สวัสดีค่ะ เพื่อนสมาชิกดิฉันได้สมัครอบรมสำหรับการอบรมวิชาว่าความรุ่น 52 และสอบภาคทฤษฎีไปแล้วค่ะ เลยอยากจะเข้ามาแชร์ประสบการณ์การเตรียมตัวสอบ การอ่านหนังสือ และประสบการณ์ในห้องสอบ ส่วนหนึ่งก็เป็นการบันทึกความทรงจำของตัวเอง และได้แบ่งปันประสบการณ์ให้กับเพื่อนๆ ที่จะมาในสายอาชีพนี้นะคะ
ก่อนอื่นขอเกริ่นนำก่อนว่าเราจบ ป.ตรี นิติศาสตร์ ตั้งแต่ปี 2550 ทำงานมา 11 ปีแล้ว สาย HR (บ.เอกชน) ซึ่งไม่ใช่สายอาชีพกฎหมายโดยตรงแต่มีเกี่ยวข้องบ้าง (กฎหมายแรงงาน) และไม่เคยมีความคิดจะไปสอบหรือทำอะไรในสายอาชีพกฎหมายเลย แต่ความคิดก็มาถึงจุดเปลี่ยนตอนทำงานได้ 10 ปี ก็รู้สึกเหมือนเราโง่ค่ะ เหมือนว่าเราทำงานเดิมๆ แบบเดิมๆ ความรู้ที่มีมาก็ไม่ค่อยได้นำมาใช้ หรือนำมาใช้ได้ไม่สุดเหมือนมันตันๆ ในตำแหน่งงาน ประกอบกับเศรษฐกิจเราว่ามันแย่ลงหรือป่าว เงินเดือนขึ้นน้อยลง โบนัสก็น้อยลง บริษัทในเครือที่เราทำอยู่จากที่มีหลายๆ บริษัท ก็เริ่มยุบรวมกัน (สัญญาณไม่ดี) เราเลยมีความคิดว่าเราต้องทำอะไรสักอย่างกับชีวิตแล้ว
ปัจจุบันเราอายุก็ 30 กว่าๆ แล้ว เลยมองหาอาชีพอะไรที่ไม่มีอุปสรรคเรื่องของอายุมากำหนด (กรณี บริษัท เอกชนถ้าเปลี่ยนงาน เรารู้สึกว่าเค้าชอบกำหนดอายุไม่เกิน 35 ปี) อยู่ดีๆ ก็ปิ๊งขึ้นมาในหัว ว่าไปสอบตั๋วดีกว่า แล้วเราก็เริ่มวางแผนตอนต้นปี 2562 นี่เอง โดยทำดังนี้
1. ศึกษาเรื่องการสมัคร / วันเปิดรับสมัคร / วันสอบ (ทั้งตั๋วรุ่นและตั๋วปี) (ความรู้หาไม่ยาก อากู๋ตอบเราได้ทุกเรื่อง)
2. การจะไปทางสายนี้ สิ่งสำคัญอย่างหนึ่งคือเพื่อนฝูงค่ะ โชคดีเรามีพี่ทนายคนนึง รู้จักกันมานานนม จากการทำงานนี่แหละ เวลาบริษัทมีเคสต้องเรียกใช้ทนาย เราให้งานเค้าตลอด เพราะเป็นรุ่นพี่ที่มหาวิทยาลัยด้วย เค้าได้งานจากเราตลอด ซึ่งก็ได้เวลาเราใช้เค้าบางแล้ว 55+ เราเลยจัดแจงโทรไปขอความช่วยเหลือ "พี่ๆ หนูขอไปฝึกงานกับพี่ได้มั้ย หนูอยากไปสอบตั๋วแล้วค่ะ...แล้วพี่เค้าก็โอเคเลย"
