ศรีลังกา ประเทศที่หลายคนต่างสงสัยกันว่า ไปทำไม?
.
ไปศรีลังกาทำไม?
ไปไหว้พระเหรอ?
หรือไปแสวงบุญ? ไปทำไรอะ?
.
ครับ!!
ศรีลังกาเป็นเมืองพุทธครับ แต่ก็ใช่ว่าจะมีแค่วัดวาอารามเท่านั้น
ที่จริงแล้ว ศรีลังกายังมีอะไรอีกหลายอย่าง ที่มากกว่า วัด!!
.
__________________________
ทริปนี้เราเดินทางกันวันที่12-17กรกฎาคม2562
เป็นช่วงวันหยุดยาวเข้าพรรษา ลาเพิ่มนิดหน่อย ได้ทริป 5 วันสบายๆ
.
เราตัดสินใจจองตั๋วไปกับสายการบิน Thai Lion Air
บินตรงจากกรุงเทพ(ดอนเมือง) -โคลอมโบ(ประเทศศรีลังกา)
เราบินเวลา 07.20 น. ถึงColombo เวลาประมาณ 09.20 น. (เวลาในไทยเร็วกว่าประมาณ 1ชั่วโมงครึ่ง)
.
ทริปนี้เราเลือกเดินทางโดยรถตู้เเหมาบริการจากศรีลังกา ด้วยเหตุผลที่ว่า เราต้องการเที่ยวหลายที่ในเวลาที่มีจำกัด การเลือกใช้รถตู้เช่าพร้อมคนขับ จึงเป็นทางเลือกที่ดีสำหรับเรา (ทริปนี้เราติดต่อรถจากบริษัทนี้ สำหรับผู้ที่สนใจรถเช่า ติดต่อได้ที่ chanaka@thetravellanka.com) ลองไปคุย เราว่าเขาให้ราคาไม่แพงมาก หารๆกันแลกกับการซื้อเวลา ก็คุ้ม!!
_________________________
12 JULY เมื่อถึงสนามบิน รถตู้ก็รอรับเราอยู่ที่นั่น ตอนแรกตั้งใจจะซื้อ simcard จากสนามบิน เพราะกลัวว่าจะขาด internet ไม่ได้ ฮ่าๆๆ
แต่ความโชคดีที่ทำให้ไม่ซื้อ simcard คือรถตู้ที่เช่าเหมา มี wifi free ให้บริการตลอดเวลาที่นั่งรถ
.
ด้วยความขี้งกของพวกเราทั้งแก้งค์
จึงเลือก ใช้ wifi ฟรี จากพี่รถตู้ของเรา!!
(แต่สำหรับคนที่สนใจอยากใช้ internet ส่วนตัว /จะเลือกซื้อsimcardก็ได้ หรือจะเลือก sim to fly มาจากไทยก็ได้ แล้วแต่ความสะดวกครับผม)
.
ส่วนเรื่องการแลกเงินบางคนก็แลกจากสนามบินไปเลย
บางคนก็เข้าไปแลกในเมือง
ส่วนทีมเรา เลือกเข้าไปแลกในเมืองครับ (แต่ข้อเสียของการแลกในเมือง คือแต่ละร้านจะให้เรทราคาไม่เท่ากัน ถ้าเราไปเองแบบนักท่องเที่ยว ชาวต่างชาติ เตรียมโดนขูดรีดได้เลยครับ เพราะเราแลกมา 3 ร้าน ให้ราคาไม่เท่ากันสักร้าน!! จึงคงต้องอ้อนวอนให้พี่คนขับรถตู้ เดินลงไปแลกด้วยกัน จึงได้ราคาที่คุ้มค่าขึ้นมาหน่อย)
.
สถานที่แรกที่เราไปชมเมื่อถึงศรีลังกาแล้ว คือ มัสยิดแดง(Jami UI-Alfar Mosque)
พี่รถตู้ขับรถมาจอดไว้ไม่ไกลจากตัวมัสยิดมากนัก
พวกเราลงจากรถ แล้วเดินเท้าไปมัสยิด
ชมความงาม และบรรยากาศของเมืองไปพร้อมๆกัน
.
