สวัสดีค่ะ เราอาจจะเขียนเล่าเรื่องราวไม่เก่งนัก แค่อยากให้ทุกคนช้วยรับฟังปัญหาพร้อมทั้งบอกแนะแนวทางให้กับเราทีค่ะ
1.ก่อนอื่นต้องย้อนกลับไปเมื่อต้นปีที่ผ่านมา (หากอยากข้ามไปเหตุการณ์ปัจจุบันอ่านข้อ 2.ได้เลยนะคะ) ป้าเรามีอาการปวดท้องอย่างรุนแรงปวดร้าวไปถึงหลัง เลยมารับการรักษาตามสิท 30 บาทที่รพ.มีชื่อของจังหวัดนนทบุรี ก้อบอกอาการตามที่เป็นให้หมอทราบ หมอก้อฉีดยาแก้ปวดให้และให้พารากลับมากินที่บ้าน ก้อยังไม่หายจึงไปอีกครั้ง คราวนี้หมอก้อฉีดยาแก้ปวดและรอดูอาการเหมือนเดิม พอป้าหายปวด ป้าขอกลับบ้านเพราะคนเยอะ ไม่อยากรอ เกรงว่ายาที่ได้ก้อคงเป็นยาแก้ปวดเหมือนเดิม หลังจากนั้นไม่ถึงอาทิตย์ ป้าก้อล้มลงด้วยโรคเส้นเลือดสมองตีบถึงขั้นปากเบี่ยว แขนขาอ่อนแรง (ก่อนน่านั้นป้าเปนไมเกรนบ่อยและมีอาการเคลียด แต่ป้าไม่ค่อยบอกให้ใครรู้) ก้อได้เข้ารับการรักษาตามสิทบัตรทองที่รพ.เดิม หมอก้อดูแฟ้มประวัติป้าจึงวินิจฉัยอาการปวดท้องว่าอาจเป็นผลข้างเคียงทางสมองจากโรคเส้นเลือดสมองตีบ หมอกับพยาบาลที่นั้นดูแลดีนะคะ ป้านอนเกือบเดือนก้อดีขึ้นเรื่อยๆ เริ่มหายเป็นปกติ หมอจึงให้กลับบ้าน แต่ต้องคอยกินยาละลายลิ่มเลือด พร้อมทำกายภาพบำบัดจนดีขึ้น ก็กลับมาอยู่บ้านได้สักพัก จนช่วงหลังไม่ได้ไปรับยาตามนัดหมอ เพราะคนเยอะทำให้ป้าความดันขึ้นจนต้องพากลับบ้านก่อน แต่ป้าก้อดีขึ้นถึงขั้นเดินเองได้ ช้วยเหลือตัวเองได้ดีขึ้น จึงชะล่าใจกันว่าคงใกล้หายแล้ว แต่แล้วก้อเกิดความผิดปกติขึ้นอีก คือป้ามีเลือดออกทางช่องคลอด อาทิตย์ละ 2-3 วัน และอาการปวดท้องก็กลับมา ป้าจึงลองไปตรวจภายในที่รพ.เดิมเพราะคุณยายสงสัยว่าอาการแบบนี้อาจจะเป็นมะเร็งปากมดลูก แต่หมอกลับแจ้งว่าช่องคลอดปกติดี เลือดที่ออกมาเป็นผลข้างเคียงจากยาละลายลิ่มเลือด แต่อาการปวดท้องก็ยังไม่หายไป ก็ไปหาหมออีก 2-3 ครั้ง โดยครั้งที่ 3 ได้ทำการเก็บปัสสาวะไปตรวจ หมอวินิจฉัยว่าเป็นกระเพราะปัสสาวะอักเสบ ก็ได้ยาฆ่าเชื้อมากิน และนัดดูอาการในอาทิตย์ต่อมา ได้ทำการเก็บปัสสาวะมาตรวจอีกครั้ง แต่ก้อยังพบว่าเป็นเหมือนเดิม หมอเลยให้ยาฆ่าเชื้อที่แรงขึ้น คือต้องนอนหยดยาที่รพ.จนครบ7 วัน ก็มาดูอาการตามหมอนัดอีก คราวนี้มีทั้งเก็บเลือด เก็บปัจสาวะไปดูก็ยังไม่หาย หมอเริ่มคิดว่า ป้าอาจจะเป็นนิ้วในกระเพาะปัสสาวะ จึงมีการนัดทำสแกนคอมพิวเตอร์ และรอผลตรวจในอีก 1 เดือนถัดมา และป้าก็ล้มลงอีกครั้งก่อนวันนัดดูผล
