สวัสดีครับเพื่อนๆ เมื่อเร็วๆนี้ผมได้มีโอกาสเดินทางไปเที่ยวศรีลังกา เลยถือโอกาสทำรีวิวและเก็บภาพสวยๆมาฝากกันนะครับ
เอาจริงๆ ตอนแรกศรีลังกานี่เป็นเมืองนอกสายตามากเลยนะครับ แต่พอมาแล้วกลายเป็น First Impression ของผมเลยนะ ถ้าจะสวยขนาดนี้ก็จะมาเที่ยวตั้งนานแล้วล่ะ และโดยส่วนตัวคือชอบมาก ไม่ว่าจะเป็นธรรมชาติที่ยังสมบูรณ์มาก ทั้งป่าไม้และทะเล โบราณสถาน วัดวาอาราม และความน่ารักของคนที่นี่ คือมันครบทุกมิติการท่องเที่ยวเลย
ทริปนี้ผมใช้เวลาเดินทาง 5 วัน กับ 5 เมืองและ 11 สถานที่
📍เมืองSigiriya เที่ยวที่ : Lion Rock, Minneriya National Park
📍เมืองKandy เที่ยวที่ : Geragama Tea Garden
📍 เมือง Galle เที่ยวที่ : หาด Mirissa, Koggala ,Coconut Swing,Galle de fort
📍 เมืองPinnawala เที่ยวที่ : The Elephant Orphanage Centre
📍 เมือง Colombo เที่ยวที่ : Gangamaya Temple ,Red Masjid, Ministry of Crab
#เราเดินทางด้วยสายการบินแอร์เอเชีย เค้าเปิดรูทใหม่จากกรุงเทพบินตรงถึง สนามบินบันนารายาเก ศรีลังกาแล้วนะ…ไม่ต้องต่อเครื่องให้ต้องลุ้นเสียเวลา
สะดวกมาก 3 ชั่วโมงก็ถึงแล้ว โดยให้บริการ 4 เที่ยวบินต่อสัปดาห์ครับ ทุกวันจันทร์ พุธ ศุกร์ อาทิตย์ โดยเที่ยวบิน FD140 จะออกจากท่าอากาศยานดอนเมือง (DMK) เวลา 20.20 น. ถึงท่าอากาศยานบันดารานายาเก (CMB) เมืองโคลัมโบ ประเทศศรีลังกาเวลา 22.20 น. ส่วนเที่ยวบินขากลับ FD141 จะออกจากท่าอากาศยานโคลัมโบเวลา 23.20 น. ถึงท่าอากาศยานดอนเมืองเวลา 04.25 น.ในวันถัดไป
เลยทำให้การไปเที่ยวศรีลังกาในทริปนี้ง่ายมาก และราคาประหยัดมากขึ้น ถึงไวตรงเวลา และสะดวกสบายกับที่นั่งและบริการ
ซึ่งเค้าเปิดรูทใหม่เมื่อวันที่ 14 ธันวาคมที่ผ่านนี้เองนะครับ รีบจองเร็ว จองก่อนได้เที่ยวก่อนในราคาไม่แพงด้วย
Day 1 เที่ยวเมือง Sigiriya
มาศรีลังกา ไม่ได้มา Lion Rock นี่ถือว่าพลาด เพราะ Lion Rock หรือ พระราชวังลอยฟ้านี่ติดอันดับสิ่งมหัศจรรย์ของโลกเลยนะครับ และเมือง Sigiriya นี้ก็ได้รับการยกย่องให้เป็นเมืองมรดกโลกด้วย ด้วยความโดดเด่นของพระราชวังและความสูงจากพื้นดิน 200 เมตร สร้างด้วยหิน เป็นรูปสิงโต ที่ตอนนี้จะคงเห็นได้ชัดแค่ในส่วนของเท้าเท่านั้น และที่สำคัญเค้าว่ากันว่าวิวระหว่างทางเดินขึ้น และวิวจากด้านบน สวยงามมาก เราจะเห็นเมืองได้โดยรอบเลยล่ะ นี่คือแรงบันดาลใจที่ทำให้เราต้องมา
