นิทรรศการศิลป์มัลติมีเดีย ITALIAN RENAISSANCE


นิทรรศการศิลป์มัลติมีเดียโชว์ผลงานระดับมาสเตอร์โดยศิลปินยุโรป

ITALIAN RENAISSANCE

ศูนย์การค้าริเวอร์ ซิตี้ แบงค็อก ปลุกงานศิลปะระดับมาสเตอร์พีซจากฝีมือของอัครศิลปินผู้สร้างประวัติศาสตร์ศิลปะให้กลับมามีชีวิตอีกครั้งด้วยสื่อมัลติมีเดียอันทันสมัย

จัดแสดงอย่างยิ่งใหญ่อีกครั้งในเอเชียที่กรุงเทพฯ




นิทรรศการ ITALIAN RENAISSANCE นำเสนอผลงานของ 3 ศิลปินอิตาเลียนที่มีชื่อเสียงแห่งยุคเรอเนสซองส์ (Renaissance) คือ ไมเคิล แองเจโล (Michael Angelo) เลโอนาร์โด ดา วินชี (Da Vinci) บอตติเชลลิ (Botticelli) และราฟาเอล (Raphael) จัดแสดง ณ อาร์ซีบี แกลลอเรีย ชั้น 2 ของศูนย์การค้าริเวอร์ซิตี้ แบงค็อก (สี่พระยา) ระหว่างวันที่ 8 สิงหาคม จนถึงวันที่ 31 ตุลาคม 2562 (บัตรผ่านประตูราคา 350 บาท)

เมื่อเริ่มต้นศตวรรษที่ 15 อิตาลีประสบกับเหตุการณ์การเกิดใหม่ทางวัฒนธรรม ที่เรียกกันว่า “เรอเนสซองซ์” (Renaissance) ที่มีความหมายถึงการฟื้นฟูศิลปวิทยาการ ซึ่งส่งผลกระทบอย่างมหาศาลกับสังคมในทุกๆ ด้าน เป็นจุดเปลี่ยนจากยุคโกธิคก่อนหน้านี้และการเขียนรูปลักษณ์ในช่วงโรมาเนสก์ ศิลปินชาวเมืองฟลอเรนซ์กระตุ้นกระบวนการเกิดใหม่ของศิลปะยุคคลาสลิคอันรุ่งเรือง ซึ่งเน้นประเด็นมานุษยวิทยาและสิทธิปัจเจกบุคคลบนพื้นฐานของสิ่งแวดล้อมที่รุ่งเรืองแบบใหม่ ทำให้ผู้คนในยุคนั้นเน้นหันมาการศึกษาด้านมานุษยวิทยาเป็นหลัก

ศิลปินเรอเนสซองซ์ในช่วงแรกเริ่มต้นสร้างผลงานที่เป็นวิทยาการทางด้านสถาปัตยกรรม ปรัชญา เทววิทยา คณิตศาสตร์ วิทยาศาสตร์และการออกแบบ ทำให้นวัตกรรมที่เกิดขึ้นกับงานศิลปะในช่วงนี้สร้างแรงสั่นสะเทือนเป็นอย่างมาก ซึ่งก่อให้เกิดอิทธิพลต่อการสร้างสรรค์งานและงานด้านวัฒนธรรมต่อเนื่องยาวนานจนถึงในยุคปัจจุบัน

บอตติเชลลิ , เลโอนาร์โด ดา วินชี , ไมเคิล แองเจโล และราฟาเอล คือศิลปินที่ยิ่งใหญ่และเป็นตำนานแห่งยุค ศิลปินทั้ง 4 นี้คือตัวแทนคำจำกัดความของคำว่า “เรเนสซองซ์” (การฟื้นฟูศิลปวิทยาการ) ได้เป็นอย่างดี จากความเชี่ยวชาญและการเป็นปรมาจารย์หลากหลายด้านในแขนงความสนใจต่างๆ