3. ตัดสินใจสมัครทั้งตั๋วรุ่นและปี โดยตั๋วปี เรารีบไปขอแบบแจ้งการฝึกงานที่สภามาให้พี่เค้าเซ็นรับรองให้ แต่เราก็คุยกับเค้านะว่าจะไม่ได้ไปฝึกที่สำนักงานพี่เค้าจริงๆ เพราะเราต้องทำงานประจำ ซึ่งพี่เค้าก็บอกว่าเข้าใจ แต่ก็ไม่ละเลยที่จะสอนและแนะนำการทำงานนะคะ เดี๋ยวจะเล่าให้ฟังต่อไปนะ
4. ตั๋วรุ่น เราคอยฟังสภาเค้าประกาศรับสมัครอยู่ จนถึงช่วงเดือน มี.ค.62 มีประกาศรับสมัคร เราก็ไปสมัครตามขั้นตอนค่ะ
5. การเตรียมตัวสอบ เราเริ่มอ่านหนังสือล่วงหน้าตั้งแต่เราเอาใบแจ้งฝึกงานไปให้พี่ทนายเซ็นให้ ประมาณ ก.พ.62 ค่ะ ส่วนเวลาอ่านก็ 19.00-22.00 ค่ะ ไม่ทุกวันนะคะ อ่านเก็บไปเรื่อยๆ เราทำงานจันทร์-เสาร์ มีเอาหนังสือมานั่งอ่านที่ทำงานเวลาว่างบ้าง ส่วนฝึกเขียนก็ใช้กระดาษรียูซที่ออฟฟิศเยอะค่ะเค้าไม่หวง สำหรับหนังสือที่อ่าน มีดังนี้
5.1 รวมข้อสอบพร้อมแนวคำตอบภาคทฤษฎี ของสภาฯ (เล่มฟ้า) ดูโจทก์เก่า ฝึกเขียนตามเฉลยก่อน แล้วฝึกเขียนแบบไม่ดูเฉลย (ลองร่างเองดูเพื่อทดสอบตัวเอง) / เล่มนี้คนจะสอบต้องมีไว้ทุกคนนะคะ หัวใจสำคัญเลย
5.2 คู่มือการฝึกอบรมวิชาว่าความ โดย สำนักฝึกอบรมวิชาว่าความ สภาทนายความ อ่านทั้งเล่ม เพื่อเข้าใจภาพรวมทั้งการทำงานในวิชาชีพนี้ หลักกฎหมาย และหลักการทำเอกสารกฎหมาย (เราหาซื้อมือสองจากเว็บขายดีมาอ่าน เล่มนี้ยังตีพิมพ์หรือป่าวไม่ทราบนะคะ เพราะหาซื้อในเว็บไม่ได้แล้ว)
5.3 หนังสือชื่อเปิดรหัสลับการสอบทนายความ ของกลุ่มกฎหมายสมองกล ในเล่มจะมีตัวอย่างเอกสารกฎหมาย และคำฟ้อง คำร้อง คำขอ เรื่องต่างๆ เราอ่านและฝึกเขียนตาม
5.4 หนังสือ ทนายใหม่ไปศาล ของทนายออด เล่ม 1-4 ผู้เขียนแชร์ประสบการณ์การทำงานทนายความ ทำให้เราเห็นภาพรวมการทำงานจริงๆ มากขึ้น (ผู้เขียนไม่หวงวิชาจริงๆค่ะ)
5.5 แอบส่องพวกเพจติวเตอร์ทั้งหลาย หาอ่านเอกสารฟรี กระทู้ฟรี หรือไลฟ์สด ที่เค้าทำออกมาเรียกน้ำย่อยให้เราเข้าไปสมัครเรียนอ่ะ แต่เราไม่ได้สมัครนะคะ เพราะคิดว่าอ่านเอาเองพอได้อยู่ 555+
การเตรียมตัวของเรา สำหรับปรนัย เราฝึกทำข้อสอบเก่าไปเท่าที่ฝึกแต่ละปีจะได้คะแนน 12-13 คะแนน เราคิดว่าโอแล้ว ส่วนอัตนัย เราแบ่งเรื่องที่จะฝึกเป็น 4 เรื่องหลักๆ
1.เอกสารกฎหมาย ได้แก่ หนังสือติดตามทวงถาม, คำร้องทุกข์เป็นหนังสือ, พินัยกรรม, บัญชีเครือญาติ