ค่าเข้าอยู่ที่ ประมาณ 1,000 บาท ต่อคน ก่อนจะเดินขึ้นบันไดจำนวนเป็นพันขั้นนั้น อย่าลืม เตรียมน้ำเปล่าติดมือไปด้วยนะครับ เพราะบอกเลยว่า ระยะเวลาในการเดินขึ้นลง ไม่รวมแวะถ่ายรูปนั้น น่าจะ 1.30 ชม. ถ้าบวกเวลาถ่ายรูปไปอีกก็จะประมาณ 2-3 ชั่วโมงเลยนะ แล้วที่สำคัญข้างบนพระราชวังไม่มีอะไรขายนะ มีแต่ถังขยะไว้ให้ทิ้งขยะเท่านั้นเอง ภายในถ้ำจะมีภาพเขียนสีน้ำที่เรียกว่า เฟรสโก อยู่ภายในถ้ำด้วยนะครับ แต่เค้าไม่ให้อนุถ่ายภาพ ซึ่งภาพที่ว่านี่อยู่มาเป็นพันๆปีแล้วนะ แต่ว่าสีสันยังสดอยู่เลย…น่าทึ่งมาก
วิวข้างบนโคตรสวยเลย มองเห็นเมืองแบบ 360 องศาเลย
นั่งรถจี๊ปลุย Minneriya National Park
ลงจาก Lion Rock ก็จัดมาเต็มอีกหนึ่งที่เที่ยวในเมือง Sigiriya และมุมถ่ายรูปเจ๋งๆ ที่นี่ มันเฟี้ยวตั้งแต่เราได้นั่งรถจี๊ปเที่ยวแล้วล่ะ นึกว่าต้องไปแถวแอฟริกาถึงจะได้นั่งรถจี๊ปซะอีก 555 ที่นี่ก็จะเป็นฟีลเหมือนเที่ยวซาฟารีผสมเที่ยวอุทยาน คือจะมีสัตว์หลายชนิดให้ดู พวกช้าง ควาย นก อะไรประมาณนี้ แต่เราก็ต้องลุ้นหน่อยๆ ว่าเราจะเจอกับสัตว์ชนิดไหน เพราะเค้าอยู่กันตามธรรมชาติ ไม่มีเจ้าหน้าที่เลี้ยงหรือดูแลให้อาหาร มันก็จะตื่นเต้นไปอีกแบบว่าเราจะเจออะไรบ้าง รอบที่ผมไปนี่เรานั่งรถจี๊ปแล้วก็เห็นช้างกับนกเยอะสุดๆ มันก็ได้ฟีลสนุกๆ ลุยๆ ถ่ายรูปเท่ๆ ไปอีกแบบ
ค่ารถจี๊ป คันละ 26 USD หรือประมาณ 850 บาท ส่วนค่าเข้าชมคนละ 18 USD หรือประมาณเกือบๆ 600 บาท
Day 2 ขึ้นรถไฟไป Kandy
วันนี้เรามีแพลนจะไปขึ้นรถไฟจากเมือง Kandy ไป Colombo แต่ก่อนจะขึ้นรถไฟขอเที่ยวเมือง Kandy ก่อน ซึ่งเป็นเมืองที่มีที่เที่ยวเยอะ และมีวิวสวยด้วยเช่นกัน เมืองนี้ขึ้นชื่อเรื่องไร่ชาครับ แม้จะไม่ใช่แหล่งใหญ่สุด แต่ก็มีเยอะ ผมแวะเที่ยวไร่ชาที่ Geragama Tea Garden จะดูการเก็บชาแบบศรีลังกาซะหน่อย ซึ่งคุณป้าที่นี่ก็น่ารักครับ โชว์ให้เราดูเลยว่าเด็ดชาเค้าต้องเด็ดอย่างไร พร้อมกับเอาชุดเก็บชาให้ลองใส่ด้วย แล้วก็เข้าเฟรมมาถ่ายรูปเล่นกับพวกเราด้วย มันก็จะได้บรรยากาศแบบไร่ชาเขียวๆ กับรอยยิ้มเยอะๆ แบบนี้
