ไปตามฮอยพญานาค ริมแม่น้ำโขง 3 วัน 2 คืนกัน
.............................................................
เซื่อในสิ่งที่เฮ็ด เฮ็ดในสิ่งที่เซื่อ ถ้าพูดประโยคนี้มาแน่นอนว่ามีหลายคนต้องคิดถึง จังหวัด หนองคาย แน่นอน ประโยคที่โด่งดังจากภาพยนต์เรื่อง 15 ค่ำ เดือน 11 วันนี้ผมจึงอยากจะพาทุกคนไปเที่ยวตามฮอยพญานาคริมฝั่งโขงกัน เรียกได้ว่า เป็นอีกหนึ่งจังหวัดที่เล็กและเป็นเมืองรอง แต่ไม่เป็นรองใครเรื่องความสวยงามของธรรมชาตินะ ผมรู้สึกดีใจทุกครั้งที่ได้รับโอกาสจากผู้ใหญ่ให้เผยแพร่สถานที่เที่ยวต่างๆในจังหวัดหนองคาย เอาง่ายๆว่าแทบจะทุกซอกทุกมุมแล้ว แต่วันนี้ เดี๋ยวจะพาขับรถเที่ยวเป็นวงกลมตามเส้นทาง ไปสืบสานวัฒนธรรมสองล้านสองเวียงกัน
สถานที่ที่เราจะไปวันนี้
-วัดพระธาตุบังพวน
-วัดหินหมากเป้ง
-วัดผาตากเสื้อ
-พัดโขดแสนไคร้
-ภูผาดัก
-บ้านวังน้ำมอก
-พิพิธภัณฑ์สัตว์น้ำหนองคาย
-ตลาดท่าเสด็จ
-ร้านกาแฟเวียด
-ร้านเฮือนหาดคำ
-สะพานไทย-ลาว
ราเริ่มเดินทางกันเลยครับ ผมเลือกเดินทางมาทางวัดพระธาตุบังพวนครับ สถานที่แรกก็เที่ยววัดก่อนเลย เอาวะเสริมสิริมงคลซ๊ะหน่อย
วัดพระธาตุบังพวน เป็นอีกหนึ่งพุทธสถานที่สำคัญของจ.หนองคาย ซึ่งตามตำนานอุรังคธาตุ ระบุว่าเป็นที่ประดิษฐานพระบรมธาตุส่วนหัวเหน่าของพระพุทธเจ้าจำนวน 29 องค์ นอกจากนี้ยังมีกลุ่มโบราณสถานที่เรียกว่า สัตตมหาสถาน เรียงรายอยู่รอบพระธาตุอีก 7 แห่ง วิหารพระประธาน หรือพระเจ้าใหญ่ และพระนาคปรกที่มีลักษณะงดงามแปลกตา รวมทั้งมี “สระมุจลินท์” หรือ “สระพญานาค” ที่มีตำนานปาฏิหารณ์เกิดขึ้นมากมาย และยังเป็นบ่อน้ำศักดิ์สิทธิ์ที่มีการนำน้ำไปใช้กับพิธีสำคัญในราชสำนักล้านช้าง รวมทั้งพิธีศักดิ์สิทธิ์สำคัญๆ เสมอมาถึงปัจจุบัน
ที่ตั้ง : ต.พระธาตุบังพวน อ.เมืองหนองคาย จ.หนองคาย
เวลาเปิด-ปิด : ทุกวัน
มาต่อกันที่ วัดอีกเช่นเคย อยากกระซิบหูบอกว่า จังหวัดผมวัดเยอะมาก ผมาต่อที่วัดหินหมากเป้งครับ เป็นวัดที่เต็มไปด้วยต้นไม้ ร่มรื่นมาก ภายในวัดเหมาะกับการปฏิบัติธรรมมาก และเป็นที่นิยมของนักท่องเที่ยวที่เเวะเข้ามาพักผ่อนจิตใจ วัดแห่งนี้ก่อตั้งโดยหลวงปู่เทสก์ เทสรังสี เกจิอาจารย์ชื่อดังของภาคอีสาน ภายในวัดมีเจดีย์บรรจุอัฐิของหลวงปู่ และพิพิธภัณฑ์จัดแสดงเครื่องอัฐบริขารและชีวประวัติของท่านด้วย เมื่อมาถึงจุดชมวิวริมโขงของวัด นอกจากจะได้สัมผัสความร่มรื่นของพรรณไม้แล้ว จุดนี้ยังเป็นที่มาของชื่อวัด กล่าวคือก้อนหินที่ยืนอยู่ หากมองมาจากอีกฝั่งโขงจะเห็นเป็นหินสามก้อนเรียงกัน ลักษณะคล้ายลูกตุ้มเครื่องชั่งทองคำสมัยเก่า หรือที่คนอีสานเรียกว่า หมากเป้ง นั่นเอง