2.คำร้อง คำขอ คำแถลง พิมพ์เข้าไปใน google ตัวอย่างคำร้อง คำขอ คำแถลง จะมีตัวอย่างให้ดูเพียบ ท่องและฝึกเขียนทีละเรื่องไปเลย เราว่าข้อพวกนี้คะแนนน้อยข้อละ 5-6 คะแนน แต่ถ้าทำได้นะ เราว่ามันช่วยได้เยอะ
3.คำฟ้องแพ่งและคำฟ้องอาญา ฟ้องอาญาเราว่าไม่ยากนะ จำหลักเอา ส่วนฟ้องแพ่ง ข้อนี้คะแนนเยอะสุด (30-36 คะแนน) แต่เราเพิ่งมาเน้นอ่านเอาเดือนสุดท้ายจริงๆ เพราะลองอ่านข้อสอบเก่าแล้ว การเขียนมันเปลี่ยนแปลงไปตามโจทก์ ต้องสรุปเรื่องเป็น วางหลักกฎหมายเป็น เขียนคำขอถูก เราใช้ท่องหลักไป (บรรยายสถานะ/นิติสัมพันธ์/ข้อโต้แย้งมีอะไรบ้าง/เสียหายอย่างไร/การทวงถาม/คำลงท้าย “โจทก์ไม่มีทางอื่นใด.....”/คำขอท้ายฟ้อง เราเอาดินสอจดหัวข้อไว้ในกระดาษคำตอบเลย กลัวลืมประเด็นไหน เราว่าถ้าบรรยายครบเรื่อง น่าจะไม่พลาด
4.คดีไม่มีข้อพิพาท ทำเป็นคำร้องต่างๆ ของทฤษฎีชอบออก คำร้องขอเป็นผู้จัดการมรดก ท่องไปเรื่องเดียว 55+
(การฝึกอ่านและเขียนตามคำตอบในหนังสือ และฝึกเขียนเองแบบไม่ดูคำตอบ / ใช้สมองคิดเองห้ามดูเฉลยก่อน ทำเสร็จไปตรวจเฉลยอีกที)
**วันนี้พอแค่นี้ก่อนนะคะ โปรดติดตามรีวิววันเข้าสู่สนามจริงนะคะ**
แชร์ประสบการสอบตั๋วทนายภาคทฤษฎี (สำหรับผู้สอบครั้งแรก)
ก่อนอื่นขอเกริ่นนำก่อนว่าเราจบ ป.ตรี นิติศาสตร์ ตั้งแต่ปี 2550 ทำงานมา 11 ปีแล้ว สาย HR (บ.เอกชน) ซึ่งไม่ใช่สายอาชีพกฎหมายโดยตรงแต่มีเกี่ยวข้องบ้าง (กฎหมายแรงงาน) และไม่เคยมีความคิดจะไปสอบหรือทำอะไรในสายอาชีพกฎหมายเลย แต่ความคิดก็มาถึงจุดเปลี่ยนตอนทำงานได้ 10 ปี ก็รู้สึกเหมือนเราโง่ค่ะ เหมือนว่าเราทำงานเดิมๆ แบบเดิมๆ ความรู้ที่มีมาก็ไม่ค่อยได้นำมาใช้ หรือนำมาใช้ได้ไม่สุดเหมือนมันตันๆ ในตำแหน่งงาน ประกอบกับเศรษฐกิจเราว่ามันแย่ลงหรือป่าว เงินเดือนขึ้นน้อยลง โบนัสก็น้อยลง บริษัทในเครือที่เราทำอยู่จากที่มีหลายๆ บริษัท ก็เริ่มยุบรวมกัน (สัญญาณไม่ดี) เราเลยมีความคิดว่าเราต้องทำอะไรสักอย่างกับชีวิตแล้ว