เมือง COLOMBO
บรรยากาศของท้องถนน และรถตุ๊กๆเต็มบ้านเต็มเมืองไปหมด
ภาพตลาด ที่ยังคงกลิ่นไอของความวุ่นวายในช่วงสายๆของวัน
ผู้คนเดินสวนกันไปมา บรรยากาศของแม่ค้า พ่อค้าต่างพากันทำให้เรารู้สึกตื่นเต้นกับศรีลังกาในมุมมองใหม่ๆ
คนศรีลังกาชอบกินน้ำมะพร้าว จะเห็นได้จากรถเข็นขายน้ำมะพร้าวเต็มบ้านเต็มเมืองไปหมด
มะพร้าวสีส้ม ดื่มแล้วสดชื่น
ดูจากสีหน้าของลูกค้าร้านนี้ได้ สดชื่นจริงเชียว
เดินมาสักพักก็จะเห็นมัสยิดสีแดงอยู่ริมถนน
สีโดดเด่นกว่าอาคารอื่นๆที่อยู่ข้างๆ
มัสยิดแห่งนี้ สร้างเมือปี ค.ศ.1909 อยู่ในย่านเมืองเก่า Pettha ปัจจุบันมัสยิดแห่งนี้ ยังคงใช้ในการประกอบพิธีกรรมทางศาสนาอยู่
เราสามารถถ่ายรูปได้จากภายนอกของมัสยิดเท่านั้น
ภาพจากด้านข้างของมัสยิด ผู้คนเดินไปมาในช่วงเวลาประมาณเที่ยงของวัน
เราใช้เวลากับที่นี่ไม่นานมากนักเพราะนอกจากถ่ายรูปแล้ว ก็ไม่มีไรให้เราทำ ฮ่าๆๆ
.
เราไปต่อกันที่วัดคงคาราม มาถึงศรีลังกาทั้งที ยังไงก็ต้องเข้าวัดไหว้พระขอพรกันบ้าง
บรรยากาศของภายนอกวัด ค่อนข้างสงบ ร่มรื่น และสะอาดมากๆ
พระพุทธรูปภายในวัด
ตรงจุดนี้จะมีพระสงฆ์คอยผูกข้อมือให้เรา เราสามารถต่อแถวเข้าไปกราบท่านได้
.
หลังจากไหว้พระเสร็จเรียบร้อยแล้ว ท้องเริ่มหิว ตั้งแต่มาถึงศรีลังกา ยังไม่มีอาหารตกถึงท้องเลย จึงขอจัดอาหารพื้นเมืองก่อน
พี่รถตู้รุ่นใหญ่ใจดีของเรา จึงพาเราไปร้านอาหารตามที่เราต้องการ
.
เราอยากได้ร้านพื้นเมือง แบบที่คนพื้นเมืองนิยมรับทาน แต่ขอราคาแบบไม่แพงมากนะ เพราะเราเป็นนักท่องเที่ยวชั้นประหยัด
หน้าตาของอาหาร ก็จะเน้นพวกผักซะส่วนใหญ่
มีเนื้อสัตว์แค่ชิ้นสองชื้น แต่ผักนี่เต็มจานกันเลยทีเดียวเชียว!
เมนูที่เห็นๆ ส่วนมากเป็นผักที่เอามาปรุงรส โดยรวม ถ้าให้กินแบบชิมๆแค่มื้อสองมื้อ เราพอทนได้
แต่ถ้าให้กินนานๆ สงสารฉันเถอะนะ!! ขอร้องละ!!!
.
กลิ่นเครื่องเทศแรงมากจ๊ะพี่จ๋าาา
.
.
อิ่มท้องแล้ว เราจึงรีบมุ่งหน้าไปยังเมือง Galle และคืนนี้เราจะนอนที่ เมืองUnawatuna
____________________________
เมือง GALLE
ช่วงเย็นๆเราก็จะถึงเมือง Galle เป็นเมืองท่า เมืองโบราณริมทะเล
โดยรวมเราชอบบรรยากาศของเมืองมากๆ เพราะยังคงความคลาสสิค
ตึกรามบ้านช่อง อาคารต่างๆ ยังมีความโรเมนติก และมีกลิ่นไอของยุคล่าอาณานิคม
.