ที่ตั้ง : บ้านไทยเจริญ ต.พระพุทธบาท อ.ศรีเชียงใหม่ จ.หนองคาย
เวลาเปิด-ปิด : 08:30–16:30 น. ทุกวัน
เป็นอีกหนึ่งวัดที่สวยสง่างามมาก ยิ่งช่วงที่มีทะเลหมอก ไม่ต่างจากเราเดินอยู่บนก้อนเมฆกันเลยทีเดียวครับ
อะยัง ยังไม่จบที่วัด เราดิ่งขึ้นมาที่ วัดผาตากเสื้อครับ วัดแห่งนี้นอกจากจะเป็นสถานที่ทางธรรมแล้ว ยังเป็นสถานที่ท่องเที่ยวด้วยนะ เพราะที่มีมีแลนด์มาร์คสำคัญของจังหวัดหนองคาย นั่นคือสกายวอล์คกระจกที่สามารถมองเห็นวิวน้ำโขงสุดลุกหูลูกตา
ผมไปต่อที่ พัดโขดแสนไคร้ หรือแกรนแคนยอนหนองคายครับ เป็นน้ำโขงที่แห้งเวลาน้ำลดแล้วจะเห็นหินแล้วทรายผุดสลับกัน ทำให้เป็นอีกหนึ่งสถานที่ ที่สวยงามมาก ใครจะเชื่อว่านี่คือแม่น้ำโขง
และที่สำคัญ มีมุมให้ถ่ายรูปเยอะเลยครับ
และที่สำคัญ มีมุมให้ถ่ายรูปเยอะเลยครับ
หนองคายเป็นจังหวัดที่ใกล้แม่นำโขงทำให้ชาวบ้านริมน้ำโขงทำการเกษตรได้ดี และจะมีการปลูกพืชสลับฤดูกันไปเรื่อยๆ ทำให้สองข้างทางของถนนสวยงามไปด้วยพืชของชาวบ้าน
คืนแรกเรามานอนที่ วังน้ำมอก โฮมสเตย์สุดชิล เสน่ห์ผสมผสานล้านช้าง-ล้านนา ครับ
บ้านวังน้ำมอก เป็นหมู่บ้านท่องเที่ยวเรียนรู้วัฒนธรรมวิถีชีวิตซึ่งตั้งอยู่ในพื้นที่ของตำบลพระพุทธบาท อำเภอศรีเชียงใหม่ จังหวัดหนองคาย เป็นหมู่บ้านในภาคอีสานแต่กลับมีทั้งวัฒนธรรมของล้านนาเชียงใหม่ และล้านช้างผสมผสานกัน
มาถึงต้องเปลี่ยนชุดเป็นสาวศรีเชียงใหม่ให้เข้ากับโฮมเสตย์์ซ๊ะหน่อย
ขั้นตอนการทำไม่ยากนะครับ เพราะทำตามแม่ๆทั้งหลานที่พาทำฮ่าๆ
จากนั้นเราก็น้ำไปไหว้บูชาขอพรสิ่งศักดิ์สิทธิ์ครับ
หนึ่งคำที่ผมชอบของโฮมเสตย์วังน้ำมอกนั่นคือ กินข้าวเซาเฮือน เยือนถิ่นสองล้าน สองเวียง ครับ คือเป็นการกินข้าวด้วยกันและพักผ่อนที่บ้านของวังน้ำมอก อาหารที่ทำขึ้นมาก็เป็นวัตถุดิบของชาวบ้านเอง
จากนั้นก็จะมีพิธีการสำคัญ เมื่อผู้เฒ่าผู้แก่ผู้หลักผู้ใหญ่ในหมู่บ้านมาทำพิธีบายศรีสู่ขวัญ เพื่อเป็นการต้อนรับนักท่องเที่ยวและเพื่อเป็นการอำนวยอวยพรให้ทุกๆ คนมีแต่ความสุขความเจริญ เมื่อสวดเรียกขวัญแล้วก็ผูกข้อต่อแขนก่อนจะแยกย้ายกันเข้านอนหลับฝันดี
