ไขเหตุผล ทำไม “ดารา” ทยอยจากลาช่องมากสี
By พันตา (Panta)
ในยุคทีวีดิจิทัล หลายช่องหวังทำเรตติ้งสร้างความนิยมด้วยการผลิตละคร เป็นโอกาสอันดีให้กับดาราดังหลายคนถูกทาบทามให้รับงานข้ามช่องมากขึ้นเรื่อยๆ ดาราที่มีสังกัดหลายคนผันตัวเป็นนักแสดงอิสระการย้ายวิก ย้ายสังกัด เกิดขึ้นเป็นระยะ ทั้งช่อง 7 ช่อง 3 ช่อง ONE และจีเอ็มเอ็ม แกรมมี่ แต่ดูเหมือนว่าดาราในสังกัดช่องที่มีการย้ายวิก ย้ายสังกัดมากที่สุดจากการติดตามข่าวคราว จะเป็นข่าวของดาราจากวิกหมอชิตมากที่สุด
ในครั้งอดีตที่มีช่อง 7 เป็นบิ๊กเบิ้มในวงการอย่างยากหาใครเปรียบ ครั้งนั้นช่อง 3 ก็ใช้วิธีดึงดาราข้ามช่องมาไว้ในสังกัด ทั้งดาราน้อยใหญ่ ต่างก็อยากมีหลักประกันรายได้ ข่าวใหญ่สุดในยุคนั้นคงไม่พ้นการย้ายค่ายของ มนฤดี ยมาภัย
ในช่วงสิบกว่าปีหลังก่อนจะเป็นยุคทีวีดิจิทัล ดาราใหญ่ที่จรจากช่องมากสี มีทั้ง “ชมพู่ อารยา” “ป๋อ ณัฐวุฒิ” ย้ายไปสังกัดช่อง 3 “จุ๋ย วรัทยา” และ“นุ่น วรนุช” ผันตัวไปเป็นนักแสดงอิสระ พอในยุคทีวีดิจิทัล
ปี 2558 มีข่าวใหญ่ เมื่อ 2 นักแสดงแม่เหล็กของช่อง “แพนเค้ก เขมนิจ” และ “ใหม่ ดาวิกา” หมดสัญญาและไม่ต่อสัญญา “แพนเค้ก” หันไปสังกัดช่อง True4Uในขณะที่ “ใหม่ ดาวิกา” ขอเป็นอิสระ
หลังจากนั้นทุกๆปี ก็จะมีดาราชื่อดังของช่อง 7 ทยอยจากลาช่อง 7 ไล่เรียงมา ตั้งแต่ “เชียร์ ทิฆัมพร” “ใบเฟิร์น พิมพ์ชนก” “ ซี ศิวัฒน์” จนปลายปีที่แล้ว ก็มีข่าวดาราช่องมากสีไม่ต่อสัญญามากมาย ตั้งแต่ “ปุ๊กลุ๊ก ฝนทิพย์ “ “ขวัญ อุษามณี” “นิว วงศกร” และ “กรีน อัษฎาพร” และล่าสุดยังมีข่าวลอยลมมาว่าปลายปีนี้ อาจจะมีนักแสดงชายและหญิงชื่อดังของช่อง ไม่ต่อสัญญาอีกอย่างน้อย 2 คน
การที่นักแสดงไม่ต่อสัญญา ใช่ว่าจะเกิดขึ้นกับช่อง 7 เท่านั้น แต่เกิดกับทุกช่อง เพียงแต่ไม่มีการลาจากมากเท่ากับช่อง 7 จนหลายคนเกิดคำถามในใจว่า ทำไมบรรดานักแสดงในสังกัดช่อง 7 จึงพาเหรดกันเดินจากมามากมายขนาดนี้