พอเที่ยวไร่ชาเสร็จก็ต้องทำเวลาหน่อย รีบไปสถานีรถไฟ เพื่อขึ้นรถไฟจากเมือง Kandy ไป Colombo เมืองหลวงของศรีลังกา แต่เราจะยังไม่ได้เที่ยวโคลัมโบหรอกนะ เราจะต่อรถจากเมืองโคลัมโบไปที่เมืองทางใต้คือ Galle ก่อนแล้วค่อยกลับมาโคลัมโบอีกทีวันสุดท้าย คนศรีลังกาเค้านิยมขึ้นรถไฟนะครับ เพราะราคาถูก มีให้เลือก 3 ชั้น แถมเต็มไวมาก และเค้าไม่ขายแบบออนไลน์นะ ต้องมาซื้อที่สถานีเท่านั้น ซึ่งค่าโดยสาร จาก Kandy ไป Colombo ราคา 300 รูปี หรือประมาณ 60 บาท ถูกมาก นั่งไปตั้งไกล
Day 3 เที่ยวทะเลที่เมือง Galle
โดยส่วนตัวชอบเมือง Galle ที่สุด เพราะน้ำทะเลที่นี่ใสมาก ธรรมชาติมาก แค่ยืนริมทะเลเราก็เห็นทั้งปูทั้งปลาแล้ว เมืองนี้ยังเต็มไปด้วย อาคารบ้านเรือนสไตล์ดัตช์สวยๆ โบสถ์แบบคริสต์ ป้อมปราการโบราณ และประภาคาร มุมถ่ายรูปสุดฮิป ไม่แปลกใจเลยที่เมืองนี้ได้รับการขึ้นทะเบียนให้เป็น เมืองมรดกโลก (World Heritage Site) จากองค์กรยูเนสโก (UNESCO) เมืองนี้เราเที่ยวกันถึง 4 จุด ที่อยู่ไม่ไกลกัน
#หาดMirissa ขอถ่ายกับมุมต้นมะพร้าวสุดฮิปในIG ซะหน่อย ตรงนี้จะอยู่ในส่วนที่ติดกับโรงแรม Mirissa seastar นะครับ สามารถเดินไปถ่ายรูปเล่นได้
หาดKoggala ดูวิถีการตกปลาแบบดั้งเดิมกัน หรือที่เรียกว่า Stilt Fishing
ต้องบอกก่อนว่าการตกปลาแบบนี้ค่อนข้างหายากแล้ว แต่เพื่อเป็นการอนุรักษ์ไม่ให้สูญหายไปและเป็นสิ่งที่นักท่องเที่ยวให้ความสนใจ เค้าจึงยังคงเหลือไว้แค่การถ่ายภาพให้เหมือนว่ากำลังตกปลาอยู่ โดยราคานั้นถ้าเราขอถ่ายรูปอย่างเดียวจะอยู่ที่ (400-500บาท)
หาด Unawatuna ไปเล่น CoConut Swing ความสนุกริมหาดเริ่มขึ้นแล้ว แนะนำให้มาลองเล่นดูนะครับ ตอนปีนขึ้นไปอาจจะเสียวๆนิดนึง แต่พอโหนลงมาแล้วนี่โคตรสนุก ตื่นเต้นมาก ค่าเล่น 100-150 บาท ต่อคน
เดินเที่ยวชมอาคารบ้านเรือนสไตล์ดัตช์ ทั้งอาคาร บ้านเรือน โบถส์ และจุดที่คนนิยมถ่ายรูปก็ได้แก่ ป้อมปราการเมืองกอลล์ (Galle Fort) Dutch Reformed Church โบถส์หลังคาสีส้ม
Day 4 ดูช้างอาบน้ำที่ The Elephant Orphanage Centre ที่นี่จะเด่นเรื่องของช้างครับ ช้างที่นี่เยอะมาก เราจะได้ดูการอาบน้ำช้าง การเลี้ยงช้าง และเพื่อความสะดวกผมแนะนำให้พักที่ The Hotel Elephant ไปเลย เพราะนอกจากที่พักจะดีแล้ว เรายังสามารถดูการอาบน้ำช้างได้โดยไม่ต้องเสียค่าเข้าชมอีกด้วย ซึ่งการอาบน้ำจะมี2 รอบคือ 10.00และ 14.00น.