อรุณสวัสดิ์ยามเช้ากับการใส่บาตรข้าวเหนียว ก่อนจะรีบออกไปเที่ยวต่อ
คือถ้านอกแพลนสำหรับคนที่ฟิตมากๆผมแนะนำให้ขึ้นไปชมทะเลหมอกที่ภูต่างๆทาง ต.บ้านม่วงอ.สังคมนพครับ เพราะช่วงฤดูหนาวจะมีหมอกเยอะมาก ส่วนฤดูฝน แล้วแต่วันเลยครับ แต่เป็นอีกสถานที่ ที่สวยมากๆเลยครับ
จากนั้นเราก็เข้ามาในเมืองครับ มากันที่ สะพานมิตรภาพไทยลาว สะพานข้ามแม่น้ำโขงแห่งแรกของไทย ที่นี่เป็นอีกหนึ่งสถานที่ เดินชิลเล่นของนักท่องเที่ยว และประมาณ 17.30 จะมีรถไฟข้ามมาจากฝั่งลาวด้วยนะ
จากนั้นผมก็มาไหว้ขอพรพระคู่บ้านคู่เมืองครับ นั่นคือ หลวงพ่อพระใส วัดโพธิ์ชัยพระอารามหลวง
เมื่อเข้ามาภายในวิหารหลวงพ่อพระใสจะสัมผัสได้ถึงความอลังการของภาพจิตรกรรมที่วาดเต็มผนังทุกด้านอย่างสวยงาม กลางวิหารเป็นที่ประดิษฐานของหลวงพ่อพระใส พระพุทธรูปปางมารวิชัยที่หล่อขึ้นจากทองสีสุก กล่าวกันว่าในสมัยรัชกาลที่ 3 ได้อัญเชิญพระเสริม พระสุก และพระใส จากนครเวียงจันทร์ลงเรือข้ามมายังหนองคาย ปรากฏว่าพระสุกจมน้ำหายไป ต่อมาในรัชกาลที่ 4 อัญเชิญพระเสริมและพระใสขึ้นเกวียนไปยังพระนคร แต่เกวียนที่ประดิ... ดูเพิ่มเติม
ไปเดินเล่นหาซื้อของฝากกันต่อที่ตลาดท่าเสด็จ และจะมีร้านคาเฟ่หนึ่งชื่อว่า ณ ตลาดท่าเรือ เป็นร้านที่มีทั้งน้ำและขายของฝากด้วย ใครที่ผ่านไปแถวนั้นอย่าลืมแวะไปกันได้นะครับ
จากนั้นก็ควรไปเดินชอปหาซื้อของฝากกันในตลาดท่าเสด็จหรือตลาดอินโดจีนครับ เป็นเป็นแหล่งรวมสินค้านำเข้ามาจากประเทศเพื่อนบ้านไปจนถึงจีน มีมากมายหลายสิ่งให้เลือกสรรทั้งของกิน ของใช้ เสื้อผ้า ราคาก็ไม่แพง รวมทั้งบรรดาสินค้าโอท็อป ไม่ว่าจะหมูยอ ปลาส้ม ไส้กรอกอีสาน กุนเชียง ผลไม้อบแห้ง มะพร้าวแก้ว ฯลฯ หรือเดินลัดเลาะตามตรอกออกมานิดเดียวก็จะเจอกับทางเดินเลาะเลียบริมโขงที่มีร้านอาหารทั้งบนบกและบนแพให้เลือกนั่งกินอาหารกัน และเดินต่อไปอีกไม่ไกลก็จะเจอกับรูปปั้นพญานาคคู่ขนาดใหญ่ แลนด์มาร์กสำคัญของจังหวัดหนองคาย ตั้งโดดเด่นเป็นสง่าอยู่ริมโขงให้ได้ถ่ายรูปกันด้วย
ที่ตั้ง : ต.ในเมือง อ.เมืองหนองคาย จ.หนองคาย
เวลาเปิด-ปิด : 07:00–18:30 น. ทุกวัน
