เมื่อวานไปร้านเสริมสวย แบบตึกแถว ซึ่งส่วนตัวไม่ได้เข้ามาเกือบ 4-5 เดือนแล้ว
พอดีสนิทกับเจ้าของร้าน เจ้าของร้านบอกว่า รายได้ไม่เหมือนเมื่อก่อน
จากเมื่อก่อนได้วันละ 2000 พันขึ้น ตอนนี้ได้วันละ 400-500 บาท
แล้วก็คุยกันต่อ เค้าบอกว่าเมื่อก่อนอยากกินอะไรก็ไป ตอนนี้ไม่ไปกินแล้ว ประหยัดไว้ก่อน
เค้าหมายถึงร้านอาหาร ชาบู บุฟเฟ่
เสื้อผ้าก็ไม่ได้ซื้อมา 2 เดือนแล้ว จากเมื่อก่อนอาทิตย์ละ ตัว
ใช้เงินในส่วนที่จำเป็นจริงๆ
ซึ่งบอกเลยตัวเองก็เป็นแบบนี้ เพราะค้าขายเหมือนกัน
............
เศรฐกิจตอนนี้ คนที่แย่คือคนรากหญ้า ไม่เหมือนตอนปี 40
ห้างใหญ่ๆ ร้านทำผมขึ้นห้าง หรือร้านอาหารตามห้าง เค้าอยู่ได้เพราะกลุ่มเป้าหมายมันคนกลุ่มกัน
ร้านค้าที่เกี่ยวกับคนรากหญ้าบอกเลยอยู่ยาก
ห้างค้าส่งแถวบ้าน เจ้าดัง 2 เจ้า ลองไปเดินดู วันธรรมดา ผีแทบหลอกไม่มีคน วันหยุดยังพอมีคนบ้าง
ร้านชาบู บุฟเฟ่ เริ่มจะอยู่ยากเหมือนกัน วันก่อนไปกิน ซึ่งเป็นวันเสาร์ คนน้อยกว่าเมื่อก่อนมากๆ เมื่อก่อนคนเต็มใมร้าน
เสื้อผ้าขายตามนัด กระทบแน่นอน เห้นร้านลดไปเรื่อยๆ
โรงงานตอนนี้บางโรงไม่มีโอที
เมื่อก่อน 3ทุ่มแถวบ้านคนพลุกพล่านซื้อของกิน ตอนนี้ 3ทุ่มแม่ค้านั่งมองหน้ากัน
คนรัดเข็มขัดมากขึ้น ไม่ค่อยใช้จ่าย
.............
จะให้ปรับตัวอย่างไง ก็ตอนนี้ปรับตัวอยู่ ในเมื่อคนไม่มีซื้อกัน ไม่มีเงินซื้อ ใช้จ่ายน้อยลง
ตัวเองก็ปรับตัวอยู่ไง ตอนนี้ใช้จ่ายที่จำเป็น ของไม่จำเป็นไม่ซื้อเลย
เรายังไม่ซื้อเลยจะให้คนอื่นๆมาซื้อได้ยังไง เรายังไม่กินเลยประหยัดเลย คนอื่นๆก็คิดแบบเรา
.................
บางคนบอกก็เปลี่ยนไปขายโน้นนี่นั่นสิ คนรากหญ้าจะมีทุนสักคนเท่าไหร่กันคะ ถ้ามีสัก 5 แสน ใครที่ไหนจะกล้าลงทุน
เก็บเงินกับตัวไม่ดีกว่าหรอ
บอกไปขายหมูปิ้งลงทุนน้อย แถวบ้านเราขายกันเป็น 10 ร้านแล้ว บ่นกันแทบทุกร้านค้า
ทำไมห้างใหญ่ๆคนเดินกันเพียบ มันคนกลุ่มเป้าหมายนะคะ
เขียนดักไว้ก่อนเผื่อมีคนแย้ง
...........
