ในวันที่ใจวุ่นวาย รู้ตัวอีกทีก็ออกเดินทางมาไกลถึงที่นี้ "บ้านจ่าโบ่ จ.แม่ฮ่องสอน 💚" หมู่บ้านน่ารักๆที่ซ่อนตัวอยู่ในหุบเขา แต่เส้นทางในการมาอาจจะไม่น่ารักสักเท่าไหร่ 55555
สำหรับใครที่อยากจะเช่ารถมอเตอร์ไซค์จากเชียงใหม่มา ถ้าสกิลในการขี่รถมอเตอร์ไซค์มีไม่มาก ไม่แนะนำให้เช่ารถมอเตอร์ไซค์ขี่มาครับ เพราะทางค่อนข้างโค้งเยอะและส่วนใหญ่จะเป็นโค้งหักศอก โค้งชัน แนะนำให้นั่งรถตู้ดีมาดีกว่า เตือนด้วยความปรารถนาดีครับ 55555
เริ่มต้นการเดินทางที่นี้ครับ สถานีเดินรถนครชัยแอร์กรุงเทพ ซึ่งช่วงวันที่มาคือช่วงหยุดยาว คนเยอะแน่นอน
ผมจองตั๋วรถชั้น Gold class ราคา 657 บาท เที่ยว 22:15 น.ไว้ครับ ซึ่งที่นี้จะต้องมาเช็คอินก่อนจะขึ้นรถด้วยนะครับ ควรมาก่อนเวลาขึ้นรถสัก 30 นาทีครับ
พอเช็คอินเสร็จพนักงานจะถามว่าใครมีสัมภาระอะไรที่จะไว้ใต้ท้องรถไหม ก็ให้นำสัมภาระของเรามาให้พนักงานเพื่อติดแท็ก และรับใบหมายเลยแท็กเก็บไว้เพื่อไปยื่นให้พนักงานอีกทีเพื่อรับสัมภาระคืนตอนถึงปลายทางครับ
นี้คือรถที่จะพาเราไปเชียงใหม่ในทริปนี้ครับ
ลืมถ่ายที่นั่งมา 555 แต่จะบอกว่า อันนี้ คหสต.นะครับ ที่นั่งแอบเล็กไปสักหน่อย แถมเบาะเอนเยอะเกินครับ มันเอินเยอะเกินจนไปกวนผู้โดยสารข้างหลังครับ ปรับให้อยู่กับที่ไม่ได้ ทำให้ต้องคอยขยับอยู่เป็นพักๆ แต่แอร์เย็นดี มีผ้าห่มให้ แถมอันนี้สำคัญ พนักงานต้อนรับสวยครับ แฮร่ 😝
บนรถจะมีอาหารให้นะครับ เที่ยวนี้เดินทางกลางคืนเลยจะเป็น น้ำดื่ม นม น้ำผลไม้ ขนม กับฮอทดอกครับ อันนี้แอบทราบมา ถ้าเดินทางตอนกลางวันอาหารหลักจากฮอทดอกจะเป็นข้าวกล่องครับ
เดินทางจากกรุงเทพมาถึงเชียงใหม่ใช้เวลาประมาณ 9 ชม.ครับ วันที่มา ถึงเชียงใหม่ดีเลย์นิดหน่อยจากกำหนดประมาณ 10 นาที เพราะฝนตกตลอดทางครับ
ถึงเชียงใหม่ 7:30 น. พอรถจอดที่สถานีเชียงใหม่ก็รีบเดินลุยฝนมาที่ร้านเช่ามอเตอร์ไซค์เลยครับ ร้านนี้ครับ ร้าน Bikky สาขาอาเขต อยู่ไม่ไกลจากสถานีนครชัยแอร์ ถามทางคนแถวนั้นก็ได้ครับ