นิทรรศการมัลติมีเดีย “อิตาเลียน เรอเนสซองซ์” ประกอบด้วยเรื่องราวอันเป็นตำนาน 4 ภาคซึ่งอุทิศแก่ผลงานศิลปะของอัครศิลปินทั้งสี่ ผลงานศิลปะจะถูกฉายจากเครื่องโปรเจคเตอร์บนจอขนาดใหญ่ ในแต่ละมุมห้องที่แตกต่างกันในห้องมัลติมีเดีย งานแสดงที่ยอดเยี่ยมแบบองค์รวมของผลงานศิลปะชิ้นเอกจะดึงดูดให้ผู้เข้าชมจมอยู่ในโลกทัศนศิลป์อันบรรเจิด จากผลงานบนผืนผ้าใบอันเป็นตำนานได้ถูกชุบชีวิตขึ้นด้วยเทคโนโลยีดิจิทัล ภาพแต่ละภาพจะถูกฉายหมุนเวียนกันไปอย่างมีชีวิตชีวา ในท่วงทำนองของดนตรีประกอบ นิทรรศการศิลป์มัลติมีเดียชุดนี้จะตรึงผู้ชมให้ดื่มด่ำอยู่กับสายธารของสีสันและเสียงเพลง

(เรียบเรียงจากหนังสือ ITALIAN RENAISSANCE )



ความรู้สึกส่วนตัวหลังจากผมได้เข้าชมงานนิทรรศการในครั้งนี้

ตัวผมไม่ได้เป็นผู้เชียวชาญทางด้านศิลปะและไม่ได้เรียนจบมาทางด้านศิลปะโดยตรง ผมเข้าชมงานนี้ในฐานะคนที่สนใจเสพงานศิลป์เท่านั้น เมื่อมีงานนิทรรศการทางศิลปะดีๆ จัดแสดงผมมักจะไปเดินชมงานเสมอ สำหรับงานนิทรรศการ ITALIAN RENAISSANCE ครั้งนี้ ผมได้บัตรมาจากคนอื่นที่ซื้อบัตรให้ ดังนั้นเมื่อผมมีโอกาสได้เข้าชมแล้ว ผมก็อยากจะเอารายละเอียดบางส่วนที่ผมเองพอจะเข้าใจมานำเสนอให้แก่ท่านอื่นที่สนใจบ้าง

สำหรับงานนิทรรศการนี้ ผมคิดว่าถ้าท่านจะเข้าไปชมงานคุ้มค่ากับค่าบัตรผ่านประตูแล้ว ผมคิดว่าท่านควรจะให้เวลามากพอสมควรกับการชมบอร์ดแสดงประวัติและผลงานของศิลปิน ที่จัดแสดงอยู่ในโถงกลางด้านนอกห้องฉายมัลติมีเดีย สาเหตุหลักๆ ก็คือการจัดแสดงนิทรรศการฯ ในครั้งนี้ ถ้าผู้จัดงานฯ ได้นำเอารายละเอียดและข้อมูลเกี่ยวกับผลงานศิลปะชิ้นที่เป็นอมตะที่ท่านรู้จักดีมาจัดแสดง โดยให้ข้อมูลในเชิงลึกที่เกี่ยวข้องกับการสร้างสรรค์ผลงานศิลปะชิ้นนั้นๆ อาทิเช่น แรงบันดาลใจในการสร้างสรรค์ผลงาน , เทคนิควิธีและขอมูลทั่วไปในการสร้างงาน , สิ่งที่ตัวศิลปินจงใจซ่อนเอาไว้ในตัวชิ้นงาน และการตีความชิ้นงานโดยนักวิจารณ์งานศิลปะระดับโลก ฯลฯ ในส่วนที่จัดแสดงให้ความรู้นี้ผมคิดว่าน่าจะเป็นประโยชน์และเป็นที่สนใจสำหรับผู้เข้าชมงานมากกว่าตัววีดีโอมัลติมีเดียเสียอีก