เดินเยอะก็เริ่มหิว แต่ไม่ต้องไปไหนไกล เพราะในตลาดอินโดจีนมีร้านดีๆซ่อนอยู่นั่นคือ ร้านกาแฟเวียดครับ เป็นร้านอาหารที่ขายทั้งอาหารไทย และอาหารเวียดนาม บอกเลยว่าแต่ละเมนูคือที่สุดมาก ใครอยากลองอาหารเวียดนาม ร้านนี้ไม่ทำให้ผิดหวังแน่นอนครับ
ร้านอาหาร กาเฟเวียด Cà Phê Việt
และที่สุดไปกว่านั้นคือ เมนูของหวานยั่วๆเลยครับทุกคน บิงซูทุเรียนเสริฟมาเป็นลูกกันเลยทีเดียว ใครไปแล้วไม่ลองเมนูนี้ถือว่าพลาดมากนะครับ
พิกัด กาเฟเวียด : หนองคาย (ในตลาดท่าเสด็จ ร้านติดแม่น้ำโขงสามารถเดินมาจากทางริมโขงได้)
⏰ ทุกวัน 08:00 - 18:00
☎️ 083-458-8885
ร้านอาหาร กาเฟเวียด Cà Phê Việt
จากนั้นผมก็ไปต่อกันที่ พิพิธภัณฑ์สัตว์น้ำหนองคาย เป็นแหล่งเรียนรู้ที่การจัดแสดงจะค่อยๆ เพิ่มความน่าตื่นเต้นขึ้นเรื่อยๆ ตลอดเส้นทางที่เดินชม เข้ามาโซนแรกจะอุ่นเครื่องด้วยตู้แสดงพันธุ์ปลาทั้งน้ำจืดและน้ำเค็มหลายสายพันธุ์ ก่อนจะพาไปสู่อุโมงค์แสดงพันธุ์ปลาขนาดยาวถึง 34 เมตร จากนั้นจะพาเดินลงสู่ชั้นล่าง ผ่านตู้ปลาขนาดใหญ่ ที่สังเกตดีๆ จะเห็นเจดีย์และพญานาคตั้งอยู่ด้านในด้วย ซึ่งชั้นล่างนี้จะเป็นโซนแสดง.
ยัง ยังไปกลับไปนอนอีก มาต่อที่ วัดศาลาแก้วกูครับ เป็นอีกหนึ่งวัดที่ผมเห็นมาตั้งแต่เด็กเลย แต่เชื่อมั้ยว่าไม่มีอะไรเปลี่ยนไปจากเดิมเลยครับ ทุกอย่างยังสวยและมีมนขลังเหมือนเดิม
ศาลาแก้วกู่ สร้างโดยหลวงปู่บุญเหลือ สุรีรัตน์ นักบวชจากฝั่งลาวซึ่งลี้ภัยมาถึงหนองคายเมื่อราว 40 ปีก่อน โดยมีความตั้งใจจะเผยแผ่หลักศาสนาไม่ว่าจะพุทธ คริสต์ อิสลาม ฮินดู ผ่านประติมากรรมฝีมือช่างท้องถิ่น ซึ่งรูปร่างลักษณะล้วนแต่เกิดจากจินตนาการของหลวงปู่โดยไม่ใช้แบบร่างใดๆ เช่น พระพุทธรูปปางต่างๆ พระเจ้าย่าแอใค่ พระนารายณ์บรรทมสินธุ์ พระราหูอมจันทร์ ตำนานการเวียนว่ายตายเกิด ฯลฯ รูปปั้นทั้งเล็กใหญ่กว่าพันชิ้นเหล่านี้ไม่เพียงสื่อถึงหลักศาสนา ตำนานและความเชื่อต่างๆ แต่ยังเป็นผลงานศิลปะที่น่าศึกษาอย่างมาก โดยเฉพาะความยิ่งใหญ่ของรูปปั้นที่ลงรายละเอียดได้อย่างน่าทึ่ง เรียกว่าเดินดูไปพร้อมกับอ่านข้อความบรรยายเป็นภาษาอีสานไปด้วย ท่ามกลางบรรยากาศใกล้พลบค่ำ ก็จะยิ่งชวนให้รู้สึกถึงความขลังอย่างน่าประหลาด
[CR] เที่ยวหนองคาย
ไปตามฮอยพญานาค ริมแม่น้ำโขง 3 วัน 2 คืนกัน
.............................................................
