง “อั้ม-พัชราภา ไชยเชื้อ” ที่ก็เป็นหนึ่งในนักแสดงไทยที่สร้างปรากฏการณ์ “ห้างแตก” ในประเทศเพื่อนบ้านมาแล้วเช่นเดียวกัน

จากประเทศเพื่อนบ้านละแวกใกล้เคียง ตอนนี้ก็เขยิบความนิยมออกไปกว้างไกลขึ้น ซึ่งเป็นผลสำเร็จจากการบุกเบิกของเจเคเอ็นที่นำคอนเทนต์ละครไทยไปตีตลาดต่างประเทศ

โดยเฉพาะที่ประเทศฟิลิปินส์ !!!

จากข้อมูลที่ได้รับทราบมา ตอนนี้นางเอกไทยที่ไปโด่งดังที่สุด ก็คือ “ญาญ่า- อุรัสยา เสปอร์บันด์”

หลังจากที่ละครของเธอถูกนำไปออกอากาศที่ช่อง GMA ซึ่งถือเป็นหนึ่งในสถานีโทรทัศน์ระดับยักษ์ใหญ่ของประเทศฟิลิปปินส์ติดต่อกันถึง 2 เรื่อง คือ “เล่ห์รักสลับร่าง” ที่แสดงคู่กับคู่จิ้น ที่กลายมาเป็นคู่จริงอย่าง “ณเดชน์ คูกิมิยะ” และ “คลื่นชีวิต” ซึ่งมีชื่อเรียกกันในหมู่ชาวฟิลิปปินส์ว่า “Wave of Life” ที่เล่นคู่กับ “หมาก-ปริญ สุภารัตน์” ซึ่งทั้ง 2 เรื่อง ถือเป็นละครที่มีเรตติ้งดีในระดับที่น่าพอใจ ส่งผลให้เธอสามารถคว้ารางวัล Most Loved Asian Superstar by Filipinos ซึ่งเป็นรางวัลพิเศษ ที่ช่อง GMA ตั้งใจมอบให้โดยเฉพาะ

และที่เตรียมจะออนแอร์ต่อเนื่องเป็นเรื่องที่ 3 ก็คือ “ลิขิตรัก” (The Crown Prince) ที่จับคู่กับณเดชน์อีกเรื่องหนึ่ง ซึ่งก็เป็นที่คาดหมายว่าจะเป็นที่ชื่นชอบของคนดูชาวฟิลิปปินส์ไม่แพ้กับ 2 เรื่องแรก

นอกจากนั้น ก็ยังมีภาพยนตร์เรื่อง “น้องพี่ที่รัก” ผลงานภาพยนตร์เรื่องแรกของญาญ่า ที่เข้าไปฉายที่ประเทศฟิลิปปินส์ ก็ประสบความสำเร็จไม่แพ้ที่ฉายในเมืองไทย

เอาจริงๆ ก็ไม่ถือว่าเป็นเรื่องที่เกินความคาดหมายที่ญาญ่าจะไปโด่งดังในต่างแดนแบบนี้
เพราะต้องบอกว่าเธอเกิดมาเพื่อสิ่งนี้จริงๆ !!!


ด้วยโครงหน้าที่สวยคม มีการผสมผสานกันอย่างลงตัวระหว่างความเป็นไทย กับความเป็นสากล และสามารถปรับเปลี่ยนคาแรกเตอร์ได้หลากหลาย จะสวยหวาน สวยเฉี่ยว สวยเปรี้ยว หรือเซ็กซี่เล็กๆ แค่เปลี่ยนสไตล์การแต่งตัว การเมกอัพนิดๆ หน่อยๆ ก็แทบจะกลายเป็นคนละคน ซึ่งนี่คือข้อได้เปรียบที่สำคัญยิ่งของการเป็นนักแสดง ที่จะทำให้สามารถรับบทได้หลากหลาย ไม่ถูกจำกัดอยู่ในกรอบ หรือแนวทางใดแนวทางหนึ่ง ที่จะเป็นการปิดกั้นการแสดงศักยภาพในตัวเองได้อย่างเต็มที่

เรียกว่าจากความตั้งใจเดิมของ JKN ที่ “นำเข้า” ซิรี่ส์ดังๆ จากประเทศฟิลิปปินส์ หวังว่าจะเข้ามาบุกตลาดที่เมืองไทย เหมือนกับที่เคยสร้างชื่อมาแล้วจากซิรี่ส์อินเดีย ตอนนี้กลับกลายเป็นว่าละครไทย สามารถไปเปิดตลาดที่ฟิลิปปินส์ได้อย่างสง่างาม

มองในมุมบันเทิง ก็ถือเป็นการต่อยอดความสำเร็จของละคร และนักแสดงไทยอย่างญาญ่าให้ขจรขจายไปยังระดับสากล ขณะที่ถ้ามองจากมุมของเศรษฐกิจ ก็ถือเป็นหนทางในการดึงดูดเงินตราเข้ามายังประเทศ โดยเฉพาะถ้ามีการโหมโปรโมทการท่องเที่ยวตามรอยละครต่างๆ ให้ชาวต่างชาติหลั่งไหลเข้ามาเที่ยวในบ้านเรา เหมือนกับที่ประเทศเกาหลีทำสำเร็จมาแล้ว



ทิ้งท้ายด้วยถ้อยแถลงของแอน-จักรพงษ์ ที่กล่าวไว้ในงานแถลงความร่วมมือระหว่างช่อง 3 และ JKN เมื่อช่วงกลางปีที่แล้ว

"การขายคอนเทนต์ของประเทศไทยในต่างประเทศที่ผ่านมา ยังไม่โดดเด่นในระดับสากลที่จะทำให้คนต่างชาติรู้สึกว่า คอนเทนต์ของประเทศไทยเป็นที่ต้องการ แต่ความร่วมมือครั้งนี้จะเป็นปรากฎการณ์ที่ทำให้คนต่างชาติได้เห็นและยอมรับในคอนเทนต์ไทย ซึ่งไม่ใช่แค่เพียงความร่วมมือของ 2 บริษัทเท่านั้น แต่เป็นการประกาศศักดิ์ศรีของคนไทย ให้คนต่างชาติได้เห็นถึงคุณภาพคอนเทนต์ละครจากประเทศไทย ซึ่งต้องยอมรับว่าละครของช่อง 3 ถือเป็นเบอร์ 1 ที่คนไทยให้ความยอมรับอยู่แล้ว 

ในส่วนของการเปิดตลาด JKN ก็มีประสบการณ์ในเรื่องของธุรกิจคอนเทนต์ระดับสากลมายาวนาน 20 ปี เมื่อ JKN และ ช่อง 3 มารวมตัวกัน จึงทำให้คอนเทนต์ไทยที่มีความโดดเด่น กลายเป็นที่ยอมรับระดับเวทีโลก ซึ่งเป็นมิติใหม่ที่ทำให้คนต่างชาติได้เห็นว่าสินค้าคอนเทนต์ของคนไทยก็มีดีไม่แพ้ชาติใดในโลก เรามั่นในว่าจะนำความภาคภูมิใจกลับมาให้คนไทยอย่างแน่นอน"
https://mgronline.com/entertainment/detail/9620000028532
แก้ไขข้อความเมื่อ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่