สำหรับในส่วนของวีดีโอมัลติมีเดียที่ฉายอยู่ในห้องนั้น ถ้าท่านใดเคยได้ชมงานนิทรรศการ From Monet to Kandinsky มาแล้ว ในงานครั้งนี้ก็ยงไม่แตกต่างกันมากนัก แต่มีสิ่งที่พอจะสังเกตความแตกต่างได้ก็คือ ในงาน From Monet to Kandinsky นั้นมีจำนวนศิลปินที่นำมาจัดแสดงจำนวน 16 ท่าน แต่งาน ITALIAN RENAISSANCE มีศิลปินจัดแสดงเพียง 4 ท่าน ดังนั้นในส่วนของวีดีโอมัลติมีเดียนั้นจะวนรอบจบเร็วกว่า แล้วตัวภาพดิจิทัลของผลงานที่ฉายให้นั้นผมรู้สึกว่าวิ่งหรือเคลื่อนที่ช้ากว่ามาก ซึ่งทำให้มองดูแบบพิจารณาองค์ประกอบโดยรวมของมัลติมีเดียได้ชัดเจนกว่า แล้วการที่รู้สึกว่าภาพมันวิ่งช้ากว่าครั้งก่อนนั้นทำให้รู้สึกเวียนหัวน้อยกว่าด้วย

ตัวอย่างของวีดีโอมัลติมีเดียที่ผมถ่ายมาให้ชม

คลิกเพื่อดูคลิปวิดีโอ

คลิกเพื่อดูคลิปวิดีโอ



แต่ถ้ามองแบบพิจารณาความหนักแน่นของตัวนิทรรศการแล้ว ผมคิดว่าถ้านำเอาผลงานของทั้ง 16 ศิลปินใน From Monet to Kandinsky นำมามัดรวมกันใส่ตะกร้าแล้วเอาไปชั่งเทียบกับอีกตะกร้าหนึ่งที่ใส่ผลงานของอัครศิลปินเรอเนสซองซ์ทั้ง 4 ท่านนี้แล้ว เผลอๆ แล้วตัวตะกร้าฝั่งนิทรรศการมัลติมีเดีย ITALIAN RENAISSANCE อาจจะหนักแน่นมากกว่าก็ได้ครับ ด้วยความที่ผลงานเป็นอมตะยิ่งใหญ่มากกว่าและผลงานเป็นที่ประจักษ์แก่โลกมากกว่าก็ได้ครับ หรืออาจจะเป็นเพราะผมคิดผิดไปเองก็เป็นได้ครับ ดังนั้นผมคิดว่าถ้าเป็นเรื่องของงานศิลปะแล้ว น่าจะเป็นเรื่องเฉพาะตัวของผู้เสพงานศิลป์นั้นๆ ก็ได้ครับ ศิลปะไม่มีผิดไม่มีถูกอยู่แล้ว

สำหรับงานนิทรรศการ ITALIAN RENAISSANCE ผู้เข้าชมสามารถบันทึกภาพได้ ทั้งภาพนิ่งและภาพเคลื่อนไหว ท่านสามารถเอากล้องชนิดต่างๆ เข้าไปถ่ายภาพในงานนิทรรศการได้ แล้วทั้งผู้ที่ซื้อบัตรเข้าชมงานนิทรรศการฯ ในครั้งนี้ ท่านสามารถกรอกคูปองเพื่อร่วมชิงโชคตั๋วเครื่องบินไปกรุงโรมได้ด้วยครับ (ขอให้ท่านได้ ขอให้ท่านได้บิน)


งานนี้มีหนังสือ ITALIAN RENAISSANCE ขายด้วย เล่มละ 450 บาท ในเล่มประกอบด้วยเรื่องราวของอัครศิลปินเรอเนสซองซ์ทั้ง 4 ท่าน โดยมีภาพผลงานของศิลปินพร้อมคำอธิบายต่างๆ 2 ภาษา (ไทย/อังกฤษ) โดยหนังสือเล่มนี้จัดพิมพ์ด้วยกระดาษอาร์ตอย่างดี (กระดาษหนามาก) ภายในเล่มหน้ากระดาษพื้นสีขาวล้วนโดยมีภาพผลงานศิลปะพิมพ์สี่สีประกอบตลอดทั้งเล่ม รูปเล่มหนังสือมีขนาด 30 X 20 ซม. ความหนา 112 หน้า


นิทรรศการศิลป์มัลติมีเดีย ITALIAN RENAISSANCE เปิดให้บุคคลทั่วไปเข้าชมจนถึงวันที่ 31 คุลาคม 2562 นี้ (บัตรผ่านประตูราคา 350 บาทครับ)


พาพันขอบคุณพาพันชอบพาพันไฟท์ติ้ง
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่