เซื่อในสิ่งที่เฮ็ด เฮ็ดในสิ่งที่เซื่อ ถ้าพูดประโยคนี้มาแน่นอนว่ามีหลายคนต้องคิดถึง จังหวัด หนองคาย แน่นอน ประโยคที่โด่งดังจากภาพยนต์เรื่อง 15 ค่ำ เดือน 11 วันนี้ผมจึงอยากจะพาทุกคนไปเที่ยวตามฮอยพญานาคริมฝั่งโขงกัน เรียกได้ว่า เป็นอีกหนึ่งจังหวัดที่เล็กและเป็นเมืองรอง แต่ไม่เป็นรองใครเรื่องความสวยงามของธรรมชาตินะ ผมรู้สึกดีใจทุกครั้งที่ได้รับโอกาสจากผู้ใหญ่ให้เผยแพร่สถานที่เที่ยวต่างๆในจังหวัดหนองคาย เอาง่ายๆว่าแทบจะทุกซอกทุกมุมแล้ว แต่วันนี้ เดี๋ยวจะพาขับรถเที่ยวเป็นวงกลมตามเส้นทาง ไปสืบสานวัฒนธรรมสองล้านสองเวียงกัน
สถานที่ที่เราจะไปวันนี้
-วัดพระธาตุบังพวน
-วัดหินหมากเป้ง
-วัดผาตากเสื้อ
-พัดโขดแสนไคร้
-ภูผาดัก
-บ้านวังน้ำมอก
-พิพิธภัณฑ์สัตว์น้ำหนองคาย
-ตลาดท่าเสด็จ
-ร้านกาแฟเวียด
-ร้านเฮือนหาดคำ
-สะพานไทย-ลาว
ราเริ่มเดินทางกันเลยครับ ผมเลือกเดินทางมาทางวัดพระธาตุบังพวนครับ สถานที่แรกก็เที่ยววัดก่อนเลย เอาวะเสริมสิริมงคลซ๊ะหน่อย
วัดพระธาตุบังพวน เป็นอีกหนึ่งพุทธสถานที่สำคัญของจ.หนองคาย ซึ่งตามตำนานอุรังคธาตุ ระบุว่าเป็นที่ประดิษฐานพระบรมธาตุส่วนหัวเหน่าของพระพุทธเจ้าจำนวน 29 องค์ นอกจากนี้ยังมีกลุ่มโบราณสถานที่เรียกว่า สัตตมหาสถาน เรียงรายอยู่รอบพระธาตุอีก 7 แห่ง วิหารพระประธาน หรือพระเจ้าใหญ่ และพระนาคปรกที่มีลักษณะงดงามแปลกตา รวมทั้งมี “สระมุจลินท์” หรือ “สระพญานาค” ที่มีตำนานปาฏิหารณ์เกิดขึ้นมากมาย และยังเป็นบ่อน้ำศักดิ์สิทธิ์ที่มีการนำน้ำไปใช้กับพิธีสำคัญในราชสำนักล้านช้าง รวมทั้งพิธีศักดิ์สิทธิ์สำคัญๆ เสมอมาถึงปัจจุบัน
ที่ตั้ง : ต.พระธาตุบังพวน อ.เมืองหนองคาย จ.หนองคาย
เวลาเปิด-ปิด : ทุกวัน
มาต่อกันที่ วัดอีกเช่นเคย อยากกระซิบหูบอกว่า จังหวัดผมวัดเยอะมาก ผมาต่อที่วัดหินหมากเป้งครับ เป็นวัดที่เต็มไปด้วยต้นไม้ ร่มรื่นมาก ภายในวัดเหมาะกับการปฏิบัติธรรมมาก และเป็นที่นิยมของนักท่องเที่ยวที่เเวะเข้ามาพักผ่อนจิตใจ วัดแห่งนี้ก่อตั้งโดยหลวงปู่เทสก์ เทสรังสี เกจิอาจารย์ชื่อดังของภาคอีสาน ภายในวัดมีเจดีย์บรรจุอัฐิของหลวงปู่ และพิพิธภัณฑ์จัดแสดงเครื่องอัฐบริขารและชีวประวัติของท่านด้วย เมื่อมาถึงจุดชมวิวริมโขงของวัด นอกจากจะได้สัมผัสความร่มรื่นของพรรณไม้แล้ว จุดนี้ยังเป็นที่มาของชื่อวัด กล่าวคือก้อนหินที่ยืนอยู่ หากมองมาจากอีกฝั่งโขงจะเห็นเป็นหินสามก้อนเรียงกัน ลักษณะคล้ายลูกตุ้มเครื่องชั่งทองคำสมัยเก่า หรือที่คนอีสานเรียกว่า หมากเป้ง นั่นเอง