บรรยากาศของเมืองยามเย็น ก่อนตะวันจะลาลับขอบฟ้า
คลื่นลมค่อนข้างแรง แต่ก็พอให้เดินเล่นคลายร้อนได้
ผู้คนในเมืองนี้จะออกมาเดินเล่น ออกกำลังกาย เล่นกีฬาที่สนามหญ้าแถวๆป้อมปราการริมทะเล
.
เดินชมบรรยากาศสักพักฟ้าเริ่มมืด
เราจึงเข้าไปเดินเล่นโซนในเมืองเก่าสักแปป ก่อนไปหามื้อค่ำ และเข้าที่พัก
บรรยากาศของท้องถนนในซอยเล็กๆของเมือง
เป็นถนนที่ปูด้วยอิฐบล็อค กำแพงของอาคารบ้านช่อง ยังคงมีโทนสีของปูนเก่าๆ สลับกับการประดับไฟแบบใหม่ๆ
ผสมผสานเข้าด้วยกันอย่างลงตัว
ในเมือง Galle ยามค่ำคืน พอจะมีร้านค้าขายของที่ระลึกอยู่บ้าง มีร้านอาหารที่น่าลิ้มลองหลายร้าน ซุกซ่อนอยู่ทุกซอกซอยของเมืองเก่าแห่งนี้
.
_____________
หลังจากดื่มด่ำกับวันแรกของศรีลังกามาพอสมควร
มื้อค่ำเริ่มถามหา ว่าเราควรแวะกินร้านไหน
.
จึงลองเปิดดูใน internet เปิดแผนที่หาร้านค้าที่ไม่แพงมาก แล้วขับรถตู้ไปตาม map
.
เราทุกคนหิ้วท้องไปด้วยความหิวโหย เพราะอาหารพื้นเมืองมื้อเที่ยงถูกกระเพาะอาหารย่อยไปหมดแล้ว
.
แต่พอไปถึงร้านสิ่งที่คาดไม่ถึงก็เกิดขึ้น....
ร้านปิด!! เห้ย!! ร้านปิด!!!
.
ทำไงละทีนี้ มองไปทางไหนก็มีแต่บ้านคน ไม่มีร้านอาหารเลย พวกเรามาถึงหน้าร้านแล้ว หิ้วท้องกันมา 8 คน จะทำยังไงงงงง!!
.
ความหิวเริ่มส่งผลให้เกิดความหงุดหงิดใจ
แต่ทันใดนั้นประตูของร้านก็ถูกเปิดออก เจ้าของร้านเห็นรถตู้ จึงเข้ามาคุยกับเรา
แล้วบอกกับเราว่า วันนี้ร้านปิด แต่ถ้าเราทั้ง 8 คนอยากกิน เค้าจะเปิดร้านและทำอาหารให้!!!
.
โอ้โห้ววววว ใจดีศรีลังกาสุดฤทธิ์!!
เราจึงรีบลงจากรถตู้ นั่งรออาหารอย่างใจจดจ่อ
ขอข้าวผัดไก่มาเลยละกัน!! ง่ายดี หน้าตาประมาณนี้แหละครับ
มื้อนี้กินได้ ฮ่าๆ ถึงแม้ข้าวผัดจะดูชุ่มน้ำมันไปหน่อย แต่ก็ดีกว่ามื้อเที่ยงเห็นๆ
.
หลังจากอิ่มแล้ว ก็เริ่มคอแห้ง
ก่อนเข้าที่พัก (เราเลือกพักที่บ้านเช่า1หลัง สำหรับ 8 คน) เราขอให้พี่รถตู้แวะจอดซื้อเครื่องดื่มกันสักนิดหน่อย
.
ร้านขายเบียร์ เหล้า ของศรีลังกาจะหน้าตาประมาณนี้
เราเลือก LION BEER จัดไป!!
.
ซื้อเบียร์เสร็จแล้ว เข้าบ้านพัก อาบน้ำ จิบเบียร์ และเข้านอน ตอนเช้าต้องรีบตื่นเพื่อไปเที่ยวต่อ...
ฝันดีพวก!!
________________________________________________________________________________________________
v
v
v
v
ติดตามต่อด้านล่างจ้า
[CR] ศรีลังกา หยุดยาวเข้าพรรษาจะพาไปลุย กับราคาเพียง 14,000 บาท
.
