ลิเวอร์พูล อาจโชว์ฟอร์มได้ไม่น่าประทับใจจ๊อด แต่พวกเขาก็สามารถบุกไปควักชัยชนะกลับออกมาจากบ้านของทีมนักบุญได้อีกครั้ง
และนี่คือสิ่งที่เห็น เช่นเดียวกับเหตุผลที่บอกว่าทำไม ???
1. เกมนี้ เจอร์เก้น คล็อปป์ ปรับตัวผู้เล่นในแดนกลางโดยวาง อเล็กซ์ อ๊อกซ์เลด-แชมเบอร์เลน, จอร์จินโญ่ ไวนัลดุม และ เจมส์ มิลเนอร์ พลางพัก ฟาบินโญ่ กับ จอร์แดน เฮนเดอร์สัน ที่น่าจะล้ามาจากเกมเมื่อกลางสัปดาห์
แต่ผู้เล่น 3 คนที่ลงเป็นตัวจริง นอกจากจะไม่มีตัวรับแบบธรรมชาติคอยบดบี้เกมในแดนกลาง พวกเขายังเล่นกันแบบสะเปะสะปะ ขณะที่เจ้าถิ่นอัดกลางไว้ 3 บวก วิง-แบ็ค 2 ข้าง ช่วยบีบพื้นที่ แถมสับตีนกันหนักหน่วงกว่าทำให้กลางของหงส์แดงเล่นยาก ต่อเกมกันไม่ติด สร้างสรรค์เกมไม่ถนัด และพาบอลไปไม่ค่อยถึงแดนหน้า
2. หลังเวลาผ่านไปประมาณ 20 นาที เซาธ์แฮมป์ตัน จึงคุมเกมได้พลางบุกใส่มากกว่า และมีโอกาสทำประตูมากกว่าอย่างชัดเจน
ปัญหาคือไม่สามารถเปลี่ยนโอกาสของตัวเองเป็นประตูนำได้ เพราะไม่มีความเด็ดขาดในจังหวะสุดท้ายนี่แหละ
3. ถ้าศักยภาพคุณเป็นรอง แล้วดันมีรูปเกมที่เหนือกว่า คุณก็ต้องทำประตูคู่แข่งให้ได้นะครับ เพราะหากทำไม่ได้ คุณก็จะถูกทีมที่ศักยภาพสูงกว่าทำโทษ
ฟุตบอลมักเป็นแบบนี้เสมอ และนั่นคือสิ่งที่เกิดขึ้นกับเจ้าบ้าน
รูปเกมของ ลิเวอร์พูล เป็นรองก็จริง แต่อย่าลืมว่านักเตะของพวกเขามีคุณภาพมากกว่า และด้วยคุณภาพที่มากกว่านี่แหละคือความแตกต่าง
ครึ่งแรกที่ควรจบลงด้วยการเสมอ 0-0 แบบมีการบ้านให้ เจอร์เก้น คล็อปป์ ต้องทำมากมาย แต่ด้วยคุณภาพที่คับตูดมากกว่าของ ซาดิโอ มาเน่ ช่วยให้หงส์แดงขึ้นนำทั้งที่รูปเกมเป็นรองและโอกาสยิงน้อยกว่าด้วยซ้ำ
4. และไอ้การนำ 1-0 ในช่วงทดเจ็บครึ่งแรกนี่แหละครับที่ช่วยให้ ลิเวอร์พูล เริ่มต้นในครึ่งหลังได้ง่ายและสบายกว่าเดิมเยอะ พวกเขาไม่จำเป็นต้องเร่งเครื่อง หรือเล่นแบบเสี่ยงๆ อะไรให้เป็นภัยแก่ตนเอง
กลับกันมันทำให้ เซาธ์แฮมป์ตัน แทบจะเสียศูนย์ไปเลย แถมต้องเจองานหนักขึ้นอีกเป็นเท่าตัว เพราะคู่แข่งของตัวเองมีเกมรับที่แข็งแกร่งมาก
นอกจากนี้ในครึ่งหลัง มิดฟิลด์ 3 ตัวของ ลิเวอร์พูล เล่นกันได้ดีขึ้น กระตือรือร้นกันมากขึ้น ขณะที่ โรแบร์โต้ ฟีร์มิโน่ ถอนตัวเองลงมาช่วยเกมตรงกลางมากขึ้นจนกลายเป็นทีมเยือนที่ครองเกมเหนือกว่าอย่างชัดเจนในครึ่งหลัง
5. ประตูเดียวที่ ลิเวอร์พูล เสียไป ไม่ได้มาจากความผิดพลาดในเกมรับ แต่เพราะความผิดพลาดส่วนตัวของนายทวารอย่าง อาเดรียน อย่างที่เห็นกันนั่นแหละ ยังดีที่ตอนนั้นนำ 2 ประตู มันเลยไม่ส่งผลเสียหายสักเท่าไหร่
กระนั้นก็ถือเป็นสัญญาณเตือนภัยว่า อลิสซง อย่าหายไปนานนะ 555
หงส์แดงทั้งพัฒนาและยกระดับตัวเองเป็นทีมที่น่าขามเกรงอย่างแรงมาตั้งแต่ฤดูกาลที่แล้ว
หากพวกเขาระเบิดฟอร์มกระฉูดแตกออกมาเมื่อไหร่
คู่แข่งก็จะ...เด๊ดห่า แต่เวลาที่เล่นไม่ค่อยไฉไลนัก ด้วยคุณภาพและมาตรฐานของทีมที่สูงส่ง แถมมีทีเด็ดมากกว่าคู่แข่งก็จะช่วยให้ ลิเวอร์พูล เอาตัวรอดได้อย่างเป็นสม่ำ
บอ.บู๋
https://www.siamsport.co.th/column/detail/72099
..........บทความจากบอ.บู่แห่งเพื่อนมานอู.....เล่นไม่ดีมีชัย! ชำแหละชัดลิเวอร์พูลฟอร์มไม่ประทับใจยังได้เฮ......