ที่ตั้ง : บ้านไทยเจริญ ต.พระพุทธบาท อ.ศรีเชียงใหม่ จ.หนองคาย
เวลาเปิด-ปิด : 08:30–16:30 น. ทุกวัน
เป็นอีกหนึ่งวัดที่สวยสง่างามมาก ยิ่งช่วงที่มีทะเลหมอก ไม่ต่างจากเราเดินอยู่บนก้อนเมฆกันเลยทีเดียวครับ
อะยัง ยังไม่จบที่วัด เราดิ่งขึ้นมาที่ วัดผาตากเสื้อครับ วัดแห่งนี้นอกจากจะเป็นสถานที่ทางธรรมแล้ว ยังเป็นสถานที่ท่องเที่ยวด้วยนะ เพราะที่มีมีแลนด์มาร์คสำคัญของจังหวัดหนองคาย นั่นคือสกายวอล์คกระจกที่สามารถมองเห็นวิวน้ำโขงสุดลุกหูลูกตา
ผมไปต่อที่ พัดโขดแสนไคร้ หรือแกรนแคนยอนหนองคายครับ เป็นน้ำโขงที่แห้งเวลาน้ำลดแล้วจะเห็นหินแล้วทรายผุดสลับกัน ทำให้เป็นอีกหนึ่งสถานที่ ที่สวยงามมาก ใครจะเชื่อว่านี่คือแม่น้ำโขง
และที่สำคัญ มีมุมให้ถ่ายรูปเยอะเลยครับ
และที่สำคัญ มีมุมให้ถ่ายรูปเยอะเลยครับ
หนองคายเป็นจังหวัดที่ใกล้แม่นำโขงทำให้ชาวบ้านริมน้ำโขงทำการเกษตรได้ดี และจะมีการปลูกพืชสลับฤดูกันไปเรื่อยๆ ทำให้สองข้างทางของถนนสวยงามไปด้วยพืชของชาวบ้าน
คืนแรกเรามานอนที่ วังน้ำมอก โฮมสเตย์สุดชิล เสน่ห์ผสมผสานล้านช้าง-ล้านนา ครับ
บ้านวังน้ำมอก เป็นหมู่บ้านท่องเที่ยวเรียนรู้วัฒนธรรมวิถีชีวิตซึ่งตั้งอยู่ในพื้นที่ของตำบลพระพุทธบาท อำเภอศรีเชียงใหม่ จังหวัดหนองคาย เป็นหมู่บ้านในภาคอีสานแต่กลับมีทั้งวัฒนธรรมของล้านนาเชียงใหม่ และล้านช้างผสมผสานกัน
มาถึงต้องเปลี่ยนชุดเป็นสาวศรีเชียงใหม่ให้เข้ากับโฮมเสตย์์ซ๊ะหน่อย
ขั้นตอนการทำไม่ยากนะครับ เพราะทำตามแม่ๆทั้งหลานที่พาทำฮ่าๆ
จากนั้นเราก็น้ำไปไหว้บูชาขอพรสิ่งศักดิ์สิทธิ์ครับ
หนึ่งคำที่ผมชอบของโฮมเสตย์วังน้ำมอกนั่นคือ กินข้าวเซาเฮือน เยือนถิ่นสองล้าน สองเวียง ครับ คือเป็นการกินข้าวด้วยกันและพักผ่อนที่บ้านของวังน้ำมอก อาหารที่ทำขึ้นมาก็เป็นวัตถุดิบของชาวบ้านเอง
จากนั้นก็จะมีพิธีการสำคัญ เมื่อผู้เฒ่าผู้แก่ผู้หลักผู้ใหญ่ในหมู่บ้านมาทำพิธีบายศรีสู่ขวัญ เพื่อเป็นการต้อนรับนักท่องเที่ยวและเพื่อเป็นการอำนวยอวยพรให้ทุกๆ คนมีแต่ความสุขความเจริญ เมื่อสวดเรียกขวัญแล้วก็ผูกข้อต่อแขนก่อนจะแยกย้ายกันเข้านอนหลับฝันดี