ช้างพวกนี้เป็นช้างที่ถูกแม่ช้างทอดทิ้ง หรือหลงอยู่ในป่า จะถูกนำมาเลี้ยงรวมกันที่นี่ เราก็เลยจะเห็นน้องช้างเยอะมาก หมุนเวียนกันมาเล่นน้ำ และเวลาลงมาอาบน้ำ จะดูเป็นกลุ่มใหญ่มาก
Day 5 เที่ยวเมือง Colombo
ด้วยความที่เป็นเมืองหลวง รถก็จะติดพอสมควร ยิ่งเป็นย่านที่มีของขายเยอะๆ หรือตามพวกสถานีรถไฟด้วยแล้ว ก็แน่นไม่แพ้บ้านเราเลยนะ แต่ในความวุ่นวายก็มีความเรียบง่าย สวยงามซ่อนอยู่ และ 3 สถานที่ใน Colombo ที่บอกเลยว่าถ้ามาเมืองนี้ต้องแวะเที่ยวที่เหล่านี้
Red Masjid หรือ Jami Ul-Alfar Mosque
หลายคนเรียกที่นี่ว่า มัสยิดสีลูกกวาด เพราะว่าสร้างด้วยสถาปัตยกรรมสมัยใหม่ บริเวณภายนอกตกแต่งด้วยลวดลายสีแดงสลับสีขาว ดูคล้ายลูกกวาด เป็นมัสยิดที่สวยงามขึ้นชื่อ เป็นแลนด์มาร์คของเมือง Colombo เลยก็ว่าได้ ใครมาเที่ยวก็ต้องแวะมาที่นี่ เพราะสวยงามและมีมุมถ่ายรูปเยอะมาก อีกทั้งสถานที่ยังค่อนข้างกว้างอีกด้วย
Gangamaya Temple หรือวัดคงคารามภายในพระอุโบสถประดิษฐานพระพุทธรูปปางมารวิชัย และก็มีจุดเด่นที่ภาพจิตรกรรมฝาผนังเป็นรูปปั้นสามมิติมีความงดงามมาก นอกจากนี้ยังมีโบราณวัตถุที่สวยงาม เก็บรักษาไว้อยู่มากมายเลย พอสักการะกราบไหว้พระพุทธรูปแล้วก็เดินเล่นสำรวจทั่ววัดล่ะครับ มีมุมสวยๆ ปังๆไว้ถ่ายรูปอยู่หลายมุมครับ ศิลปะ สถาปัตยกรรมของวัดนี้ก็เป็นแบบผสมผสานระหว่าง ศรีลังกา อินเดีย ไทย จีน เดินๆดูก็จะมีพระพุทธรูปของบ้านเรา รูปในหลวงรัชกาลที่9 และ 10 ของเราอยู่ที่วัดแห่งนี้ด้วย
Ministry of Crab
ปิดท้ายด้วยอาหารสุดอร่อยที่ ร้านอาหารสุดฮิตในโคลัมโบ Ministry of Crab คนเยอะมาก ต้องรอคิวเลยทีเดียว ที่นี่เป็นร้านอาหารทะเลนะ ทั้งกุ้งหอยปูปลา คือสดมาก แล้วก็เป็นร้านยอดฮิตของนักท่องเที่ยวด้วย เพราะทั้งไทย จีน ฝรั่ง และคนศรีลังกา มารวมตัวกันอยู่ที่นี่แหละ
อิ่มท้องแล้วก็เตรียมตัวกลับบ้านล่ะ ไว้จะกลับมาอีกนะศรีลังกา
[SR] หลงรักศรีลังกา เที่ยว5 เมือง 11 สถานที่
เอาจริงๆ ตอนแรกศรีลังกานี่เป็นเมืองนอกสายตามากเลยนะครับ แต่พอมาแล้วกลายเป็น First Impression ของผมเลยนะ ถ้าจะสวยขนาดนี้ก็จะมาเที่ยวตั้งนานแล้วล่ะ และโดยส่วนตัวคือชอบมาก ไม่ว่าจะเป็นธรรมชาติที่ยังสมบูรณ์มาก ทั้งป่าไม้และทะเล โบราณสถาน วัดวาอาราม และความน่ารักของคนที่นี่ คือมันครบทุกมิติการท่องเที่ยวเลย