รถที่ผมเลือกใช้ในทริปนี้คือเจ้า Wave 125i ครับ ค่าตัววันละ 300 บาท ไม่ต้องมีมัดจำ วางแค่บัตรประชาชนไว้พร้อมเซ็นเอกสารนิดหน่อย ทริปนี้ 2 วัน 600 บาท สำหรับใครที่จะเช่ารถขี่ไปปาย แม่ฮ่องสอน ถ้าขี่รถมีเกียร์ได้แนะนำให้ขี่แบบมีเกียร์ครับ เพราะเส้นทางส่วนใหญ่คือขึ้นเขาลงเขา รถมีเกียร์จะขี่ดีกว่ารถออโต้ ส่วนหมวกกันน็อค ทางร้านมีแบบฟรีกับเสียตัง แนะนำให้เอาแบบเสียตังเช่าวันละ 50 บาทเป็นหมวกเต็มใบดีกว่าครับ เพราะแบบฟรีมีแต่ตัวหมวกกันน็อคครึ่งใบ ไม่มีกระจกหน้าให้ ขี่ทางไกลไม่เวิร์คครับ
ออกจากร้านเช่ารถมาก็ตรงมาที่นี้เลยครับ "พระธาตุดอยสุเทพ" ไหว้สักการะสิ่งศักดิ์สิทธิ์ก่อนออกเดินทางไกล
จุดชมวิวบนพระธาตุดอยสุเทพครับ
ถ้าขี้เกียดเดินหรือเดินไม่ไหว สามารถขึ้นกระเช้าได้นะครับ ค่าตั๋วขึ้น-ลง 20 บาท
ไหว้พระเสร็จก็ขี่ลงจากดอยมา ขี่ไปตามทางหลวง 107 ไปทาง อ.แม่ริม พอใกล้ถึง อ.แม่แตง เลี้ยวซ้ายเข้าทางหลวง 1095 และขับยาวไปเรื่อยๆเลยครับ
มาเริ่มเล่นโค้งกัน 55555
เส้นแม่แตง - ปายนี้สิ่งที่ดีอย่างนึงเลยคือมีจุดพักรถค่อนข้างเยอะ ร้านข้าวบ้าง ร้านกาแฟบ้าง แล้วคือนี้เจอร้านนี้โดยบังเอิญ คือจะบอกว่าชาเขียวร้านนี้ มันดูดีที่สุดเลยเว้ยแกรรร 55555
ช่วยพี่เขาขายของหน่อย ชื่อร้าน "หน้าต่างทางปาย" อยู่ก่อนถึงโค้งงามครับ ไปอุดหนุนกันได้ อร่อยจริงไม่ติงนัง
นี้คือโค้งส่วนใหญ่ที่จะต้องเจอในการวิ่งมาเส้นนี้ บอกเลยว่าทำความเร็วแทบไม่ได้เลย เพราะถ้าลองให้ตีเป็นเปอร์เซ็นต์นี้พูดเลยว่าทางตรงมีแค่ประมาณ 20% ที่เหลือโค้งล้วนๆ โค้งลาดชันบ้าง โค้งหักศอกบ้าง เมาโค้งกันเลยทีเดียวเชียว
เข้าเขตแม่ฮ่องสอนแล้ว แต่ช้าแต่ ยังต้องขี่ไปอีกไกลเหมือนกันครับกว่าจะถึงปาย ประมาณ 1 ชม. เรียกได้ว่าตูดชาแน่นอน 5555
แวะมาถ่ายรูประหว่างทางที่สะพานประวัติศาสตร์ปายครับ
แวะสะพานปาย แวะเติมน้ำมันในตัวเมืองปายก็ตรงดิ่งมาที่พักเลยครับ ทางมาปายว่าหินแล้ว ทางมาปางมะผ้า จ่าโบ่ หินกว่าเยอะครับ บ้างช่วงขึ้นเขาขันมาก บ้างช่วงชันถึงขนาดต้องตบเกียร์ 1 ขึ้นถึงจะไหว แถมขาลงที่โครตเสียวอีก ใช้เวลาไปประมาณ 6 ชม. นับตั้งแต่ลงมาจากพระธาตุดอยสุเทพ แบ่งเป็น เชียงใหม่ - ปาย 4 ชม. และ ปาย - บ้านจ่าโบ่อีก 2 ชม.ครับ