ปัจจุบันเราอายุก็ 30 กว่าๆ แล้ว เลยมองหาอาชีพอะไรที่ไม่มีอุปสรรคเรื่องของอายุมากำหนด (กรณี บริษัท เอกชนถ้าเปลี่ยนงาน เรารู้สึกว่าเค้าชอบกำหนดอายุไม่เกิน 35 ปี) อยู่ดีๆ ก็ปิ๊งขึ้นมาในหัว ว่าไปสอบตั๋วดีกว่า แล้วเราก็เริ่มวางแผนตอนต้นปี 2562 นี่เอง โดยทำดังนี้
1. ศึกษาเรื่องการสมัคร / วันเปิดรับสมัคร / วันสอบ (ทั้งตั๋วรุ่นและตั๋วปี) (ความรู้หาไม่ยาก อากู๋ตอบเราได้ทุกเรื่อง)
2. การจะไปทางสายนี้ สิ่งสำคัญอย่างหนึ่งคือเพื่อนฝูงค่ะ โชคดีเรามีพี่ทนายคนนึง รู้จักกันมานานนม จากการทำงานนี่แหละ เวลาบริษัทมีเคสต้องเรียกใช้ทนาย เราให้งานเค้าตลอด เพราะเป็นรุ่นพี่ที่มหาวิทยาลัยด้วย เค้าได้งานจากเราตลอด ซึ่งก็ได้เวลาเราใช้เค้าบางแล้ว 55+ เราเลยจัดแจงโทรไปขอความช่วยเหลือ "พี่ๆ หนูขอไปฝึกงานกับพี่ได้มั้ย หนูอยากไปสอบตั๋วแล้วค่ะ...แล้วพี่เค้าก็โอเคเลย"
3. ตัดสินใจสมัครทั้งตั๋วรุ่นและปี โดยตั๋วปี เรารีบไปขอแบบแจ้งการฝึกงานที่สภามาให้พี่เค้าเซ็นรับรองให้ แต่เราก็คุยกับเค้านะว่าจะไม่ได้ไปฝึกที่สำนักงานพี่เค้าจริงๆ เพราะเราต้องทำงานประจำ ซึ่งพี่เค้าก็บอกว่าเข้าใจ แต่ก็ไม่ละเลยที่จะสอนและแนะนำการทำงานนะคะ เดี๋ยวจะเล่าให้ฟังต่อไปนะ
4. ตั๋วรุ่น เราคอยฟังสภาเค้าประกาศรับสมัครอยู่ จนถึงช่วงเดือน มี.ค.62 มีประกาศรับสมัคร เราก็ไปสมัครตามขั้นตอนค่ะ
5. การเตรียมตัวสอบ เราเริ่มอ่านหนังสือล่วงหน้าตั้งแต่เราเอาใบแจ้งฝึกงานไปให้พี่ทนายเซ็นให้ ประมาณ ก.พ.62 ค่ะ ส่วนเวลาอ่านก็ 19.00-22.00 ค่ะ ไม่ทุกวันนะคะ อ่านเก็บไปเรื่อยๆ เราทำงานจันทร์-เสาร์ มีเอาหนังสือมานั่งอ่านที่ทำงานเวลาว่างบ้าง ส่วนฝึกเขียนก็ใช้กระดาษรียูซที่ออฟฟิศเยอะค่ะเค้าไม่หวง สำหรับหนังสือที่อ่าน มีดังนี้
5.1 รวมข้อสอบพร้อมแนวคำตอบภาคทฤษฎี ของสภาฯ (เล่มฟ้า) ดูโจทก์เก่า ฝึกเขียนตามเฉลยก่อน แล้วฝึกเขียนแบบไม่ดูเฉลย (ลองร่างเองดูเพื่อทดสอบตัวเอง) / เล่มนี้คนจะสอบต้องมีไว้ทุกคนนะคะ หัวใจสำคัญเลย
5.2 คู่มือการฝึกอบรมวิชาว่าความ โดย สำนักฝึกอบรมวิชาว่าความ สภาทนายความ อ่านทั้งเล่ม เพื่อเข้าใจภาพรวมทั้งการทำงานในวิชาชีพนี้ หลักกฎหมาย และหลักการทำเอกสารกฎหมาย (เราหาซื้อมือสองจากเว็บขายดีมาอ่าน เล่มนี้ยังตีพิมพ์หรือป่าวไม่ทราบนะคะ เพราะหาซื้อในเว็บไม่ได้แล้ว)