ทริปนี้ผมใช้เวลาเดินทาง 5 วัน กับ 5 เมืองและ 11 สถานที่
📍เมืองSigiriya เที่ยวที่ : Lion Rock, Minneriya National Park
📍เมืองKandy เที่ยวที่ : Geragama Tea Garden
📍 เมือง Galle เที่ยวที่ : หาด Mirissa, Koggala ,Coconut Swing,Galle de fort
📍 เมืองPinnawala เที่ยวที่ : The Elephant Orphanage Centre
📍 เมือง Colombo เที่ยวที่ : Gangamaya Temple ,Red Masjid, Ministry of Crab
#เราเดินทางด้วยสายการบินแอร์เอเชีย เค้าเปิดรูทใหม่จากกรุงเทพบินตรงถึง สนามบินบันนารายาเก ศรีลังกาแล้วนะ…ไม่ต้องต่อเครื่องให้ต้องลุ้นเสียเวลา
สะดวกมาก 3 ชั่วโมงก็ถึงแล้ว โดยให้บริการ 4 เที่ยวบินต่อสัปดาห์ครับ ทุกวันจันทร์ พุธ ศุกร์ อาทิตย์ โดยเที่ยวบิน FD140 จะออกจากท่าอากาศยานดอนเมือง (DMK) เวลา 20.20 น. ถึงท่าอากาศยานบันดารานายาเก (CMB) เมืองโคลัมโบ ประเทศศรีลังกาเวลา 22.20 น. ส่วนเที่ยวบินขากลับ FD141 จะออกจากท่าอากาศยานโคลัมโบเวลา 23.20 น. ถึงท่าอากาศยานดอนเมืองเวลา 04.25 น.ในวันถัดไป
เลยทำให้การไปเที่ยวศรีลังกาในทริปนี้ง่ายมาก และราคาประหยัดมากขึ้น ถึงไวตรงเวลา และสะดวกสบายกับที่นั่งและบริการ
ซึ่งเค้าเปิดรูทใหม่เมื่อวันที่ 14 ธันวาคมที่ผ่านนี้เองนะครับ รีบจองเร็ว จองก่อนได้เที่ยวก่อนในราคาไม่แพงด้วย
Day 1 เที่ยวเมือง Sigiriya
มาศรีลังกา ไม่ได้มา Lion Rock นี่ถือว่าพลาด เพราะ Lion Rock หรือ พระราชวังลอยฟ้านี่ติดอันดับสิ่งมหัศจรรย์ของโลกเลยนะครับ และเมือง Sigiriya นี้ก็ได้รับการยกย่องให้เป็นเมืองมรดกโลกด้วย ด้วยความโดดเด่นของพระราชวังและความสูงจากพื้นดิน 200 เมตร สร้างด้วยหิน เป็นรูปสิงโต ที่ตอนนี้จะคงเห็นได้ชัดแค่ในส่วนของเท้าเท่านั้น และที่สำคัญเค้าว่ากันว่าวิวระหว่างทางเดินขึ้น และวิวจากด้านบน สวยงามมาก เราจะเห็นเมืองได้โดยรอบเลยล่ะ นี่คือแรงบันดาลใจที่ทำให้เราต้องมา