ไปศรีลังกาทำไม?
ไปไหว้พระเหรอ?
หรือไปแสวงบุญ? ไปทำไรอะ?
.
ครับ!!
ศรีลังกาเป็นเมืองพุทธครับ แต่ก็ใช่ว่าจะมีแค่วัดวาอารามเท่านั้น
ที่จริงแล้ว ศรีลังกายังมีอะไรอีกหลายอย่าง ที่มากกว่า วัด!!
.
__________________________
ทริปนี้เราเดินทางกันวันที่12-17กรกฎาคม2562
เป็นช่วงวันหยุดยาวเข้าพรรษา ลาเพิ่มนิดหน่อย ได้ทริป 5 วันสบายๆ
.
เราตัดสินใจจองตั๋วไปกับสายการบิน Thai Lion Air
บินตรงจากกรุงเทพ(ดอนเมือง) -โคลอมโบ(ประเทศศรีลังกา)
เราบินเวลา 07.20 น. ถึงColombo เวลาประมาณ 09.20 น. (เวลาในไทยเร็วกว่าประมาณ 1ชั่วโมงครึ่ง)
.
ทริปนี้เราเลือกเดินทางโดยรถตู้เเหมาบริการจากศรีลังกา ด้วยเหตุผลที่ว่า เราต้องการเที่ยวหลายที่ในเวลาที่มีจำกัด การเลือกใช้รถตู้เช่าพร้อมคนขับ จึงเป็นทางเลือกที่ดีสำหรับเรา (ทริปนี้เราติดต่อรถจากบริษัทนี้ สำหรับผู้ที่สนใจรถเช่า ติดต่อได้ที่ chanaka@thetravellanka.com) ลองไปคุย เราว่าเขาให้ราคาไม่แพงมาก หารๆกันแลกกับการซื้อเวลา ก็คุ้ม!!
_________________________
12 JULY เมื่อถึงสนามบิน รถตู้ก็รอรับเราอยู่ที่นั่น ตอนแรกตั้งใจจะซื้อ simcard จากสนามบิน เพราะกลัวว่าจะขาด internet ไม่ได้ ฮ่าๆๆ
แต่ความโชคดีที่ทำให้ไม่ซื้อ simcard คือรถตู้ที่เช่าเหมา มี wifi free ให้บริการตลอดเวลาที่นั่งรถ
.
ด้วยความขี้งกของพวกเราทั้งแก้งค์
จึงเลือก ใช้ wifi ฟรี จากพี่รถตู้ของเรา!!
(แต่สำหรับคนที่สนใจอยากใช้ internet ส่วนตัว /จะเลือกซื้อsimcardก็ได้ หรือจะเลือก sim to fly มาจากไทยก็ได้ แล้วแต่ความสะดวกครับผม)
.
ส่วนเรื่องการแลกเงินบางคนก็แลกจากสนามบินไปเลย
บางคนก็เข้าไปแลกในเมือง
ส่วนทีมเรา เลือกเข้าไปแลกในเมืองครับ (แต่ข้อเสียของการแลกในเมือง คือแต่ละร้านจะให้เรทราคาไม่เท่ากัน ถ้าเราไปเองแบบนักท่องเที่ยว ชาวต่างชาติ เตรียมโดนขูดรีดได้เลยครับ เพราะเราแลกมา 3 ร้าน ให้ราคาไม่เท่ากันสักร้าน!! จึงคงต้องอ้อนวอนให้พี่คนขับรถตู้ เดินลงไปแลกด้วยกัน จึงได้ราคาที่คุ้มค่าขึ้นมาหน่อย)
.
สถานที่แรกที่เราไปชมเมื่อถึงศรีลังกาแล้ว คือ มัสยิดแดง(Jami UI-Alfar Mosque)
พี่รถตู้ขับรถมาจอดไว้ไม่ไกลจากตัวมัสยิดมากนัก
พวกเราลงจากรถ แล้วเดินเท้าไปมัสยิด
ชมความงาม และบรรยากาศของเมืองไปพร้อมๆกัน
.