นี้ครับหน้าตาที่พักของเราในทริปนี้ "ลานกางเต็นท์จ่าทอ&โฮมสเตย์บ้านจ่าโบ่" ผมทำการจองบ้านหนึ่งหลัง มาตั้งแต่ต้นเดือน ราคา 300 บาทครับ ราคานี้มีที่พักพร้อมอาหารเย็นให้อีก 1 มื้อครับ ส่วนตัวผมว่าคุ้มนะ
ระหว่างรออาหารเย็นก็มาหาชาร้อนๆจิบแก้หนาวก่อนครับ ร้านนี้ครับ "Dekdoi coffee at jabo" จริงๆจะมีร้านกาแฟอีกร้านครับแต่เปิดพร้อมร้านก๋วยเตี๋ยวห้อยขา ซึ่งตอนมาปิดไปแล้วก็อดไป
ชาร้อนๆกับอากาศหนาวๆเป็นอะไรที่โครตฟิน ><
หลังจากไปดื่มชามา พี่เจ้าของที่พักก็เอาอาหารมื้อเย็น มาเสริฟให้ถึงหน้าที่พักเลยครับ ก็จะมีไข่เจียว กะหล่ำปลีผัดน้ำปลา ต้มจืดมันฝรั่ง เสียดายไม่มีน้ำพริกมูเซอที่เขาร่ำลือกัน แต่ไม่เป็นไรครับ อาหารรสชาติถือว่าใช้ได้เลย อิ่มจุกๆเลยครับ 5555
หน้าตาของห้องน้ำครับ ห้องน้ำที่นี้ไม่มีเครื่องทำน้ำอุ่นนะครับ แถมน้ำเย็นตลอดเวลาครับอันนี้พูดเลย 555
กินข้าวเสร็จก็มานั่งชมวิวครับ ที่นี้ฟ้าจะมืดช้ากว่าปกติ 1 ทุ่มฟ้ายังสว่างอยู่เลย
นี้ครับ พอมืดๆหมอกเริ่มลอยมาแล้ว แถมตอนมาถึงฝนตกอีก พูดเลยว่าพรุ่งนี้เจอหมอกแน่นอน
ตื่นเช้ามาประมาณ 6 โมงกว่าๆ หมอกก็เริ่มลอยมาแล้วครับ
นี้ครับ ประมาณครึ่งชม. หมอกเริ่มหนาขึ้นเรื่อยๆ แต่น่าเสียดายตรงที่ฝนตกเมื่อคืนนะครับทำให้ไม่ได้ขึ้นไปจุดชมวิวภูผาหมอก
บรรยากาศภายในหมู่บ้านครับ
บรรยากาศบริเวณจุดชมวิวบ้านจ่าโบ่ครับ
มาเดินถ่ายรูปเล่นระหว่างรอร้านก๋วยเตี๋ยวห้อยขาเปิดครับ
นี้ครับ "ร้านก๋วยเตี๋ยวห้อยขา บ้านจ่าโบ่" ในร้านมีชา กาแฟขายด้วยนะครับ
บรรยากาศจากภายในร้านก๋วยเตี๋ยวครับ
ระหว่างนั่งรอพี่เจ้าของร้านเตรียมของ หมอกก็ค่อยๆลอยมาแล้ว สวยมาก
ระหว่างรอพี่เจ้าของร้านเตรียมของทำก๋วยเตี๋ยว ก็สั่งชามะนาวหนึ่งแก้วมารอก่อนครับ
ก๋วยเตี๋ยวมาแล้ว เมนูแนะสำหรับผมคือต้มยำครับ ซัดไป2 ทั้งน้ำทั้งแห้งแหนะ >< 555 ส่วนตัวผมว่าอร่อยนะ เห็นในหลายรีวิวบอกรสชาติเฉยๆ แต่แค่ได้มานั่งกินท่ามกลางบรรยากาศแบบนี้ถือว่าคุ้มค่ามากๆแล้วครับ