5.3 หนังสือชื่อเปิดรหัสลับการสอบทนายความ ของกลุ่มกฎหมายสมองกล ในเล่มจะมีตัวอย่างเอกสารกฎหมาย และคำฟ้อง คำร้อง คำขอ เรื่องต่างๆ เราอ่านและฝึกเขียนตาม
5.4 หนังสือ ทนายใหม่ไปศาล ของทนายออด เล่ม 1-4 ผู้เขียนแชร์ประสบการณ์การทำงานทนายความ ทำให้เราเห็นภาพรวมการทำงานจริงๆ มากขึ้น (ผู้เขียนไม่หวงวิชาจริงๆค่ะ)
5.5 แอบส่องพวกเพจติวเตอร์ทั้งหลาย หาอ่านเอกสารฟรี กระทู้ฟรี หรือไลฟ์สด ที่เค้าทำออกมาเรียกน้ำย่อยให้เราเข้าไปสมัครเรียนอ่ะ แต่เราไม่ได้สมัครนะคะ เพราะคิดว่าอ่านเอาเองพอได้อยู่ 555+
การเตรียมตัวของเรา สำหรับปรนัย เราฝึกทำข้อสอบเก่าไปเท่าที่ฝึกแต่ละปีจะได้คะแนน 12-13 คะแนน เราคิดว่าโอแล้ว ส่วนอัตนัย เราแบ่งเรื่องที่จะฝึกเป็น 4 เรื่องหลักๆ
1.เอกสารกฎหมาย ได้แก่ หนังสือติดตามทวงถาม, คำร้องทุกข์เป็นหนังสือ, พินัยกรรม, บัญชีเครือญาติ
2.คำร้อง คำขอ คำแถลง พิมพ์เข้าไปใน google ตัวอย่างคำร้อง คำขอ คำแถลง จะมีตัวอย่างให้ดูเพียบ ท่องและฝึกเขียนทีละเรื่องไปเลย เราว่าข้อพวกนี้คะแนนน้อยข้อละ 5-6 คะแนน แต่ถ้าทำได้นะ เราว่ามันช่วยได้เยอะ
3.คำฟ้องแพ่งและคำฟ้องอาญา ฟ้องอาญาเราว่าไม่ยากนะ จำหลักเอา ส่วนฟ้องแพ่ง ข้อนี้คะแนนเยอะสุด (30-36 คะแนน) แต่เราเพิ่งมาเน้นอ่านเอาเดือนสุดท้ายจริงๆ เพราะลองอ่านข้อสอบเก่าแล้ว การเขียนมันเปลี่ยนแปลงไปตามโจทก์ ต้องสรุปเรื่องเป็น วางหลักกฎหมายเป็น เขียนคำขอถูก เราใช้ท่องหลักไป (บรรยายสถานะ/นิติสัมพันธ์/ข้อโต้แย้งมีอะไรบ้าง/เสียหายอย่างไร/การทวงถาม/คำลงท้าย “โจทก์ไม่มีทางอื่นใด.....”/คำขอท้ายฟ้อง เราเอาดินสอจดหัวข้อไว้ในกระดาษคำตอบเลย กลัวลืมประเด็นไหน เราว่าถ้าบรรยายครบเรื่อง น่าจะไม่พลาด
4.คดีไม่มีข้อพิพาท ทำเป็นคำร้องต่างๆ ของทฤษฎีชอบออก คำร้องขอเป็นผู้จัดการมรดก ท่องไปเรื่องเดียว 55+
(การฝึกอ่านและเขียนตามคำตอบในหนังสือ และฝึกเขียนเองแบบไม่ดูคำตอบ / ใช้สมองคิดเองห้ามดูเฉลยก่อน ทำเสร็จไปตรวจเฉลยอีกที)
**วันนี้พอแค่นี้ก่อนนะคะ โปรดติดตามรีวิววันเข้าสู่สนามจริงนะคะ**