ค่าเข้าอยู่ที่ ประมาณ 1,000 บาท ต่อคน ก่อนจะเดินขึ้นบันไดจำนวนเป็นพันขั้นนั้น อย่าลืม เตรียมน้ำเปล่าติดมือไปด้วยนะครับ เพราะบอกเลยว่า ระยะเวลาในการเดินขึ้นลง ไม่รวมแวะถ่ายรูปนั้น น่าจะ 1.30 ชม. ถ้าบวกเวลาถ่ายรูปไปอีกก็จะประมาณ 2-3 ชั่วโมงเลยนะ แล้วที่สำคัญข้างบนพระราชวังไม่มีอะไรขายนะ มีแต่ถังขยะไว้ให้ทิ้งขยะเท่านั้นเอง ภายในถ้ำจะมีภาพเขียนสีน้ำที่เรียกว่า เฟรสโก อยู่ภายในถ้ำด้วยนะครับ แต่เค้าไม่ให้อนุถ่ายภาพ ซึ่งภาพที่ว่านี่อยู่มาเป็นพันๆปีแล้วนะ แต่ว่าสีสันยังสดอยู่เลย…น่าทึ่งมาก
วิวข้างบนโคตรสวยเลย มองเห็นเมืองแบบ 360 องศาเลย
นั่งรถจี๊ปลุย Minneriya National Park
ลงจาก Lion Rock ก็จัดมาเต็มอีกหนึ่งที่เที่ยวในเมือง Sigiriya และมุมถ่ายรูปเจ๋งๆ ที่นี่ มันเฟี้ยวตั้งแต่เราได้นั่งรถจี๊ปเที่ยวแล้วล่ะ นึกว่าต้องไปแถวแอฟริกาถึงจะได้นั่งรถจี๊ปซะอีก 555 ที่นี่ก็จะเป็นฟีลเหมือนเที่ยวซาฟารีผสมเที่ยวอุทยาน คือจะมีสัตว์หลายชนิดให้ดู พวกช้าง ควาย นก อะไรประมาณนี้ แต่เราก็ต้องลุ้นหน่อยๆ ว่าเราจะเจอกับสัตว์ชนิดไหน เพราะเค้าอยู่กันตามธรรมชาติ ไม่มีเจ้าหน้าที่เลี้ยงหรือดูแลให้อาหาร มันก็จะตื่นเต้นไปอีกแบบว่าเราจะเจออะไรบ้าง รอบที่ผมไปนี่เรานั่งรถจี๊ปแล้วก็เห็นช้างกับนกเยอะสุดๆ มันก็ได้ฟีลสนุกๆ ลุยๆ ถ่ายรูปเท่ๆ ไปอีกแบบ
ค่ารถจี๊ป คันละ 26 USD หรือประมาณ 850 บาท ส่วนค่าเข้าชมคนละ 18 USD หรือประมาณเกือบๆ 600 บาท
Day 2 ขึ้นรถไฟไป Kandy
วันนี้เรามีแพลนจะไปขึ้นรถไฟจากเมือง Kandy ไป Colombo แต่ก่อนจะขึ้นรถไฟขอเที่ยวเมือง Kandy ก่อน ซึ่งเป็นเมืองที่มีที่เที่ยวเยอะ และมีวิวสวยด้วยเช่นกัน เมืองนี้ขึ้นชื่อเรื่องไร่ชาครับ แม้จะไม่ใช่แหล่งใหญ่สุด แต่ก็มีเยอะ ผมแวะเที่ยวไร่ชาที่ Geragama Tea Garden จะดูการเก็บชาแบบศรีลังกาซะหน่อย ซึ่งคุณป้าที่นี่ก็น่ารักครับ โชว์ให้เราดูเลยว่าเด็ดชาเค้าต้องเด็ดอย่างไร พร้อมกับเอาชุดเก็บชาให้ลองใส่ด้วย แล้วก็เข้าเฟรมมาถ่ายรูปเล่นกับพวกเราด้วย มันก็จะได้บรรยากาศแบบไร่ชาเขียวๆ กับรอยยิ้มเยอะๆ แบบนี้