2.ป้ามานอนรพ.เดิมอีกครั้งด้วยอาการปวดท้องมาก มือเท้าชาและมีไข้ขึ้น หมอดูแฟ้มประวัติและเร่งดูผลสแกนพบก้อนเนื้อขนาดใหญ่ในช่องท้องที่ตอนแรกคิดว่าป้าอ้วนขึ้น เพราะกินและนอนอยุ่บนที่นอนไม่ค่อยได้ขยับไปไหน ระยะเวลาทั้งหมดตั้งแต่ป้าปวดท้องร่วมๆ 6-7 เดือน หมอได้ทำการนำก้อนเนื้อไปตรวจรุ้ผลในอีก 2 อาทิตต่อมาว่าเนื้อนั้นคือมะเร็ง และเป็นมะเร็งปากมดลูก??? หลังจากนั้นระดับออกซิเจนป้าต่ำ และมีอาการเหนื่อยจึงต้องใส่น่ากากออกซิเจน หมอคาดว่าคงมีลิ่มเลือดไปอุตที่ปอด จึงนัดทำการฉีดสีและนำตัวเข้าอุโมงค์ (ไม่ทราบว่าเรียกถูกมั้ย) ต่อมาได้ทำการเอกซเร ก้อพบน้ำในปอด ผลการฉีดสี พบลิ่มเลือดไปอุดที่ปอดจริง ระหว่างนั้นป้าก้อมีอาการติดเชื้อ มีไข้ขึ้นๆลงๆตลอด หมอบอกว่าไม่สามารถทำอะไรกับมะเร็งได้ตอนนี้ ต้องรักษาเรื่องปอดก่อน เพราะอันตรายกว่า นอนยาวร่วมเกือบเดือนวันนี้หมอขอคุยอาการพร้อมบอกแนวทางการรักษากับญาติเป็นการส่วนตัว
สรุปผลทั้งหมด
1.ป้ายังมีค่าออกซิเจนต่ำ
2.มีลิ่มเลือดไปอุดที่ปอด(ให้ยาละลายลิ่มเลือด ซึ่งต้องเพิ่มขนาดยาเป็นยาฉีด)
3.น้ำท้วมปอด(หมอให้ยาและรอน้ำมันแห้งไปเอง)
4.มะเร็งตอนนี้ระยะ 3 เกือบ 4 ยังไม่สามารถทำอะไรได้
5.ค่าไตพบความผิดปกติ มีโอกาศไตวายสูง ต้องฟอกไต ซึ่งร่างการป้าไม่แข็งแรง หมอบอกผลข้างเคียงอาจถึงชีวิต แต่ท่าหากไม่ฟอก ยาที่ให้ไปก็จะทำงานไม่ได้อย่างมีประสิทธิภาพก็จะไม่หาย หรือท่าฟอกตามแนวทางการรักษาแล้ว2-3อาทิตย์ หากไม่หายจะมีโอกาศเป็นไตวายเรื้อรัง ต้องฟอกตลอดชีวิต หลังจากนั้นจะมีค่าใช้จ่ายเดือนละไม่ต่ำกว่า 20,000 บาท
6.ขาบวมพบลิ่มเลือดไปอุดที่ขา
ตอนนี้ป้าต้องทำการใส่ท่อปัสสาวะเพราะหมอต้องการดูปริมาณฉี่ต่อวัน และต้องเอกซเรดูว่าก้อนเนื้อมันไปเบียดที่ไตรึป่าว เพราะไตทำงานได้ไม่เต็มที่ทั้ง 2 ข้าง หลังจากนั้นจะรอการตัดสินใจจากหมอใหญ่ว่าต้องฟอกหรือไม่ ผลไม่เกินวันจันทร์ค่ะ