เหตุผลแรก การบริหารงานของช่อง 7 ที่มี“กฤตย์ รัตนรักษ์” เป็นเจ้าของ ผู้มีอำนาจตัวจริง การทำงาน เป็นการสั่งผ่านผู้บริหารบางคน ความสัมพันธ์ของผู้ผลิตกับผู้บริหารกลับไม่แนบแน่นเหมือนในสมัย “คุณแดง สุรางค์ เปรมปรีดิ์” ที่บริหารใกล้ชิด แก้ปัญหาในทุกเรื่องได้ราบรื่น เมื่อคุณแดงจากไป “กาวใจ” หลอดที่ 1 จึงหมดลง ยุคต่อมายังคงมี “พลากร สมสุวรรณ” อดีตเอ็มดีช่อง 7 คงความเป็น“กาวใจ” หลอดที่ 2 แต่เมื่อพลากร จากไป จึงเกิดสภาวะ ขาด“ผู้ประสานกาวใจ” กับบรรดาดารา แม้ว่าภายหลัง “กฤตย์” จะตั้ง “ดร.จุ๋ม เยาวลักษณ์ พูลทอง” เข้ามาบริหาร แต่ก็ยังสั่งสมบารมีได้ไม่เท่ากับคุณแดง และพลากร สองผู้บริหารในอดีต
เหตุผลประการถัดมา ด้วยเหตุผลที่ช่อง 7 เป็นช่องมวลชน มีฐานผู้ชมในต่างจังหวัดเป็นส่วนใหญ่ ดังนั้นละครของช่อง 7 จึงสนองตอบตลาดผู้ชมต่างจังหวัดด้วย ละครที่เรียกความนิยม สร้างเรตติ้งมากที่สุด จึงเป็นละครแนวตลาดที่ฝรั่งเรียกว่า Soap opera รวมทั้งละครแอคชั่น บู๊เดือด นักแสดงในสังกัดช่อง 7 ล้วนต้องผ่านด่านการแสดงละครบู๊มาหมดแล้ว รวมถึง “อั้ม พัชราภา” ก็เช่นกัน
อีกเหตุผลหนึ่ง คือ รูปแบบการผลิตละครของช่อง 7 อยู่ในรูปแบบ การถ่ายไป ออนแอร์ไป เมื่อละคร เรื่องใดได้รับความนิยมสูง ก็สามารถยืดเรื่อง ถ่ายเพิ่มได้ตลอดเวลา โปรดักชั่นจึงไม่ค่อยพิถีพิถัน
ความสวย ความหล่อ องค์ประกอบศิลป์ก็จำต้องถูกมองข้ามไป ทั้งเหนื่อยจากการเร่งถ่ายทำ ทั้งกังวลจากเสื้อผ้าหน้าผม เร่งถ่ายทำจนไม่มีเวลาทำเทคนิคให้สีสันนวลตา ผิวกายนวลเนียน
นอกจากนี้ จากภาพลักษณ์ของช่อง 7 เป็นช่องมวลชน แม้ละครเรตติ้งดีสูงกว่าช่องอื่นๆ แต่กลุ่มคนเมือง ทั้งในกรุงเทพและหัวเมืองต่างจังหวัด กลับไม่ค่อยรู้จัก เอเจนซี่และสินค้าจึงไม่ค่อยให้การยอมรับ ไม่ค่อยมีใครดึงมาเป็นพรีเซนเตอร์ ในขณะที่นักแสดงช่อง 3 กลับมีภาพลักษณ์ที่ดีกว่า สินค้าต่างจับจ้องจองตัว เจาะกลุ่มสินค้าโดยเฉพาะกลุ่มผู้หญิงอายุ 15 ปีขึ้น ที่มีกำลังซื้อสูงที่เป็นแฟนช่อง 3 อย่างเหนียวแน่น เป็นกลุ่มที่มีบทบาทในการซื้อสินค้าที่ลงโฆษณาทางทีวีมากที่สุด รวมทั้งจะเห็นได้ว่าโฆษณาส่วนใหญ่ของวงการทีวี เป็นโฆษณาสินค้าสำหรับผู้หญิงมากกว่าผู้ชาย