หลังจากกินก๋วยเตี๋ยวเสร็จก็มานั่งชมวิว ถ่ายรูปเล่นก่อนจะเตรียมตัวกลับครับ
หลายคนถามมาเที่ยวคนเดียวถ่ายรูปยังไง ใครถ่ายให้ มาตอบให้แล้วนะ ผมพกขาตั้งกล้องมือถือกับรีโมตกดชัตเตอร์ไปด้วยครับ บ้างที่ถ้าขี้เกียดใช้ขาตั้งกล้องก็วานคนแถวนั้นถ่ายให้ครับ เที่ยวคนเดียวไม่น่ากลัวอย่างที่คิดหรอก ;)
เนื่องจากเมื่อวานใช้เวลาในการเดินทางมา 6 ชม. ทำให้เช้านี้ต้องปรับเวลาในการกลับครับจากเดิมตั้งใจว่าจะกลับประมาณ 11 โมง เปลี่ยนแผนมาเป็น 9 โมงเพื่อเผื่อเวลาขึ้นรถไฟครับ
ขี่ออกมาจากบ้านจ่าโบ่ประมาณครึ่งชั่วโมง ก็จะมาถึงตรงจุดชมวิวตรงนี้ครับ จุดชมวิวดอยกิ่วลม จริงๆเจอตั้งแต่ขามาแล้วครับแต่ไม่ได้แวะเพราะฝนตก เลยกลับมาแวะขากลับ จุดนี้เป็นจุดพักรถครับ มีร้านของฝาก ร้านชา กาแฟ และห้องน้ำ สามารถแวะทำธุระส่วนตัวที่ตรงนี้ได้ครับ
เดี๋ยวขอค้างไว้แค่นี้ก่อนนะครับ ไว้เดี๋ยวจะมาต่อในส่วนพาร์ทของรถไฟที่จะกลับกรุงเทพฯครับ
[CR] แบกเป้เที่ยวคนเดียว ณ บ้านจ่าโบ่ในวันที่ฝนพรำ 💚
สำหรับใครที่อยากจะเช่ารถมอเตอร์ไซค์จากเชียงใหม่มา ถ้าสกิลในการขี่รถมอเตอร์ไซค์มีไม่มาก ไม่แนะนำให้เช่ารถมอเตอร์ไซค์ขี่มาครับ เพราะทางค่อนข้างโค้งเยอะและส่วนใหญ่จะเป็นโค้งหักศอก โค้งชัน แนะนำให้นั่งรถตู้ดีมาดีกว่า เตือนด้วยความปรารถนาดีครับ 55555
เริ่มต้นการเดินทางที่นี้ครับ สถานีเดินรถนครชัยแอร์กรุงเทพ ซึ่งช่วงวันที่มาคือช่วงหยุดยาว คนเยอะแน่นอน
ผมจองตั๋วรถชั้น Gold class ราคา 657 บาท เที่ยว 22:15 น.ไว้ครับ ซึ่งที่นี้จะต้องมาเช็คอินก่อนจะขึ้นรถด้วยนะครับ ควรมาก่อนเวลาขึ้นรถสัก 30 นาทีครับ
พอเช็คอินเสร็จพนักงานจะถามว่าใครมีสัมภาระอะไรที่จะไว้ใต้ท้องรถไหม ก็ให้นำสัมภาระของเรามาให้พนักงานเพื่อติดแท็ก และรับใบหมายเลยแท็กเก็บไว้เพื่อไปยื่นให้พนักงานอีกทีเพื่อรับสัมภาระคืนตอนถึงปลายทางครับ
นี้คือรถที่จะพาเราไปเชียงใหม่ในทริปนี้ครับ