เราทรมานมากที่ต่อน่าป้าต้องทำยิ้มทำหัวเราะเพราะไม่อยากให้ป้าเครียด ทนไม่ไหวก็ได้แต่แอบไปร้องไห้คนเดียวนอกห้องพยาบาล เราโกรธนะคะ ที่หมอเค้าไม่หาสาเหตุอย่างจริงจังตั้งแต่แรก แต่ก้อเข้าใจว่าในวัยเพียง 38 ปี หมอเค้าคิดไม่ถึงกันว่าจะมาเป็นโรคพวกนี้
ใครมีข้อแนะนำอะไรดีๆช่วยหน่อยค่ะ หรือมีรพ.ไหนรักษาดีๆบ้าง หรือเราควรจะทำอะไรได้บ้างคะ มันตันไปหมด ห่วงเรื่องค่าใช้จ่าย หากต้องฟอกไตตลอดชีวิตจริง ครอบครัวไม่มีเงินมากขนาดนั้น ตากับยายเกษียณทั้งคู่อายุ 74 กับ 76 เราขายของส่งตัวเองเรียนอยู่(เรียนวันอาทิตย์)ไม่สามารถทำงานได้ เพราะคอยดูป้าพาป้าหาหมอตลอดตั้งแต่ต้นปีที่ผ่านมา บวกกับแม่ติดคุกซึ่งเราต้องคอยไปเยี่ยมคอยส่งเงินให้ แฟนป้าทำงานเงินเดือนเพียงหมื่นกลางๆ ต้องส่งน้องอีก2 คนเรียน ไม่มีทางที่จะหาเงิน 20,000 ต่อเดือนได้เลย
แต่หากมีที่ไหนรักษาดีช่วยแนะนำด้วยนะคะ ถึงค่ารักษาจะสูงแค่ไหนหากช่วยให้ป้าหายได้เราและครอบครัว จะพยายามหาเงินกันอย่างเต็มที่ค่ะ
ผิดพลาดประการใดในการเขียนกระทู้ครั้งนี้ต้องขออภัยด้วยนะคะ 🙏🙏🙏
เราจะทำอย่างไรดี กับป้าที่ป่วยเป็นมะเร็งระยะ3 พร้อมกับโรคแทรกซ้อนอื่นๆ
1.ก่อนอื่นต้องย้อนกลับไปเมื่อต้นปีที่ผ่านมา (หากอยากข้ามไปเหตุการณ์ปัจจุบันอ่านข้อ 2.ได้เลยนะคะ) ป้าเรามีอาการปวดท้องอย่างรุนแรงปวดร้าวไปถึงหลัง เลยมารับการรักษาตามสิท 30 บาทที่รพ.มีชื่อของจังหวัดนนทบุรี ก้อบอกอาการตามที่เป็นให้หมอทราบ หมอก้อฉีดยาแก้ปวดให้และให้พารากลับมากินที่บ้าน ก้อยังไม่หายจึงไปอีกครั้ง คราวนี้หมอก้อฉีดยาแก้ปวดและรอดูอาการเหมือนเดิม พอป้าหายปวด ป้าขอกลับบ้านเพราะคนเยอะ ไม่อยากรอ เกรงว่ายาที่ได้ก้อคงเป็นยาแก้ปวดเหมือนเดิม หลังจากนั้นไม่ถึงอาทิตย์ ป้าก้อล้มลงด้วยโรคเส้นเลือดสมองตีบถึงขั้นปากเบี่ยว แขนขาอ่อนแรง (ก่อนน่านั้นป้าเปนไมเกรนบ่อยและมีอาการเคลียด แต่ป้าไม่ค่อยบอกให้ใครรู้) ก้อได้เข้ารับการรักษาตามสิทบัตรทองที่รพ.