ภาพที่เกิดขึ้นในวงการโฆษณาคือ นักแสดงที่มีงานโฆษณามากที่สุดล้วนมาจากช่อง 3 ยกเว้นแต่นักแสดงเบอร์ท็อปของช่อง 7 อย่าง “อั้ม พัชราภา” และ “เวียร์ ศุกลวัฒน์” ที่ดังระดับประเทศ จึงจะมีงานโฆษณาต่อเนื่อง
มาถึงวันนี้ เมื่อโอกาสเปิด มีหลากหลายช่องทีวีดิจิทัล ขยายการลงทุนสู่ตลาดละคร นักแสดงในสังกัดช่อง 7 ที่มีชื่อเสียง จึงเลือกที่จะลาจาก ทั้งไปสังกัดช่อง และเป็นอิสระมากที่สุด เท่ากับว่า มีทางเลือกในการปรับภาพพจน์ รับงาน อีเวนท์ และงานพรีเซ็นเตอร์ได้มากกว่าเดิม
จึงไม่น่าแปลกใจกับข่าวลอยลมที่ว่า ช่วงใกล้สิ้นปี จะมีนักแสดงในสังกัดช่อง 7 จะลาจากจรอีก ครั้งนี้อาจไม่ใช่ภาษิตที่ว่า “คับที่อยู่ได้ คับใจอยู่ยาก” หากแต่เป็นเสียงเล่าลือมาถึงหูนักแสดงช่องมากสีว่า โลกภายนอกช่างงดงาม บรรยากาศช่างหอมหวนยวนใจ มีเงินก้อนใหญ่ให้เลือกหยิบ เลือกคว้า ครานี้
ผู้บริหารช่องมากสีจะทำเช่นใด เพราะจะหันไปปรึกษาคุณแดง ก็คงจะเป็นเรื่องเหลือเชื่อ
ที่มา : TV Digital Watch
https://www.tvdigitalwatch.com/review-16-08-62/
ไขเหตุผล เหตุไฉนใย “ดาราน้อยใหญ่” ทยอยจรลี จากลาช่องมากสี
By พันตา (Panta)
ในยุคทีวีดิจิทัล หลายช่องหวังทำเรตติ้งสร้างความนิยมด้วยการผลิตละคร เป็นโอกาสอันดีให้กับดาราดังหลายคนถูกทาบทามให้รับงานข้ามช่องมากขึ้นเรื่อยๆ ดาราที่มีสังกัดหลายคนผันตัวเป็นนักแสดงอิสระการย้ายวิก ย้ายสังกัด เกิดขึ้นเป็นระยะ ทั้งช่อง 7 ช่อง 3 ช่อง ONE และจีเอ็มเอ็ม แกรมมี่ แต่ดูเหมือนว่าดาราในสังกัดช่องที่มีการย้ายวิก ย้ายสังกัดมากที่สุดจากการติดตามข่าวคราว จะเป็นข่าวของดาราจากวิกหมอชิตมากที่สุด
ในครั้งอดีตที่มีช่อง 7 เป็นบิ๊กเบิ้มในวงการอย่างยากหาใครเปรียบ ครั้งนั้นช่อง 3 ก็ใช้วิธีดึงดาราข้ามช่องมาไว้ในสังกัด ทั้งดาราน้อยใหญ่ ต่างก็อยากมีหลักประกันรายได้ ข่าวใหญ่สุดในยุคนั้นคงไม่พ้นการย้ายค่ายของ มนฤดี ยมาภัย
ในช่วงสิบกว่าปีหลังก่อนจะเป็นยุคทีวีดิจิทัล ดาราใหญ่ที่จรจากช่องมากสี มีทั้ง “ชมพู่ อารยา” “ป๋อ ณัฐวุฒิ” ย้ายไปสังกัดช่อง 3 “จุ๋ย วรัทยา” และ“นุ่น วรนุช” ผันตัวไปเป็นนักแสดงอิสระ พอในยุคทีวีดิจิทัล