เมือง COLOMBO
บรรยากาศของท้องถนน และรถตุ๊กๆเต็มบ้านเต็มเมืองไปหมด
ภาพตลาด ที่ยังคงกลิ่นไอของความวุ่นวายในช่วงสายๆของวัน
ผู้คนเดินสวนกันไปมา บรรยากาศของแม่ค้า พ่อค้าต่างพากันทำให้เรารู้สึกตื่นเต้นกับศรีลังกาในมุมมองใหม่ๆ
คนศรีลังกาชอบกินน้ำมะพร้าว จะเห็นได้จากรถเข็นขายน้ำมะพร้าวเต็มบ้านเต็มเมืองไปหมด
มะพร้าวสีส้ม ดื่มแล้วสดชื่น
ดูจากสีหน้าของลูกค้าร้านนี้ได้ สดชื่นจริงเชียว
เดินมาสักพักก็จะเห็นมัสยิดสีแดงอยู่ริมถนน
สีโดดเด่นกว่าอาคารอื่นๆที่อยู่ข้างๆ
มัสยิดแห่งนี้ สร้างเมือปี ค.ศ.1909 อยู่ในย่านเมืองเก่า Pettha ปัจจุบันมัสยิดแห่งนี้ ยังคงใช้ในการประกอบพิธีกรรมทางศาสนาอยู่
เราสามารถถ่ายรูปได้จากภายนอกของมัสยิดเท่านั้น
ภาพจากด้านข้างของมัสยิด ผู้คนเดินไปมาในช่วงเวลาประมาณเที่ยงของวัน
เราใช้เวลากับที่นี่ไม่นานมากนักเพราะนอกจากถ่ายรูปแล้ว ก็ไม่มีไรให้เราทำ ฮ่าๆๆ
.
เราไปต่อกันที่วัดคงคาราม มาถึงศรีลังกาทั้งที ยังไงก็ต้องเข้าวัดไหว้พระขอพรกันบ้าง
บรรยากาศของภายนอกวัด ค่อนข้างสงบ ร่มรื่น และสะอาดมากๆ
พระพุทธรูปภายในวัด
ตรงจุดนี้จะมีพระสงฆ์คอยผูกข้อมือให้เรา เราสามารถต่อแถวเข้าไปกราบท่านได้
.
หลังจากไหว้พระเสร็จเรียบร้อยแล้ว ท้องเริ่มหิว ตั้งแต่มาถึงศรีลังกา ยังไม่มีอาหารตกถึงท้องเลย จึงขอจัดอาหารพื้นเมืองก่อน
พี่รถตู้รุ่นใหญ่ใจดีของเรา จึงพาเราไปร้านอาหารตามที่เราต้องการ
.
เราอยากได้ร้านพื้นเมือง แบบที่คนพื้นเมืองนิยมรับทาน แต่ขอราคาแบบไม่แพงมากนะ เพราะเราเป็นนักท่องเที่ยวชั้นประหยัด
หน้าตาของอาหาร ก็จะเน้นพวกผักซะส่วนใหญ่
มีเนื้อสัตว์แค่ชิ้นสองชื้น แต่ผักนี่เต็มจานกันเลยทีเดียวเชียว!
เมนูที่เห็นๆ ส่วนมากเป็นผักที่เอามาปรุงรส โดยรวม ถ้าให้กินแบบชิมๆแค่มื้อสองมื้อ เราพอทนได้
แต่ถ้าให้กินนานๆ สงสารฉันเถอะนะ!! ขอร้องละ!!!
.
กลิ่นเครื่องเทศแรงมากจ๊ะพี่จ๋าาา
.
.
อิ่มท้องแล้ว เราจึงรีบมุ่งหน้าไปยังเมือง Galle และคืนนี้เราจะนอนที่ เมืองUnawatuna
____________________________
เมือง GALLE
ช่วงเย็นๆเราก็จะถึงเมือง Galle เป็นเมืองท่า เมืองโบราณริมทะเล
โดยรวมเราชอบบรรยากาศของเมืองมากๆ เพราะยังคงความคลาสสิค
ตึกรามบ้านช่อง อาคารต่างๆ ยังมีความโรเมนติก และมีกลิ่นไอของยุคล่าอาณานิคม
.