อรุณสวัสดิ์ยามเช้ากับการใส่บาตรข้าวเหนียว ก่อนจะรีบออกไปเที่ยวต่อ
คือถ้านอกแพลนสำหรับคนที่ฟิตมากๆผมแนะนำให้ขึ้นไปชมทะเลหมอกที่ภูต่างๆทาง ต.บ้านม่วงอ.สังคมนพครับ เพราะช่วงฤดูหนาวจะมีหมอกเยอะมาก ส่วนฤดูฝน แล้วแต่วันเลยครับ แต่เป็นอีกสถานที่ ที่สวยมากๆเลยครับ
จากนั้นเราก็เข้ามาในเมืองครับ มากันที่ สะพานมิตรภาพไทยลาว สะพานข้ามแม่น้ำโขงแห่งแรกของไทย ที่นี่เป็นอีกหนึ่งสถานที่ เดินชิลเล่นของนักท่องเที่ยว และประมาณ 17.30 จะมีรถไฟข้ามมาจากฝั่งลาวด้วยนะ
จากนั้นผมก็มาไหว้ขอพรพระคู่บ้านคู่เมืองครับ นั่นคือ หลวงพ่อพระใส วัดโพธิ์ชัยพระอารามหลวง
เมื่อเข้ามาภายในวิหารหลวงพ่อพระใสจะสัมผัสได้ถึงความอลังการของภาพจิตรกรรมที่วาดเต็มผนังทุกด้านอย่างสวยงาม กลางวิหารเป็นที่ประดิษฐานของหลวงพ่อพระใส พระพุทธรูปปางมารวิชัยที่หล่อขึ้นจากทองสีสุก กล่าวกันว่าในสมัยรัชกาลที่ 3 ได้อัญเชิญพระเสริม พระสุก และพระใส จากนครเวียงจันทร์ลงเรือข้ามมายังหนองคาย ปรากฏว่าพระสุกจมน้ำหายไป ต่อมาในรัชกาลที่ 4 อัญเชิญพระเสริมและพระใสขึ้นเกวียนไปยังพระนคร แต่เกวียนที่ประดิ... ดูเพิ่มเติม
ไปเดินเล่นหาซื้อของฝากกันต่อที่ตลาดท่าเสด็จ และจะมีร้านคาเฟ่หนึ่งชื่อว่า ณ ตลาดท่าเรือ เป็นร้านที่มีทั้งน้ำและขายของฝากด้วย ใครที่ผ่านไปแถวนั้นอย่าลืมแวะไปกันได้นะครับ
จากนั้นก็ควรไปเดินชอปหาซื้อของฝากกันในตลาดท่าเสด็จหรือตลาดอินโดจีนครับ เป็นเป็นแหล่งรวมสินค้านำเข้ามาจากประเทศเพื่อนบ้านไปจนถึงจีน มีมากมายหลายสิ่งให้เลือกสรรทั้งของกิน ของใช้ เสื้อผ้า ราคาก็ไม่แพง รวมทั้งบรรดาสินค้าโอท็อป ไม่ว่าจะหมูยอ ปลาส้ม ไส้กรอกอีสาน กุนเชียง ผลไม้อบแห้ง มะพร้าวแก้ว ฯลฯ หรือเดินลัดเลาะตามตรอกออกมานิดเดียวก็จะเจอกับทางเดินเลาะเลียบริมโขงที่มีร้านอาหารทั้งบนบกและบนแพให้เลือกนั่งกินอาหารกัน และเดินต่อไปอีกไม่ไกลก็จะเจอกับรูปปั้นพญานาคคู่ขนาดใหญ่ แลนด์มาร์กสำคัญของจังหวัดหนองคาย ตั้งโดดเด่นเป็นสง่าอยู่ริมโขงให้ได้ถ่ายรูปกันด้วย
ที่ตั้ง : ต.ในเมือง อ.เมืองหนองคาย จ.หนองคาย
เวลาเปิด-ปิด : 07:00–18:30 น. ทุกวัน