ลืมถ่ายที่นั่งมา 555 แต่จะบอกว่า อันนี้ คหสต.นะครับ ที่นั่งแอบเล็กไปสักหน่อย แถมเบาะเอนเยอะเกินครับ มันเอินเยอะเกินจนไปกวนผู้โดยสารข้างหลังครับ ปรับให้อยู่กับที่ไม่ได้ ทำให้ต้องคอยขยับอยู่เป็นพักๆ แต่แอร์เย็นดี มีผ้าห่มให้ แถมอันนี้สำคัญ พนักงานต้อนรับสวยครับ แฮร่ 😝
บนรถจะมีอาหารให้นะครับ เที่ยวนี้เดินทางกลางคืนเลยจะเป็น น้ำดื่ม นม น้ำผลไม้ ขนม กับฮอทดอกครับ อันนี้แอบทราบมา ถ้าเดินทางตอนกลางวันอาหารหลักจากฮอทดอกจะเป็นข้าวกล่องครับ
เดินทางจากกรุงเทพมาถึงเชียงใหม่ใช้เวลาประมาณ 9 ชม.ครับ วันที่มา ถึงเชียงใหม่ดีเลย์นิดหน่อยจากกำหนดประมาณ 10 นาที เพราะฝนตกตลอดทางครับ
ถึงเชียงใหม่ 7:30 น. พอรถจอดที่สถานีเชียงใหม่ก็รีบเดินลุยฝนมาที่ร้านเช่ามอเตอร์ไซค์เลยครับ ร้านนี้ครับ ร้าน Bikky สาขาอาเขต อยู่ไม่ไกลจากสถานีนครชัยแอร์ ถามทางคนแถวนั้นก็ได้ครับ
รถที่ผมเลือกใช้ในทริปนี้คือเจ้า Wave 125i ครับ ค่าตัววันละ 300 บาท ไม่ต้องมีมัดจำ วางแค่บัตรประชาชนไว้พร้อมเซ็นเอกสารนิดหน่อย ทริปนี้ 2 วัน 600 บาท สำหรับใครที่จะเช่ารถขี่ไปปาย แม่ฮ่องสอน ถ้าขี่รถมีเกียร์ได้แนะนำให้ขี่แบบมีเกียร์ครับ เพราะเส้นทางส่วนใหญ่คือขึ้นเขาลงเขา รถมีเกียร์จะขี่ดีกว่ารถออโต้ ส่วนหมวกกันน็อค ทางร้านมีแบบฟรีกับเสียตัง แนะนำให้เอาแบบเสียตังเช่าวันละ 50 บาทเป็นหมวกเต็มใบดีกว่าครับ เพราะแบบฟรีมีแต่ตัวหมวกกันน็อคครึ่งใบ ไม่มีกระจกหน้าให้ ขี่ทางไกลไม่เวิร์คครับ
ออกจากร้านเช่ารถมาก็ตรงมาที่นี้เลยครับ "พระธาตุดอยสุเทพ" ไหว้สักการะสิ่งศักดิ์สิทธิ์ก่อนออกเดินทางไกล
จุดชมวิวบนพระธาตุดอยสุเทพครับ
ถ้าขี้เกียดเดินหรือเดินไม่ไหว สามารถขึ้นกระเช้าได้นะครับ ค่าตั๋วขึ้น-ลง 20 บาท
ไหว้พระเสร็จก็ขี่ลงจากดอยมา ขี่ไปตามทางหลวง 107 ไปทาง อ.แม่ริม พอใกล้ถึง อ.แม่แตง เลี้ยวซ้ายเข้าทางหลวง 1095 และขับยาวไปเรื่อยๆเลยครับ
มาเริ่มเล่นโค้งกัน 55555
เส้นแม่แตง - ปายนี้สิ่งที่ดีอย่างนึงเลยคือมีจุดพักรถค่อนข้างเยอะ ร้านข้าวบ้าง ร้านกาแฟบ้าง แล้วคือนี้เจอร้านนี้โดยบังเอิญ คือจะบอกว่าชาเขียวร้านนี้ มันดูดีที่สุดเลยเว้ยแกรรร 55555