พอเที่ยวไร่ชาเสร็จก็ต้องทำเวลาหน่อย รีบไปสถานีรถไฟ เพื่อขึ้นรถไฟจากเมือง Kandy ไป Colombo เมืองหลวงของศรีลังกา แต่เราจะยังไม่ได้เที่ยวโคลัมโบหรอกนะ เราจะต่อรถจากเมืองโคลัมโบไปที่เมืองทางใต้คือ Galle ก่อนแล้วค่อยกลับมาโคลัมโบอีกทีวันสุดท้าย คนศรีลังกาเค้านิยมขึ้นรถไฟนะครับ เพราะราคาถูก มีให้เลือก 3 ชั้น แถมเต็มไวมาก และเค้าไม่ขายแบบออนไลน์นะ ต้องมาซื้อที่สถานีเท่านั้น ซึ่งค่าโดยสาร จาก Kandy ไป Colombo ราคา 300 รูปี หรือประมาณ 60 บาท ถูกมาก นั่งไปตั้งไกล
Day 3 เที่ยวทะเลที่เมือง Galle
โดยส่วนตัวชอบเมือง Galle ที่สุด เพราะน้ำทะเลที่นี่ใสมาก ธรรมชาติมาก แค่ยืนริมทะเลเราก็เห็นทั้งปูทั้งปลาแล้ว เมืองนี้ยังเต็มไปด้วย อาคารบ้านเรือนสไตล์ดัตช์สวยๆ โบสถ์แบบคริสต์ ป้อมปราการโบราณ และประภาคาร มุมถ่ายรูปสุดฮิป ไม่แปลกใจเลยที่เมืองนี้ได้รับการขึ้นทะเบียนให้เป็น เมืองมรดกโลก (World Heritage Site) จากองค์กรยูเนสโก (UNESCO) เมืองนี้เราเที่ยวกันถึง 4 จุด ที่อยู่ไม่ไกลกัน
#หาดMirissa ขอถ่ายกับมุมต้นมะพร้าวสุดฮิปในIG ซะหน่อย ตรงนี้จะอยู่ในส่วนที่ติดกับโรงแรม Mirissa seastar นะครับ สามารถเดินไปถ่ายรูปเล่นได้
หาดKoggala ดูวิถีการตกปลาแบบดั้งเดิมกัน หรือที่เรียกว่า Stilt Fishing
ต้องบอกก่อนว่าการตกปลาแบบนี้ค่อนข้างหายากแล้ว แต่เพื่อเป็นการอนุรักษ์ไม่ให้สูญหายไปและเป็นสิ่งที่นักท่องเที่ยวให้ความสนใจ เค้าจึงยังคงเหลือไว้แค่การถ่ายภาพให้เหมือนว่ากำลังตกปลาอยู่ โดยราคานั้นถ้าเราขอถ่ายรูปอย่างเดียวจะอยู่ที่ (400-500บาท)
หาด Unawatuna ไปเล่น CoConut Swing ความสนุกริมหาดเริ่มขึ้นแล้ว แนะนำให้มาลองเล่นดูนะครับ ตอนปีนขึ้นไปอาจจะเสียวๆนิดนึง แต่พอโหนลงมาแล้วนี่โคตรสนุก ตื่นเต้นมาก ค่าเล่น 100-150 บาท ต่อคน
เดินเที่ยวชมอาคารบ้านเรือนสไตล์ดัตช์ ทั้งอาคาร บ้านเรือน โบถส์ และจุดที่คนนิยมถ่ายรูปก็ได้แก่ ป้อมปราการเมืองกอลล์ (Galle Fort) Dutch Reformed Church โบถส์หลังคาสีส้ม
Day 4 ดูช้างอาบน้ำที่ The Elephant Orphanage Centre ที่นี่จะเด่นเรื่องของช้างครับ ช้างที่นี่เยอะมาก เราจะได้ดูการอาบน้ำช้าง การเลี้ยงช้าง และเพื่อความสะดวกผมแนะนำให้พักที่ The Hotel Elephant ไปเลย เพราะนอกจากที่พักจะดีแล้ว เรายังสามารถดูการอาบน้ำช้างได้โดยไม่ต้องเสียค่าเข้าชมอีกด้วย ซึ่งการอาบน้ำจะมี2 รอบคือ 10.00และ 14.00น.