เดิม หมอก้อดูแฟ้มประวัติป้าจึงวินิจฉัยอาการปวดท้องว่าอาจเป็นผลข้างเคียงทางสมองจากโรคเส้นเลือดสมองตีบ หมอกับพยาบาลที่นั้นดูแลดีนะคะ ป้านอนเกือบเดือนก้อดีขึ้นเรื่อยๆ เริ่มหายเป็นปกติ หมอจึงให้กลับบ้าน แต่ต้องคอยกินยาละลายลิ่มเลือด พร้อมทำกายภาพบำบัดจนดีขึ้น ก็กลับมาอยู่บ้านได้สักพัก จนช่วงหลังไม่ได้ไปรับยาตามนัดหมอ เพราะคนเยอะทำให้ป้าความดันขึ้นจนต้องพากลับบ้านก่อน แต่ป้าก้อดีขึ้นถึงขั้นเดินเองได้ ช้วยเหลือตัวเองได้ดีขึ้น จึงชะล่าใจกันว่าคงใกล้หายแล้ว แต่แล้วก้อเกิดความผิดปกติขึ้นอีก คือป้ามีเลือดออกทางช่องคลอด อาทิตย์ละ 2-3 วัน และอาการปวดท้องก็กลับมา ป้าจึงลองไปตรวจภายในที่รพ.เดิมเพราะคุณยายสงสัยว่าอาการแบบนี้อาจจะเป็นมะเร็งปากมดลูก แต่หมอกลับแจ้งว่าช่องคลอดปกติดี เลือดที่ออกมาเป็นผลข้างเคียงจากยาละลายลิ่มเลือด แต่อาการปวดท้องก็ยังไม่หายไป ก็ไปหาหมออีก 2-3 ครั้ง โดยครั้งที่ 3 ได้ทำการเก็บปัสสาวะไปตรวจ หมอวินิจฉัยว่าเป็นกระเพราะปัสสาวะอักเสบ ก็ได้ยาฆ่าเชื้อมากิน และนัดดูอาการในอาทิตย์ต่อมา ได้ทำการเก็บปัสสาวะมาตรวจอีกครั้ง แต่ก้อยังพบว่าเป็นเหมือนเดิม หมอเลยให้ยาฆ่าเชื้อที่แรงขึ้น คือต้องนอนหยดยาที่รพ.จนครบ7 วัน ก็มาดูอาการตามหมอนัดอีก คราวนี้มีทั้งเก็บเลือด เก็บปัจสาวะไปดูก็ยังไม่หาย หมอเริ่มคิดว่า ป้าอาจจะเป็นนิ้วในกระเพาะปัสสาวะ จึงมีการนัดทำสแกนคอมพิวเตอร์ และรอผลตรวจในอีก 1 เดือนถัดมา และป้าก็ล้มลงอีกครั้งก่อนวันนัดดูผล
2.ป้ามานอนรพ.เดิมอีกครั้งด้วยอาการปวดท้องมาก มือเท้าชาและมีไข้ขึ้น หมอดูแฟ้มประวัติและเร่งดูผลสแกนพบก้อนเนื้อขนาดใหญ่ในช่องท้องที่ตอนแรกคิดว่าป้าอ้วนขึ้น เพราะกินและนอนอยุ่บนที่นอนไม่ค่อยได้ขยับไปไหน ระยะเวลาทั้งหมดตั้งแต่ป้าปวดท้องร่วมๆ 6-7 เดือน หมอได้ทำการนำก้อนเนื้อไปตรวจรุ้ผลในอีก 2 อาทิตต่อมาว่าเนื้อนั้นคือมะเร็ง และเป็นมะเร็งปากมดลูก??? หลังจากนั้นระดับออกซิเจนป้าต่ำ และมีอาการเหนื่อยจึงต้องใส่น่ากากออกซิเจน หมอคาดว่าคงมีลิ่มเลือดไปอุตที่ปอด จึงนัดทำการฉีดสีและนำตัวเข้าอุโมงค์ (ไม่ทราบว่าเรียกถูกมั้ย) ต่อมาได้ทำการเอกซเร ก้อพบน้ำในปอด ผลการฉีดสี พบลิ่มเลือดไปอุดที่ปอดจริง ระหว่างนั้นป้าก้อมีอาการติดเชื้อ มีไข้ขึ้นๆลงๆตลอด หมอบอกว่าไม่สามารถทำอะไรกับมะเร็งได้ตอนนี้ ต้องรักษาเรื่องปอดก่อน เพราะอันตรายกว่า นอนยาวร่วมเกือบเดือนวันนี้หมอขอคุยอาการพร้อมบอกแนวทางการรักษากับญาติเป็นการส่วนตัว