ช่วยพี่เขาขายของหน่อย ชื่อร้าน "หน้าต่างทางปาย" อยู่ก่อนถึงโค้งงามครับ ไปอุดหนุนกันได้ อร่อยจริงไม่ติงนัง
นี้คือโค้งส่วนใหญ่ที่จะต้องเจอในการวิ่งมาเส้นนี้ บอกเลยว่าทำความเร็วแทบไม่ได้เลย เพราะถ้าลองให้ตีเป็นเปอร์เซ็นต์นี้พูดเลยว่าทางตรงมีแค่ประมาณ 20% ที่เหลือโค้งล้วนๆ โค้งลาดชันบ้าง โค้งหักศอกบ้าง เมาโค้งกันเลยทีเดียวเชียว
เข้าเขตแม่ฮ่องสอนแล้ว แต่ช้าแต่ ยังต้องขี่ไปอีกไกลเหมือนกันครับกว่าจะถึงปาย ประมาณ 1 ชม. เรียกได้ว่าตูดชาแน่นอน 5555
แวะมาถ่ายรูประหว่างทางที่สะพานประวัติศาสตร์ปายครับ
แวะสะพานปาย แวะเติมน้ำมันในตัวเมืองปายก็ตรงดิ่งมาที่พักเลยครับ ทางมาปายว่าหินแล้ว ทางมาปางมะผ้า จ่าโบ่ หินกว่าเยอะครับ บ้างช่วงขึ้นเขาขันมาก บ้างช่วงชันถึงขนาดต้องตบเกียร์ 1 ขึ้นถึงจะไหว แถมขาลงที่โครตเสียวอีก ใช้เวลาไปประมาณ 6 ชม. นับตั้งแต่ลงมาจากพระธาตุดอยสุเทพ แบ่งเป็น เชียงใหม่ - ปาย 4 ชม. และ ปาย - บ้านจ่าโบ่อีก 2 ชม.ครับ
นี้ครับหน้าตาที่พักของเราในทริปนี้ "ลานกางเต็นท์จ่าทอ&โฮมสเตย์บ้านจ่าโบ่" ผมทำการจองบ้านหนึ่งหลัง มาตั้งแต่ต้นเดือน ราคา 300 บาทครับ ราคานี้มีที่พักพร้อมอาหารเย็นให้อีก 1 มื้อครับ ส่วนตัวผมว่าคุ้มนะ
ระหว่างรออาหารเย็นก็มาหาชาร้อนๆจิบแก้หนาวก่อนครับ ร้านนี้ครับ "Dekdoi coffee at jabo" จริงๆจะมีร้านกาแฟอีกร้านครับแต่เปิดพร้อมร้านก๋วยเตี๋ยวห้อยขา ซึ่งตอนมาปิดไปแล้วก็อดไป
ชาร้อนๆกับอากาศหนาวๆเป็นอะไรที่โครตฟิน ><
หลังจากไปดื่มชามา พี่เจ้าของที่พักก็เอาอาหารมื้อเย็น มาเสริฟให้ถึงหน้าที่พักเลยครับ ก็จะมีไข่เจียว กะหล่ำปลีผัดน้ำปลา ต้มจืดมันฝรั่ง เสียดายไม่มีน้ำพริกมูเซอที่เขาร่ำลือกัน แต่ไม่เป็นไรครับ อาหารรสชาติถือว่าใช้ได้เลย อิ่มจุกๆเลยครับ 5555
หน้าตาของห้องน้ำครับ ห้องน้ำที่นี้ไม่มีเครื่องทำน้ำอุ่นนะครับ แถมน้ำเย็นตลอดเวลาครับอันนี้พูดเลย 555
กินข้าวเสร็จก็มานั่งชมวิวครับ ที่นี้ฟ้าจะมืดช้ากว่าปกติ 1 ทุ่มฟ้ายังสว่างอยู่เลย