ปี 2558 มีข่าวใหญ่ เมื่อ 2 นักแสดงแม่เหล็กของช่อง “แพนเค้ก เขมนิจ” และ “ใหม่ ดาวิกา” หมดสัญญาและไม่ต่อสัญญา “แพนเค้ก” หันไปสังกัดช่อง True4Uในขณะที่ “ใหม่ ดาวิกา” ขอเป็นอิสระ
หลังจากนั้นทุกๆปี ก็จะมีดาราชื่อดังของช่อง 7 ทยอยจากลาช่อง 7 ไล่เรียงมา ตั้งแต่ “เชียร์ ทิฆัมพร” “ใบเฟิร์น พิมพ์ชนก” “ ซี ศิวัฒน์” จนปลายปีที่แล้ว ก็มีข่าวดาราช่องมากสีไม่ต่อสัญญามากมาย ตั้งแต่ “ปุ๊กลุ๊ก ฝนทิพย์ “ “ขวัญ อุษามณี” “นิว วงศกร” และ “กรีน อัษฎาพร” และล่าสุดยังมีข่าวลอยลมมาว่าปลายปีนี้ อาจจะมีนักแสดงชายและหญิงชื่อดังของช่อง ไม่ต่อสัญญาอีกอย่างน้อย 2 คน
การที่นักแสดงไม่ต่อสัญญา ใช่ว่าจะเกิดขึ้นกับช่อง 7 เท่านั้น แต่เกิดกับทุกช่อง เพียงแต่ไม่มีการลาจากมากเท่ากับช่อง 7 จนหลายคนเกิดคำถามในใจว่า ทำไมบรรดานักแสดงในสังกัดช่อง 7 จึงพาเหรดกันเดินจากมามากมายขนาดนี้
เหตุผลแรก การบริหารงานของช่อง 7 ที่มี“กฤตย์ รัตนรักษ์” เป็นเจ้าของ ผู้มีอำนาจตัวจริง การทำงาน เป็นการสั่งผ่านผู้บริหารบางคน ความสัมพันธ์ของผู้ผลิตกับผู้บริหารกลับไม่แนบแน่นเหมือนในสมัย “คุณแดง สุรางค์ เปรมปรีดิ์” ที่บริหารใกล้ชิด แก้ปัญหาในทุกเรื่องได้ราบรื่น เมื่อคุณแดงจากไป “กาวใจ” หลอดที่ 1 จึงหมดลง ยุคต่อมายังคงมี “พลากร สมสุวรรณ” อดีตเอ็มดีช่อง 7 คงความเป็น“กาวใจ” หลอดที่ 2 แต่เมื่อพลากร จากไป จึงเกิดสภาวะ ขาด“ผู้ประสานกาวใจ” กับบรรดาดารา แม้ว่าภายหลัง “กฤตย์” จะตั้ง “ดร.จุ๋ม เยาวลักษณ์ พูลทอง” เข้ามาบริหาร แต่ก็ยังสั่งสมบารมีได้ไม่เท่ากับคุณแดง และพลากร สองผู้บริหารในอดีต
เหตุผลประการถัดมา ด้วยเหตุผลที่ช่อง 7 เป็นช่องมวลชน มีฐานผู้ชมในต่างจังหวัดเป็นส่วนใหญ่ ดังนั้นละครของช่อง 7 จึงสนองตอบตลาดผู้ชมต่างจังหวัดด้วย ละครที่เรียกความนิยม สร้างเรตติ้งมากที่สุด จึงเป็นละครแนวตลาดที่ฝรั่งเรียกว่า Soap opera รวมทั้งละครแอคชั่น บู๊เดือด นักแสดงในสังกัดช่อง 7 ล้วนต้องผ่านด่านการแสดงละครบู๊มาหมดแล้ว รวมถึง “อั้ม พัชราภา” ก็เช่นกัน