เดินเยอะก็เริ่มหิว แต่ไม่ต้องไปไหนไกล เพราะในตลาดอินโดจีนมีร้านดีๆซ่อนอยู่นั่นคือ ร้านกาแฟเวียดครับ เป็นร้านอาหารที่ขายทั้งอาหารไทย และอาหารเวียดนาม บอกเลยว่าแต่ละเมนูคือที่สุดมาก ใครอยากลองอาหารเวียดนาม ร้านนี้ไม่ทำให้ผิดหวังแน่นอนครับ
ร้านอาหาร กาเฟเวียด Cà Phê Việt
และที่สุดไปกว่านั้นคือ เมนูของหวานยั่วๆเลยครับทุกคน บิงซูทุเรียนเสริฟมาเป็นลูกกันเลยทีเดียว ใครไปแล้วไม่ลองเมนูนี้ถือว่าพลาดมากนะครับ
พิกัด กาเฟเวียด : หนองคาย (ในตลาดท่าเสด็จ ร้านติดแม่น้ำโขงสามารถเดินมาจากทางริมโขงได้)
⏰ ทุกวัน 08:00 - 18:00
☎️ 083-458-8885
ร้านอาหาร กาเฟเวียด Cà Phê Việt
จากนั้นผมก็ไปต่อกันที่ พิพิธภัณฑ์สัตว์น้ำหนองคาย เป็นแหล่งเรียนรู้ที่การจัดแสดงจะค่อยๆ เพิ่มความน่าตื่นเต้นขึ้นเรื่อยๆ ตลอดเส้นทางที่เดินชม เข้ามาโซนแรกจะอุ่นเครื่องด้วยตู้แสดงพันธุ์ปลาทั้งน้ำจืดและน้ำเค็มหลายสายพันธุ์ ก่อนจะพาไปสู่อุโมงค์แสดงพันธุ์ปลาขนาดยาวถึง 34 เมตร จากนั้นจะพาเดินลงสู่ชั้นล่าง ผ่านตู้ปลาขนาดใหญ่ ที่สังเกตดีๆ จะเห็นเจดีย์และพญานาคตั้งอยู่ด้านในด้วย ซึ่งชั้นล่างนี้จะเป็นโซนแสดง.
ยัง ยังไปกลับไปนอนอีก มาต่อที่ วัดศาลาแก้วกูครับ เป็นอีกหนึ่งวัดที่ผมเห็นมาตั้งแต่เด็กเลย แต่เชื่อมั้ยว่าไม่มีอะไรเปลี่ยนไปจากเดิมเลยครับ ทุกอย่างยังสวยและมีมนขลังเหมือนเดิม
ศาลาแก้วกู่ สร้างโดยหลวงปู่บุญเหลือ สุรีรัตน์ นักบวชจากฝั่งลาวซึ่งลี้ภัยมาถึงหนองคายเมื่อราว 40 ปีก่อน โดยมีความตั้งใจจะเผยแผ่หลักศาสนาไม่ว่าจะพุทธ คริสต์ อิสลาม ฮินดู ผ่านประติมากรรมฝีมือช่างท้องถิ่น ซึ่งรูปร่างลักษณะล้วนแต่เกิดจากจินตนาการของหลวงปู่โดยไม่ใช้แบบร่างใดๆ เช่น พระพุทธรูปปางต่างๆ พระเจ้าย่าแอใค่ พระนารายณ์บรรทมสินธุ์ พระราหูอมจันทร์ ตำนานการเวียนว่ายตายเกิด ฯลฯ รูปปั้นทั้งเล็กใหญ่กว่าพันชิ้นเหล่านี้ไม่เพียงสื่อถึงหลักศาสนา ตำนานและความเชื่อต่างๆ แต่ยังเป็นผลงานศิลปะที่น่าศึกษาอย่างมาก โดยเฉพาะความยิ่งใหญ่ของรูปปั้นที่ลงรายละเอียดได้อย่างน่าทึ่ง เรียกว่าเดินดูไปพร้อมกับอ่านข้อความบรรยายเป็นภาษาอีสานไปด้วย ท่ามกลางบรรยากาศใกล้พลบค่ำ ก็จะยิ่งชวนให้รู้สึกถึงความขลังอย่างน่าประหลาด
CR - Consumer Review : กระทู้รีวิวนี้เป็นกระทู้ CR โดยที่เจ้าของกระทู้