จากใจคนราหญ้าแท้ๆเลย
มาคนรากหญ้าอย่างเราบ้างว่าตอนนี้ เป็นอย่างไง จะให้ปรับตัวอย่างไง
พอดีสนิทกับเจ้าของร้าน เจ้าของร้านบอกว่า รายได้ไม่เหมือนเมื่อก่อน
จากเมื่อก่อนได้วันละ 2000 พันขึ้น ตอนนี้ได้วันละ 400-500 บาท
แล้วก็คุยกันต่อ เค้าบอกว่าเมื่อก่อนอยากกินอะไรก็ไป ตอนนี้ไม่ไปกินแล้ว ประหยัดไว้ก่อน
เค้าหมายถึงร้านอาหาร ชาบู บุฟเฟ่
เสื้อผ้าก็ไม่ได้ซื้อมา 2 เดือนแล้ว จากเมื่อก่อนอาทิตย์ละ ตัว
ใช้เงินในส่วนที่จำเป็นจริงๆ
ซึ่งบอกเลยตัวเองก็เป็นแบบนี้ เพราะค้าขายเหมือนกัน
............
เศรฐกิจตอนนี้ คนที่แย่คือคนรากหญ้า ไม่เหมือนตอนปี 40
ห้างใหญ่ๆ ร้านทำผมขึ้นห้าง หรือร้านอาหารตามห้าง เค้าอยู่ได้เพราะกลุ่มเป้าหมายมันคนกลุ่มกัน
ร้านค้าที่เกี่ยวกับคนรากหญ้าบอกเลยอยู่ยาก
ห้างค้าส่งแถวบ้าน เจ้าดัง 2 เจ้า ลองไปเดินดู วันธรรมดา ผีแทบหลอกไม่มีคน วันหยุดยังพอมีคนบ้าง
ร้านชาบู บุฟเฟ่ เริ่มจะอยู่ยากเหมือนกัน วันก่อนไปกิน ซึ่งเป็นวันเสาร์ คนน้อยกว่าเมื่อก่อนมากๆ เมื่อก่อนคนเต็มใมร้าน
เสื้อผ้าขายตามนัด กระทบแน่นอน เห้นร้านลดไปเรื่อยๆ
โรงงานตอนนี้บางโรงไม่มีโอที
เมื่อก่อน 3ทุ่มแถวบ้านคนพลุกพล่านซื้อของกิน ตอนนี้ 3ทุ่มแม่ค้านั่งมองหน้ากัน
คนรัดเข็มขัดมากขึ้น ไม่ค่อยใช้จ่าย
.............
จะให้ปรับตัวอย่างไง ก็ตอนนี้ปรับตัวอยู่ ในเมื่อคนไม่มีซื้อกัน ไม่มีเงินซื้อ ใช้จ่ายน้อยลง
ตัวเองก็ปรับตัวอยู่ไง ตอนนี้ใช้จ่ายที่จำเป็น ของไม่จำเป็นไม่ซื้อเลย
เรายังไม่ซื้อเลยจะให้คนอื่นๆมาซื้อได้ยังไง เรายังไม่กินเลยประหยัดเลย คนอื่นๆก็คิดแบบเรา
.................
บางคนบอกก็เปลี่ยนไปขายโน้นนี่นั่นสิ คนรากหญ้าจะมีทุนสักคนเท่าไหร่กันคะ ถ้ามีสัก 5 แสน ใครที่ไหนจะกล้าลงทุน
เก็บเงินกับตัวไม่ดีกว่าหรอ
บอกไปขายหมูปิ้งลงทุนน้อย แถวบ้านเราขายกันเป็น 10 ร้านแล้ว บ่นกันแทบทุกร้านค้า
ทำไมห้างใหญ่ๆคนเดินกันเพียบ มันคนกลุ่มเป้าหมายนะคะ
เขียนดักไว้ก่อนเผื่อมีคนแย้ง
...........
จากใจคนราหญ้าแท้ๆเลย