สรุปผลทั้งหมด
1.ป้ายังมีค่าออกซิเจนต่ำ
2.มีลิ่มเลือดไปอุดที่ปอด(ให้ยาละลายลิ่มเลือด ซึ่งต้องเพิ่มขนาดยาเป็นยาฉีด)
3.น้ำท้วมปอด(หมอให้ยาและรอน้ำมันแห้งไปเอง)
4.มะเร็งตอนนี้ระยะ 3 เกือบ 4 ยังไม่สามารถทำอะไรได้
5.ค่าไตพบความผิดปกติ มีโอกาศไตวายสูง ต้องฟอกไต ซึ่งร่างการป้าไม่แข็งแรง หมอบอกผลข้างเคียงอาจถึงชีวิต แต่ท่าหากไม่ฟอก ยาที่ให้ไปก็จะทำงานไม่ได้อย่างมีประสิทธิภาพก็จะไม่หาย หรือท่าฟอกตามแนวทางการรักษาแล้ว2-3อาทิตย์ หากไม่หายจะมีโอกาศเป็นไตวายเรื้อรัง ต้องฟอกตลอดชีวิต หลังจากนั้นจะมีค่าใช้จ่ายเดือนละไม่ต่ำกว่า 20,000 บาท
6.ขาบวมพบลิ่มเลือดไปอุดที่ขา
ตอนนี้ป้าต้องทำการใส่ท่อปัสสาวะเพราะหมอต้องการดูปริมาณฉี่ต่อวัน และต้องเอกซเรดูว่าก้อนเนื้อมันไปเบียดที่ไตรึป่าว เพราะไตทำงานได้ไม่เต็มที่ทั้ง 2 ข้าง หลังจากนั้นจะรอการตัดสินใจจากหมอใหญ่ว่าต้องฟอกหรือไม่ ผลไม่เกินวันจันทร์ค่ะ
เราทรมานมากที่ต่อน่าป้าต้องทำยิ้มทำหัวเราะเพราะไม่อยากให้ป้าเครียด ทนไม่ไหวก็ได้แต่แอบไปร้องไห้คนเดียวนอกห้องพยาบาล เราโกรธนะคะ ที่หมอเค้าไม่หาสาเหตุอย่างจริงจังตั้งแต่แรก แต่ก้อเข้าใจว่าในวัยเพียง 38 ปี หมอเค้าคิดไม่ถึงกันว่าจะมาเป็นโรคพวกนี้
ใครมีข้อแนะนำอะไรดีๆช่วยหน่อยค่ะ หรือมีรพ.ไหนรักษาดีๆบ้าง หรือเราควรจะทำอะไรได้บ้างคะ มันตันไปหมด ห่วงเรื่องค่าใช้จ่าย หากต้องฟอกไตตลอดชีวิตจริง ครอบครัวไม่มีเงินมากขนาดนั้น ตากับยายเกษียณทั้งคู่อายุ 74 กับ 76 เราขายของส่งตัวเองเรียนอยู่(เรียนวันอาทิตย์)ไม่สามารถทำงานได้ เพราะคอยดูป้าพาป้าหาหมอตลอดตั้งแต่ต้นปีที่ผ่านมา บวกกับแม่ติดคุกซึ่งเราต้องคอยไปเยี่ยมคอยส่งเงินให้ แฟนป้าทำงานเงินเดือนเพียงหมื่นกลางๆ ต้องส่งน้องอีก2 คนเรียน ไม่มีทางที่จะหาเงิน 20,000 ต่อเดือนได้เลย
แต่หากมีที่ไหนรักษาดีช่วยแนะนำด้วยนะคะ ถึงค่ารักษาจะสูงแค่ไหนหากช่วยให้ป้าหายได้เราและครอบครัว จะพยายามหาเงินกันอย่างเต็มที่ค่ะ
ผิดพลาดประการใดในการเขียนกระทู้ครั้งนี้ต้องขออภัยด้วยนะคะ 🙏🙏🙏