นี้ครับ พอมืดๆหมอกเริ่มลอยมาแล้ว แถมตอนมาถึงฝนตกอีก พูดเลยว่าพรุ่งนี้เจอหมอกแน่นอน
ตื่นเช้ามาประมาณ 6 โมงกว่าๆ หมอกก็เริ่มลอยมาแล้วครับนี้ครับ ประมาณครึ่งชม. หมอกเริ่มหนาขึ้นเรื่อยๆ แต่น่าเสียดายตรงที่ฝนตกเมื่อคืนนะครับทำให้ไม่ได้ขึ้นไปจุดชมวิวภูผาหมอก
บรรยากาศภายในหมู่บ้านครับ
บรรยากาศบริเวณจุดชมวิวบ้านจ่าโบ่ครับ
มาเดินถ่ายรูปเล่นระหว่างรอร้านก๋วยเตี๋ยวห้อยขาเปิดครับ
นี้ครับ "ร้านก๋วยเตี๋ยวห้อยขา บ้านจ่าโบ่" ในร้านมีชา กาแฟขายด้วยนะครับ
บรรยากาศจากภายในร้านก๋วยเตี๋ยวครับ
ระหว่างนั่งรอพี่เจ้าของร้านเตรียมของ หมอกก็ค่อยๆลอยมาแล้ว สวยมาก
ระหว่างรอพี่เจ้าของร้านเตรียมของทำก๋วยเตี๋ยว ก็สั่งชามะนาวหนึ่งแก้วมารอก่อนครับก๋วยเตี๋ยวมาแล้ว เมนูแนะสำหรับผมคือต้มยำครับ ซัดไป2 ทั้งน้ำทั้งแห้งแหนะ >< 555 ส่วนตัวผมว่าอร่อยนะ เห็นในหลายรีวิวบอกรสชาติเฉยๆ แต่แค่ได้มานั่งกินท่ามกลางบรรยากาศแบบนี้ถือว่าคุ้มค่ามากๆแล้วครับ
หลังจากกินก๋วยเตี๋ยวเสร็จก็มานั่งชมวิว ถ่ายรูปเล่นก่อนจะเตรียมตัวกลับครับ
หลายคนถามมาเที่ยวคนเดียวถ่ายรูปยังไง ใครถ่ายให้ มาตอบให้แล้วนะ ผมพกขาตั้งกล้องมือถือกับรีโมตกดชัตเตอร์ไปด้วยครับ บ้างที่ถ้าขี้เกียดใช้ขาตั้งกล้องก็วานคนแถวนั้นถ่ายให้ครับ เที่ยวคนเดียวไม่น่ากลัวอย่างที่คิดหรอก ;)
เนื่องจากเมื่อวานใช้เวลาในการเดินทางมา 6 ชม. ทำให้เช้านี้ต้องปรับเวลาในการกลับครับจากเดิมตั้งใจว่าจะกลับประมาณ 11 โมง เปลี่ยนแผนมาเป็น 9 โมงเพื่อเผื่อเวลาขึ้นรถไฟครับ
ขี่ออกมาจากบ้านจ่าโบ่ประมาณครึ่งชั่วโมง ก็จะมาถึงตรงจุดชมวิวตรงนี้ครับ จุดชมวิวดอยกิ่วลม จริงๆเจอตั้งแต่ขามาแล้วครับแต่ไม่ได้แวะเพราะฝนตก เลยกลับมาแวะขากลับ จุดนี้เป็นจุดพักรถครับ มีร้านของฝาก ร้านชา กาแฟ และห้องน้ำ สามารถแวะทำธุระส่วนตัวที่ตรงนี้ได้ครับ
เดี๋ยวขอค้างไว้แค่นี้ก่อนนะครับ ไว้เดี๋ยวจะมาต่อในส่วนพาร์ทของรถไฟที่จะกลับกรุงเทพฯครับ
CR - Consumer Review : กระทู้รีวิวนี้เป็นกระทู้ CR โดยที่เจ้าของกระทู้