ช้างพวกนี้เป็นช้างที่ถูกแม่ช้างทอดทิ้ง หรือหลงอยู่ในป่า จะถูกนำมาเลี้ยงรวมกันที่นี่ เราก็เลยจะเห็นน้องช้างเยอะมาก หมุนเวียนกันมาเล่นน้ำ และเวลาลงมาอาบน้ำ จะดูเป็นกลุ่มใหญ่มาก
Day 5 เที่ยวเมือง Colombo
ด้วยความที่เป็นเมืองหลวง รถก็จะติดพอสมควร ยิ่งเป็นย่านที่มีของขายเยอะๆ หรือตามพวกสถานีรถไฟด้วยแล้ว ก็แน่นไม่แพ้บ้านเราเลยนะ แต่ในความวุ่นวายก็มีความเรียบง่าย สวยงามซ่อนอยู่ และ 3 สถานที่ใน Colombo ที่บอกเลยว่าถ้ามาเมืองนี้ต้องแวะเที่ยวที่เหล่านี้
Red Masjid หรือ Jami Ul-Alfar Mosque
หลายคนเรียกที่นี่ว่า มัสยิดสีลูกกวาด เพราะว่าสร้างด้วยสถาปัตยกรรมสมัยใหม่ บริเวณภายนอกตกแต่งด้วยลวดลายสีแดงสลับสีขาว ดูคล้ายลูกกวาด เป็นมัสยิดที่สวยงามขึ้นชื่อ เป็นแลนด์มาร์คของเมือง Colombo เลยก็ว่าได้ ใครมาเที่ยวก็ต้องแวะมาที่นี่ เพราะสวยงามและมีมุมถ่ายรูปเยอะมาก อีกทั้งสถานที่ยังค่อนข้างกว้างอีกด้วย
Gangamaya Temple หรือวัดคงคารามภายในพระอุโบสถประดิษฐานพระพุทธรูปปางมารวิชัย และก็มีจุดเด่นที่ภาพจิตรกรรมฝาผนังเป็นรูปปั้นสามมิติมีความงดงามมาก นอกจากนี้ยังมีโบราณวัตถุที่สวยงาม เก็บรักษาไว้อยู่มากมายเลย พอสักการะกราบไหว้พระพุทธรูปแล้วก็เดินเล่นสำรวจทั่ววัดล่ะครับ มีมุมสวยๆ ปังๆไว้ถ่ายรูปอยู่หลายมุมครับ ศิลปะ สถาปัตยกรรมของวัดนี้ก็เป็นแบบผสมผสานระหว่าง ศรีลังกา อินเดีย ไทย จีน เดินๆดูก็จะมีพระพุทธรูปของบ้านเรา รูปในหลวงรัชกาลที่9 และ 10 ของเราอยู่ที่วัดแห่งนี้ด้วย
Ministry of Crab
ปิดท้ายด้วยอาหารสุดอร่อยที่ ร้านอาหารสุดฮิตในโคลัมโบ Ministry of Crab คนเยอะมาก ต้องรอคิวเลยทีเดียว ที่นี่เป็นร้านอาหารทะเลนะ ทั้งกุ้งหอยปูปลา คือสดมาก แล้วก็เป็นร้านยอดฮิตของนักท่องเที่ยวด้วย เพราะทั้งไทย จีน ฝรั่ง และคนศรีลังกา มารวมตัวกันอยู่ที่นี่แหละ
อิ่มท้องแล้วก็เตรียมตัวกลับบ้านล่ะ ไว้จะกลับมาอีกนะศรีลังกา
SR - Sponsored Review : กระทู้รีวิวนี้เป็นกระทู้ SR โดยที่เจ้าของกระทู้
ข้อมูลเพิ่มเติม