บรรยากาศของเมืองยามเย็น ก่อนตะวันจะลาลับขอบฟ้า
คลื่นลมค่อนข้างแรง แต่ก็พอให้เดินเล่นคลายร้อนได้
ผู้คนในเมืองนี้จะออกมาเดินเล่น ออกกำลังกาย เล่นกีฬาที่สนามหญ้าแถวๆป้อมปราการริมทะเล
.
เดินชมบรรยากาศสักพักฟ้าเริ่มมืด
เราจึงเข้าไปเดินเล่นโซนในเมืองเก่าสักแปป ก่อนไปหามื้อค่ำ และเข้าที่พัก
บรรยากาศของท้องถนนในซอยเล็กๆของเมือง
เป็นถนนที่ปูด้วยอิฐบล็อค กำแพงของอาคารบ้านช่อง ยังคงมีโทนสีของปูนเก่าๆ สลับกับการประดับไฟแบบใหม่ๆ
ผสมผสานเข้าด้วยกันอย่างลงตัว
ในเมือง Galle ยามค่ำคืน พอจะมีร้านค้าขายของที่ระลึกอยู่บ้าง มีร้านอาหารที่น่าลิ้มลองหลายร้าน ซุกซ่อนอยู่ทุกซอกซอยของเมืองเก่าแห่งนี้
.
_____________
หลังจากดื่มด่ำกับวันแรกของศรีลังกามาพอสมควร
มื้อค่ำเริ่มถามหา ว่าเราควรแวะกินร้านไหน
.
จึงลองเปิดดูใน internet เปิดแผนที่หาร้านค้าที่ไม่แพงมาก แล้วขับรถตู้ไปตาม map
.
เราทุกคนหิ้วท้องไปด้วยความหิวโหย เพราะอาหารพื้นเมืองมื้อเที่ยงถูกกระเพาะอาหารย่อยไปหมดแล้ว
.
แต่พอไปถึงร้านสิ่งที่คาดไม่ถึงก็เกิดขึ้น....
ร้านปิด!! เห้ย!! ร้านปิด!!!
.
ทำไงละทีนี้ มองไปทางไหนก็มีแต่บ้านคน ไม่มีร้านอาหารเลย พวกเรามาถึงหน้าร้านแล้ว หิ้วท้องกันมา 8 คน จะทำยังไงงงงง!!
.
ความหิวเริ่มส่งผลให้เกิดความหงุดหงิดใจ
แต่ทันใดนั้นประตูของร้านก็ถูกเปิดออก เจ้าของร้านเห็นรถตู้ จึงเข้ามาคุยกับเรา
แล้วบอกกับเราว่า วันนี้ร้านปิด แต่ถ้าเราทั้ง 8 คนอยากกิน เค้าจะเปิดร้านและทำอาหารให้!!!
.
โอ้โห้ววววว ใจดีศรีลังกาสุดฤทธิ์!!
เราจึงรีบลงจากรถตู้ นั่งรออาหารอย่างใจจดจ่อ
ขอข้าวผัดไก่มาเลยละกัน!! ง่ายดี หน้าตาประมาณนี้แหละครับ
มื้อนี้กินได้ ฮ่าๆ ถึงแม้ข้าวผัดจะดูชุ่มน้ำมันไปหน่อย แต่ก็ดีกว่ามื้อเที่ยงเห็นๆ
.
หลังจากอิ่มแล้ว ก็เริ่มคอแห้ง
ก่อนเข้าที่พัก (เราเลือกพักที่บ้านเช่า1หลัง สำหรับ 8 คน) เราขอให้พี่รถตู้แวะจอดซื้อเครื่องดื่มกันสักนิดหน่อย
.
ร้านขายเบียร์ เหล้า ของศรีลังกาจะหน้าตาประมาณนี้
เราเลือก LION BEER จัดไป!!
.
ซื้อเบียร์เสร็จแล้ว เข้าบ้านพัก อาบน้ำ จิบเบียร์ และเข้านอน ตอนเช้าต้องรีบตื่นเพื่อไปเที่ยวต่อ...
ฝันดีพวก!!
________________________________________________________________________________________________
v
v
v
v
ติดตามต่อด้านล่างจ้า
CR - Consumer Review : กระทู้รีวิวนี้เป็นกระทู้ CR โดยที่เจ้าของกระทู้