อีกเหตุผลหนึ่ง คือ รูปแบบการผลิตละครของช่อง 7 อยู่ในรูปแบบ การถ่ายไป ออนแอร์ไป เมื่อละคร เรื่องใดได้รับความนิยมสูง ก็สามารถยืดเรื่อง ถ่ายเพิ่มได้ตลอดเวลา โปรดักชั่นจึงไม่ค่อยพิถีพิถัน
ความสวย ความหล่อ องค์ประกอบศิลป์ก็จำต้องถูกมองข้ามไป ทั้งเหนื่อยจากการเร่งถ่ายทำ ทั้งกังวลจากเสื้อผ้าหน้าผม เร่งถ่ายทำจนไม่มีเวลาทำเทคนิคให้สีสันนวลตา ผิวกายนวลเนียน
นอกจากนี้ จากภาพลักษณ์ของช่อง 7 เป็นช่องมวลชน แม้ละครเรตติ้งดีสูงกว่าช่องอื่นๆ แต่กลุ่มคนเมือง ทั้งในกรุงเทพและหัวเมืองต่างจังหวัด กลับไม่ค่อยรู้จัก เอเจนซี่และสินค้าจึงไม่ค่อยให้การยอมรับ ไม่ค่อยมีใครดึงมาเป็นพรีเซนเตอร์ ในขณะที่นักแสดงช่อง 3 กลับมีภาพลักษณ์ที่ดีกว่า สินค้าต่างจับจ้องจองตัว เจาะกลุ่มสินค้าโดยเฉพาะกลุ่มผู้หญิงอายุ 15 ปีขึ้น ที่มีกำลังซื้อสูงที่เป็นแฟนช่อง 3 อย่างเหนียวแน่น เป็นกลุ่มที่มีบทบาทในการซื้อสินค้าที่ลงโฆษณาทางทีวีมากที่สุด รวมทั้งจะเห็นได้ว่าโฆษณาส่วนใหญ่ของวงการทีวี เป็นโฆษณาสินค้าสำหรับผู้หญิงมากกว่าผู้ชาย
ภาพที่เกิดขึ้นในวงการโฆษณาคือ นักแสดงที่มีงานโฆษณามากที่สุดล้วนมาจากช่อง 3 ยกเว้นแต่นักแสดงเบอร์ท็อปของช่อง 7 อย่าง “อั้ม พัชราภา” และ “เวียร์ ศุกลวัฒน์” ที่ดังระดับประเทศ จึงจะมีงานโฆษณาต่อเนื่อง
มาถึงวันนี้ เมื่อโอกาสเปิด มีหลากหลายช่องทีวีดิจิทัล ขยายการลงทุนสู่ตลาดละคร นักแสดงในสังกัดช่อง 7 ที่มีชื่อเสียง จึงเลือกที่จะลาจาก ทั้งไปสังกัดช่อง และเป็นอิสระมากที่สุด เท่ากับว่า มีทางเลือกในการปรับภาพพจน์ รับงาน อีเวนท์ และงานพรีเซ็นเตอร์ได้มากกว่าเดิม
จึงไม่น่าแปลกใจกับข่าวลอยลมที่ว่า ช่วงใกล้สิ้นปี จะมีนักแสดงในสังกัดช่อง 7 จะลาจากจรอีก ครั้งนี้อาจไม่ใช่ภาษิตที่ว่า “คับที่อยู่ได้ คับใจอยู่ยาก” หากแต่เป็นเสียงเล่าลือมาถึงหูนักแสดงช่องมากสีว่า โลกภายนอกช่างงดงาม บรรยากาศช่างหอมหวนยวนใจ มีเงินก้อนใหญ่ให้เลือกหยิบ เลือกคว้า ครานี้
ผู้บริหารช่องมากสีจะทำเช่นใด เพราะจะหันไปปรึกษาคุณแดง ก็คงจะเป็นเรื่องเหลือเชื่อ
ที่มา : TV Digital Watch https://www.tvdigitalwatch.com/review-16-08-62/