และนี่คือสิ่งที่เห็น เช่นเดียวกับเหตุผลที่บอกว่าทำไม ???
1. เกมนี้ เจอร์เก้น คล็อปป์ ปรับตัวผู้เล่นในแดนกลางโดยวาง อเล็กซ์ อ๊อกซ์เลด-แชมเบอร์เลน, จอร์จินโญ่ ไวนัลดุม และ เจมส์ มิลเนอร์ พลางพัก ฟาบินโญ่ กับ จอร์แดน เฮนเดอร์สัน ที่น่าจะล้ามาจากเกมเมื่อกลางสัปดาห์
แต่ผู้เล่น 3 คนที่ลงเป็นตัวจริง นอกจากจะไม่มีตัวรับแบบธรรมชาติคอยบดบี้เกมในแดนกลาง พวกเขายังเล่นกันแบบสะเปะสะปะ ขณะที่เจ้าถิ่นอัดกลางไว้ 3 บวก วิง-แบ็ค 2 ข้าง ช่วยบีบพื้นที่ แถมสับตีนกันหนักหน่วงกว่าทำให้กลางของหงส์แดงเล่นยาก ต่อเกมกันไม่ติด สร้างสรรค์เกมไม่ถนัด และพาบอลไปไม่ค่อยถึงแดนหน้า
2. หลังเวลาผ่านไปประมาณ 20 นาที เซาธ์แฮมป์ตัน จึงคุมเกมได้พลางบุกใส่มากกว่า และมีโอกาสทำประตูมากกว่าอย่างชัดเจน
ปัญหาคือไม่สามารถเปลี่ยนโอกาสของตัวเองเป็นประตูนำได้ เพราะไม่มีความเด็ดขาดในจังหวะสุดท้ายนี่แหละ
3. ถ้าศักยภาพคุณเป็นรอง แล้วดันมีรูปเกมที่เหนือกว่า คุณก็ต้องทำประตูคู่แข่งให้ได้นะครับ เพราะหากทำไม่ได้ คุณก็จะถูกทีมที่ศักยภาพสูงกว่าทำโทษ
ฟุตบอลมักเป็นแบบนี้เสมอ และนั่นคือสิ่งที่เกิดขึ้นกับเจ้าบ้าน
รูปเกมของ ลิเวอร์พูล เป็นรองก็จริง แต่อย่าลืมว่านักเตะของพวกเขามีคุณภาพมากกว่า และด้วยคุณภาพที่มากกว่านี่แหละคือความแตกต่าง
ครึ่งแรกที่ควรจบลงด้วยการเสมอ 0-0 แบบมีการบ้านให้ เจอร์เก้น คล็อปป์ ต้องทำมากมาย แต่ด้วยคุณภาพที่คับตูดมากกว่าของ ซาดิโอ มาเน่ ช่วยให้หงส์แดงขึ้นนำทั้งที่รูปเกมเป็นรองและโอกาสยิงน้อยกว่าด้วยซ้ำ
4. และไอ้การนำ 1-0 ในช่วงทดเจ็บครึ่งแรกนี่แหละครับที่ช่วยให้ ลิเวอร์พูล เริ่มต้นในครึ่งหลังได้ง่ายและสบายกว่าเดิมเยอะ พวกเขาไม่จำเป็นต้องเร่งเครื่อง หรือเล่นแบบเสี่ยงๆ อะไรให้เป็นภัยแก่ตนเอง
กลับกันมันทำให้ เซาธ์แฮมป์ตัน แทบจะเสียศูนย์ไปเลย แถมต้องเจองานหนักขึ้นอีกเป็นเท่าตัว เพราะคู่แข่งของตัวเองมีเกมรับที่แข็งแกร่งมาก
นอกจากนี้ในครึ่งหลัง มิดฟิลด์ 3 ตัวของ ลิเวอร์พูล เล่นกันได้ดีขึ้น กระตือรือร้นกันมากขึ้น ขณะที่ โรแบร์โต้ ฟีร์มิโน่ ถอนตัวเองลงมาช่วยเกมตรงกลางมากขึ้นจนกลายเป็นทีมเยือนที่ครองเกมเหนือกว่าอย่างชัดเจนในครึ่งหลัง
5. ประตูเดียวที่ ลิเวอร์พูล เสียไป ไม่ได้มาจากความผิดพลาดในเกมรับ แต่เพราะความผิดพลาดส่วนตัวของนายทวารอย่าง อาเดรียน อย่างที่เห็นกันนั่นแหละ ยังดีที่ตอนนั้นนำ 2 ประตู มันเลยไม่ส่งผลเสียหายสักเท่าไหร่
กระนั้นก็ถือเป็นสัญญาณเตือนภัยว่า อลิสซง อย่าหายไปนานนะ 555
หงส์แดงทั้งพัฒนาและยกระดับตัวเองเป็นทีมที่น่าขามเกรงอย่างแรงมาตั้งแต่ฤดูกาลที่แล้ว
หากพวกเขาระเบิดฟอร์มกระฉูดแตกออกมาเมื่อไหร่
คู่แข่งก็จะ...เด๊ดห่า แต่เวลาที่เล่นไม่ค่อยไฉไลนัก ด้วยคุณภาพและมาตรฐานของทีมที่สูงส่ง แถมมีทีเด็ดมากกว่าคู่แข่งก็จะช่วยให้ ลิเวอร์พูล เอาตัวรอดได้อย่างเป็นสม่ำ
บอ.บู๋
https://www.siamsport.co.th/column/detail/72099